บทที่ 21 ฉันจะแจ้งตำรวจ

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 21 ฉันจะแจ้งตำรวจ

ตอนที่เซียวเฟิงพบไนท์ คูนเนอร์เป็นครั้งแรก เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอใจแคบเอามาก ๆ หญิงสาวล่อบอสมาเพื่อที่จะใช้มันฆ่าเขา หลังจากนั้นก็ยังตามไล่ฆ่าเขาอีกตั้งหลายรอบ แล้วหลังจากที่รู้ว่าสู้ในเกมไม่ได้ก็เลยมาท้าต่อยในโลกจริง แล้วเขาก็มารู้ทีหลังว่าทำไมไนท์ คูนเนอร์ถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนั้น ที่แท้ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิง!! คงเป็นเรื่องจริงที่เขาว่าผู้หญิงมักเอาแต่ใจ ก่อนหน้านี้ยังด่าเขาซะไม่มีชิ้นดีเลยอยู่เลย แต่ดูตอนนี้ซิ!

“เสนอราคามา แล้วจะขายให้” เซียวเฟิงสะบัดแขนของเขาออก แต่ไนท์ คูนเนอร์ก็ไม่ยอมปล่อย

“เราคุยกันได้น่า! แต่ขายให้ฉันเถอะ!” ไนท์ คูนเนอร์ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น เธอเกาะเซียวเฟิงอย่างแน่นราวกับกลัวว่าเขาจะวิ่งหนี

“ได้ ๆ แต่ปล่อยฉันก่อน เห็นคนอื่นเป็นหัวหลักหัวตอเหรอเธอเนี่ย” ใช่แล้ว ตอนนี้มีคนอยู่ตรงนี้เยอะมาก แถมชุดของเธอยังเตะตาแบบสุด ๆ

“ฉันก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ” ไนท์ คูนเนอร์ส่งเสียงขึ้นจมูกก่อนจะปล่อยแขนเขา

“แล้วถ้าอย่างนั้น นายจะขายเท่าไหร่?”

“20 เหรียญทอง ห้ามต่อรอง” เซียวเฟิงบอกราคาทันที

“นั่นเรียกว่าปล้นกันเลยนะไอ้บ้า” ไนท์ คูนเนอร์โกรธจนแทบคลั่งทันทีที่ได้ยินราคา

“มันคงยังมีคนอื่นที่อยากได้มีดนี่อยู่อีกล่ะมั้ง” เซียวเฟิงอ่านความคิดของเธอออก มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับคลาสของหญิงสาว และเป็นระดับเงินเสียด้วย

“ฉันไม่ค่อยมีเหรียญทองเท่าไหร่ งั้นจ่ายเงินจริงก็แล้วกัน”

ไนท์ คูนเนอร์จำต้องยอมแพ้เซียวเฟิงอย่างจำใจ มีดสั้นเล่มนี้มีราคาสูงมาก ถ้าเอาไปประมูลล่ะก็ราคาคงเพิ่มขึ้นมาสัก 2 เท่า

“ได้เลย เงินมาของไป!” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็รู้สึกว่า 20 เหรียญทองน้อยเกินไปกับคนที่รวยขนาดนี้

“ฉันยังไม่ไว้ใจนาย ส่งมีดมาก่อนแล้วฉันจะจ่ายทีหลัง” ไนท์ คูนเนอร์มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างระแวง เธอมองว่าเซียวเฟิงนั้นหน้าด้านหน้าทนจะตายไป ก่อนหน้านี้เธอก็โดนโก่งราคาค่าดอกไม้ไปแบบซึ่ง ๆ หน้ามาแล้ว

“บังเอิญจังนะ ฉันก็ไม่ไว้ใจเธอเหมือนกัน งั้นให้คนอื่นแล้วกัน” เซียวเฟิงกลอกตายียวน ก่อนจะทำท่าเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน!” ไนท์ คูนเนอร์กระวนกระวาย แล้วรั้งเซียวเฟิงอีกรอบ “อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่เดิมอย่าลืมเอาหมวกเล่นเกมมาด้วย”

“ได้เลย หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง… เดี๋ยว บัดซบ! ทุ่มหนึ่งแล้วนี่หว่า!” เซียวเฟิงแทบจะกระโดดตัวโยนตอนที่เห็นเวลา

“มีอะไรหรือไง?”

ไนท์ คูนเนอร์ตกใจจนสะดุ้งตามไปด้วย “ฉันไม่มีเวลาหลังจากนี้หรอกนะ ถ้าฉันยังเล่นต่อมีหวังตายแหง ๆ” เขาพูดอย่างรีบร้อน

“งั้นจะเอายังไงต่อล่ะ?”

“วันนี้คงไม่ได้แล้วแหละ ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

“ไม่! เดี๋ยวนายก็เบี้ยวฉันอีกอะ!”

“นี่ที่อยู่ฉัน มาดูเลยแล้วกันว่าฉันโกหกหรือเปล่า” เขากระวนกระวายจนเหงื่อโชกไปทั้งตัวจึงพูดออกไปแบบนั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะให้ที่อยู่ของอพาร์ทเม้นท์ให้ไนท์ คูนเนอร์แล้วก็ออกจากเกมทันที

“เฮ๊ย!”

ไนท์ คูนเนอร์ได้แต่มองเซียวเฟิงกลายเป็นแสงไปโดยทำอะไรไม่ได้

ตอนนี้เวลา 1 ทุ่ม ท้องฟ้าตอนนี้มืดไปแล้ว เซียวเฟิงถอดหมวกเล่นเกมออกแล้วค่อย ๆ มองไปรอบ ๆ ห้อง แต่กลับไม่พบเซียวหลิง ชายหนุ่มรู้สึกใจหายวาบ เขารีบตรงออกจากห้องทันที

เมื่อเซียวเฟิงเปิดประตูออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงทีวีเปิดอยู่ เซียวหลิงกำลังดูโฆษณาเกี่ยวกับเกมมิธอยู่ ในจอนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในนั้นน่าจะเป็นดารา แล้วพอมองไปทางด้านหลังโซฟา เซียวเฟิงก็มองเห็นผมแกละสีทอง 2 จุก เขาเดินเข้าไปดูด้วยความหวั่นใจ แต่ดูเหมือนเซียวหลิงจะจดจ่ออยู่กับทีวี รอบตัวเธอก็มีแต่ห่อขนมวางอยู่เต็มไปหมด แถมดูเหมือนจะกินหมดไปหลายห่อแล้วด้วย

“เซียวหลิง หิวรึเปล่า? เย็นนี้อยากกินอะไรไหม?”

แล้วเขาก็ย้ายมาอยู่ข้างหน้าโซฟา เก็บพวกเศษขยะไปทิ้งลงถัง แล้วหันกลับมาถามพร้อมยิ้มแข็ง ๆ แต่เซียวหลิงยังคงดูทีวีต่อไปโดยไม่ตอบสนอง แล้วแสงในห้องนั่งเล่นก็สว่างขึ้น ทำให้เส้นผมสีทองที่ผูกแกละไว้ 2 ข้างของเธอสะท้อนกับแสงสว่างของห้อง ใต้ไรผมสีทองคือดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับเพชร ใบหน้าของเธอเรียวยาวอย่างสมบูรณ์แบบ เซียวเฟิงพาลรู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย นี่เป็นความงามแบบตะวันตกและตะวันออกผสมผสานกันแบบลงตัวสุด ๆ ผิวขาวนวลของเธองดงามราวกับกระเบื้องเคลือบ คนทั่วไปจะกลัวเวลาที่เธอใส่เสื้อผ้าหยาบ ๆ ว่าผิวสวย ๆ นั้นจะเสียหมด

เธอดูงดงามราวกับตุ๊กตาในเทพนิยายเลยทีเดียว และการแต่งตัวทำให้เธอนั้นดูมีเสน่ห์ดึงดูดมากถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กก็ตาม

สาวน้อยสวมชุดกระโปรงฟูฟ่องราวกับเจ้าหญิง ผ้าบริเวณแขนเสื้อและคอนั้นค่อนข้างบาง จนสามารถเห็นไหล่ขาว ๆ นั้นได้ ส่วนชุดด้านบนนั้นพองออกมา แต่ช่วงเอวรัดพอดีตัวรับกับเอวบางยิ่งเสริมให้รูปร่างเด่นชัดสวยงามมากขึ้น ระบายของกระโปรงนั้นเป็นชั้น ๆ ฟูฟ่อง กระโปรงนั้นปิดลงมาถึงแค่ครึ่งต้นขา ซึ่งขาเรียวของเธอนั้นยังขาวซะยิ่งกว่าชุดผ้าไหมที่ใส่ซะอีก ใต้กระโปรงนั้นยังมีสายรัดลายลูกไม้อยู่บนต้นขาของเธออีกด้วย เซียวเฟิงมองลงมาเห็นขาขาวนวลราวกับหยกขาวพาดอยู่บนโต๊ะกาแฟ

“ดูทีวีมาตั้งนานคงจะเมื่อยสินะ ให้ฉันช่วยแล้วกัน” ชายหนุ่มยังคงแสร้งยิ้มอยู่ เขานั่งลงข้าง ๆ น้องสาวแล้วยกขาของเธอมาวางไว้บนตักของตัวเองแล้วใช้มือนวดให้ ด้วยความที่ตัวเธอนิ่มมาก เขาจึงรู้สึกเหมือนกับกำลังจับก้อนเยลลี่อยู่เลย แทบไม่รู้สึกว่ามีกระดูกด้วยซ้ำ แต่เซียวหลิงยังคงดูทีวีโดยไม่ได้สนใจเหมือนเดิม มุมปากของเธอนั้นสั่นระริก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังโกรธอยู่

“ดูอะไรอยู่เหรอ? เธอเป็นดาราใช่ไหม? ชอบเธอเหรอ?” เซียวเฟิงยังคงเกร็งใบหน้ายิ้มแล้วนวดต่อไป ขาของเธอนิ่มมาก แทบสัมผัสไม่โดนกระดูกเลย เซียวเฟิงออกแรงอย่างแม่นยำ ขาของเซียวหลิงนิ่มและเรียวจนแทบจะเล็กกว่ามือของเขาด้วยซ้ำ

“ผู้เล่นที่รักในเขตฮัวเซียทุกคน ฉันชูเมิ่งอิ๋งฉันจะรอทุกคนอยู่ในมิธนะคะ!”

“เทพธิดา! เทพธิดา! เทพธิดา!”

“ว้าว ชูเมิ่งอิ๋งผู้งดงามวันนี้เธอสวมชุดจอมเวทย์ด้วยล่ะ!”

“ไม่คิดเลยว่าขวัญใจของเราจะมาเล่นเกมนี้ด้วย! ชูเมิ่งอิ๋งผมรักคุณ!”

“ชูเมิ่งอิ๋งเป็นของฉัน ถ้าไม่ยอมก็มาซัดกันสักตั้ง!”

“ฉันตัดสินใจแล้ว! ฉันจะเก็บเลเวลให้ไวกว่านี้! ถ้ากลายเป็นยอดฝีมือเธออาจจะสนใจฉันก็ได้แล้วฉันจะช่วยเหลือเธอเอง!”

“แกน่ะเหรอ? อย่าหวัง! ฉันเจ๋งกว่าแกเยอะ! ตอนนี้ฉันขึ้นมาถึงเลเวล 5 แล้ว!”

“แกเจ๋งว่ะ! ท่านยอดฝีมือ ท่านอยู่ที่หมู่บ้านไหนนะ? ช่วยฉันด้วยสิ!”

ในทีวีเป็นโฆษณาของเกมมิธ ผู้หญิงที่สวมชุดจอมเวทย์คนนั้น เป็นคนดังของเขตฮัวเซีย มีคนที่รู้จักและสนับสนุนเธอจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้เล่นหญิงคนนี้สวยเหมือนกับไนท์ คูนเนอร์เลย แน่นอนว่าเป็นตอนที่เจ้าตัวสงบปากสงบคำล่ะนะ เซียวเฟิงตะลึงไปเหมือนกันตอนที่เห็นเยี่ยจิ๋ง แต่หลังจากนั้นเธอก็แสดงความหยาบคายออกมาตลอด

“ทำไมจ้องเธอแบบนั้นล่ะ? แต่ผู้ชายพอเห็นผู้หญิงสวย ๆ ก็มองตาค้างกันแบบนี้ตลอดแหละ” เสียงใส ๆ เสียงของเซียวหลิงนั่นเอง เธอพูดโดยไม่แม้แต่หันมามองเขาด้วยซ้ำ

“ไม่อยู่แล้ว น้องพี่สวยกว่าเธอคนนั้นตั้งหลายเท่า” เซียวเฟิงละสายตาทันทีแล้วหันมามองเธอด้วยรอยยิ้มประจบประแจง

“เกมนั้นคงสนุกน่าดูสินะ ลืมกระทั่งกินหรือนอน ลืมดูแลแม้แต่น้องสาวของตัวเอง” ชัดเจนว่าเซียวหลิงไม่ได้สนใจคำประจบประแจงของพี่ตนเองเลย

“เอ่อ ฉัน… เดี๋ยวรอยแดงหลังคอนั่นมาได้ยังไง?” เซียวเฟิงเห็นความผิดปกติบนตัวน้องสาว เขามองหาแล้วก็เจอรอยแดงด้านหลังคอของน้องสาว เซียวเฟิงขมวดคิ้ว เขาเลิกคอเสื้อของน้องสาวออกแล้วก็พบกับรอยบวมแดงบนคอขาว ๆ ของเธอ

“นี่รอยยุงกัดหรือเปล่า?” รอยแดงนั้นกำลังบวมเป่งขนาดไม่ใช่เล็ก ๆ เลย เขายังเห็นรอยเลือดบาง ๆ อยู่ตรงกลางรอยนั้นด้วย …ถ้าไปโดนเธอคงจะเจ็บน่าดู

“เคยบอกแล้วนะว่าอย่าไปเกา” เซียวเฟิงรู้สึกใจหาย ผิวของเธอมันบอบบางและละเอียดตามประสาของเด็ก อย่างตอนที่โดนแดดผิวของเธอแทบจะแดงในทันทีเลยด้วยซ้ำ เซียวเฟิงมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพิจารณา แล้วก็ไปสะดุดตากับยุงที่เกาะอยู่ที่มุมห้อง ถ้าเป็นคนทั่ว ๆ ไปคงต้องใช้เวลาเพ่งนานหน่อยในการหายุงตัวนั้นเพราะมันอยู่ไกลพอตัว แต่เขาเห็นมันได้แทบจะในทันที เซียวเฟิงหยิบไม้จิ้มฟันบนโต๊ะกาแฟแล้วดีดไปทางมุมห้อง ยุงตัวนั้นโดนเสียบตายคาที่ทันที แถมตัวไม้ยังปักเข้าไปในคอนกรีตไปกว่าครึ่ง!

“แต่มันคันมาก… รู้สึกแย่สุด ๆ…” เซียวหลิงพูดกลับเสียงเบา เธอพยายามปิดรอยแดงนั้น แต่ก็ไม่มีประโยชน์

“ตอนนี้ยังคันอยู่ไหม?”

“นิดหน่อย แต่พอทนได้”

เซียวเฟิงเปิดคอเสื้อเธอขึ้นมา แล้วเขาก็ก้มลงไปที่หลังคอแล้วใช้ลิ้นเลียแผลตรงนั้น

“ไอ้พี่โง่ ทำอะไรน่ะ!” ร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้าน ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดง เช่นเดียวกับที่เสียงซึ่งเปล่งออกมาก็สั่นด้วย

“ดีขึ้นรึยัง? น้ำลายฆ่าเชื้อโรคได้นะ…” เซียวเฟิงมองอีกฝ่ายแล้วพูดออกมาหน้าตาเฉย

“พี่มันโง่! โง่ที่สุดในโลกเลย! โกรธแล้วนะ! เซียวหลิงแฮมเมอร์เฮด!” ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปทันที เด็กสาวสะบัดผมแล้วพุ่งชนท้องของเซียวเฟิงอย่างเต็มแรง

“โครม!”

เซียวเฟิงไม่สามารถปัดป้องได้ เลยโดนชนไปจัง ๆ จนร่วงไปที่พื้น แต่ผู้เป็นน้องก็ไม่ได้หยุดการกระทำนั้น เธอกระโดดตามลงมาคร่อมบนเอวของเซียวเฟิงแล้วต่อยพี่ชายต่อด้วยมือทั้งสองข้าง

“โง่! งี่เง่า! โรคจิต! ไปตายสักร้อยรอบไป๊!”

แน่นอนว่าเซียวหลิงนั้นแรงน้อย หมัดที่ปล่อยออกมาไม่ต่างอะไรกับการสะกิดเลยสักนิด แต่ตัวเธอนั้นที่ออกแรงขยับตัวมากเกินไปทำให้เสื้อผ้าของเธอหลุดลุ่ย ตอนนี้คอเสื้อของเด็กสาวเลื่อนลงมาจนเห็นไหปลาร้ากับไหล่ขาวเนียนแล้ว

ในตอนนั้นประตูอพาร์ทเม้นท์ก็เปิดออก เยี่ยจิ๋งกำลังยืนด้อม ๆ มอง ๆ ด้วยความสงสัย

“ดูท่าจะมาถูกที่จริง ๆ ด้วยสินะ เฮ้ย ไอ้บ้า…”

และสิ่งที่เธอเห็นคือเซียวเฟิงที่นอนอยู่กับพื้นและเซียวหลิงที่สภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยกำลังคร่อมอยู่บนตัวเขา เธอหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา

“ดูท่าคงจะต้องเรียกตำรวจแล้ว ว่ามีภัยสังคมกำลังคุกคามเด็กอยู่…”