เล่มที่ 1 บทที่ 28 บล็อกเกอร์อาหารรสเลิศก็ตื่นเต้นเป็น

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

“ซื้อเนื้อหมูมาแล้ว” เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัว เซียวจื่อเซวียนจึงกล่าว

น้ำเสียงเรียบสงบ ฟังดูไม่มีความดีใจแม้แต่น้อย แต่เซียวจื่อเมิ่งกลับดีใจจนกระโดดโลดเต้น เซี่ยยวี่หลัวจึงมองแต่เซียวจื่อเมิ่ง ไม่ทันเห็นใบหน้าเซียวจื่อเซวียนที่ฉายประกายสับสน

เซี่ยยวี่หลัวขานตอบด้วยความดีใจ จากนั้นจึงเข้าไปในห้อง นำแป้งที่เหลืออีกครึ่งถุงเล็กออกมา ใช้แป้งทั้งหมดนี้ในการทำแผ่นเกี๊ยวแล้วกัน

ทั้งสามคนเข้าไปในห้องครัว เซี่ยยวี่หลัวเห็นเนื้อหมูที่ซื้อกลับมา ชิ้นหนาสม่ำเสมอ มีกลิ่นหอมของเนื้อ กลิ่นหอมกว่าหมูขุนในยุคปัจจุบันที่เลี้ยงเพียงไม่กี่เดือนก็นำมาจำหน่ายมากนัก

เซี่ยยวี่หลัวแบ่งงานเรียบร้อย นางไปนวดแป้ง เด็กสองคนล้างผักจี้ช่ายให้สะอาด

เมื่อนวดแป้งเสร็จจึงวางทิ้งไว้เพื่อพักแป้ง เซี่ยยวี่หลัวล้างเนื้อหมูสามชั้นจนสะอาด ใช้เนื้อหมูสามชั้นแค่ประมาณหนึ่งจิน แป้งมีไม่มากพอ ยังมีผักจี้ช่ายอีกไม่น้อย หลังจัดแบ่ง แผ่นเกี๊ยวที่ทำได้ก็มีมากพอแล้ว

สับเนื้อเสร็จ ผักจี้ช่ายก็ล้างจนสะอาดแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวนำผักจี้ช่ายไปลวกน้ำร้อน ตักขึ้นมาพักให้น้ำแห้ง หั่นให้ละเอียดแล้วจึงคลุกให้เข้ากับเนื้อ ใส่เกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ นางใช้ปลายลิ้นลิ้มลองรสชาติ เมื่อเห็นว่ารสชาติดีแล้ว จึงไปรีดแผ่นเกี๊ยว

หลังพักแป้งจนได้ที่ เซี่ยยวี่หลัวนวดคลึงก้อนแป้งให้เป็นเส้นยาว ใช้มีดตัดแบ่งเป็นก้อน ไม่มีไม้นวดแป้งที่ทำขึ้นโดยเฉพาะ เซี่ยยวี่หลัวหาไม้ไผ่ทรงกลมมา หลังจากล้างสะอาดแล้วจึงใช้เป็นไม้นวดแป้งชั่วคราว

แต่ยังดีที่ผลลัพธ์ไม่เลวนัก คราวหน้าต้องทำไว้สักหนึ่งอัน ถึงอย่างไรต่อไปยังมีโอกาสต้องใช้บ่อยๆ

เซี่ยยวี่หลัวทำเร็วมาก ไม่ทันไรก็รีดแผ่นเกี๊ยวได้ห้าถึงหกแผ่นแล้ว

เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นท่าทางของเซี่ยยวี่หลัว ต่างรู้สึกว่าน่าอัศจรรย์นัก

เซี่ยยวี่หลัวทำความสะอาดเตาปรุงอาหารแล้ว จึงโรยแป้งเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางเซียวจื่อเมิ่งที่แสดงสีหน้าสงสัยใคร่รู้ นางจึงยิ้มพร้อมกล่าว “จะมาห่อเกี๊ยวด้วยกันดีหรือไม่?”

อย่าว่าแต่กินเลย เซียวจื่อเมิ่งไม่เคยเห็นเกี๊ยวด้วยซ้ำ เวลานี้นางแหงนหน้า เอ่ยถามเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู “พี่สะใภ้ใหญ่ เกี๊ยวหน้าตาเป็นอย่างไรอย่างนั้นหรือ?”

เซียวจื่อเมิ่งโตจนอายุหกขวบ ยังไม่เคยเห็นเกี๊ยวจริงๆ!

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกปวดใจนัก

บิดามารดาของพวกเขา ซึ่งก็คือพ่อแม่สามีของเซี่ยยวี่หลัว พวกท่านจากไปสามปีแล้ว ในตอนนั้น เซียวจื่อเมิ่งเพิ่งอายุสามขวบ นับย้อนหลังไปอีกเล็กน้อย น่าจะเป็นช่วงที่เซียวจื่อเมิ่งอายุหนึ่งหรือสองขวบ บิดามารดาของพวกเขาก็ล้มป่วยแล้ว

เมื่อล้มป่วย จะยังมีเวลาทำอาหารอร่อยให้เด็กๆ กินได้อย่างไร

เซียวจื่อเซวียนที่อายุมากกว่านางสองปียังพอจะจำได้บ้าง

หากเพียงแต่ นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว นานจนเขาแทบจะลืมไปแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกบีบคั้นหัวใจ แอบให้คำมั่นอยู่ในใจ วันนี้นางต้องให้เด็กๆได้กินจนอิ่ม!

เซี่ยยวี่หลัวหยิบแผ่นแป้งขึ้นมาหนึ่งแผ่น วางกลางฝ่ามือ จากนั้นใช้ตะเกียบคีบเนื้อมาวางบนแผ่นแป้ง ใช้มือสองข้างบีบช้าๆ พลางกล่าวอธิบายให้เซียวจื่อเมิ่งฟัง “เจ้าดูนี่ บีบตรงกลางทีหนึ่ง ด้านซ้ายทีหนึ่ง บีบให้ขึ้นจีบสองจีบ แล้วทางด้านขวาก็ต้องบีบทีหนึ่ง ให้ขึ้นเป็นสองจีบ ดูสิ บีบให้แน่นก็เสร็จแล้ว แผ่นเกี๊ยวต้องห่อให้แน่น ไม่อย่างนั้นเวลาต้มไส้จะทะลักออกมา ทั้งไม่อร่อยและไม่น่าดู”

เซี่ยยวี่หลัวให้นางดูเกี๊ยวที่ตัวเองเพิ่งห่อเสร็จเมื่อครู่ เกี๊ยวตัวอ้วนดูขาวนุ่ม เซียวจื่อเมิ่งแค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่ เกี๊ยวอร่อยหรือไม่?”

“อร่อย!” เซี่ยยวี่หลัวรีบหันกลับไปห่อเกี๊ยวต่อ นางเกรงว่าท่าทางตัวเองที่รู้สึกบีบคั้นหัวใจจะทำให้เด็กสองคนตกใจ ห่อเสร็จอีกหนึ่งตัว เซียวจื่อเมิ่งก็ฝึกห่อด้วยท่าทางเงอะงะจนห่อเป็นแล้ว

แม้ว่าเกี๊ยวที่ห่อจะดูไม่ค่อยดี แต่อย่างน้อย ก็บีบจนแน่น ไส้ไม่ทะลักออกมา

เซียวจื่อเซวียนก็ห่อเสร็จหนึ่งตัวด้วยท่าทางเงอะๆ งะๆ เช่นกัน แต่เกี๊ยวที่เขาห่อยังเทียบกับเกี๊ยวที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กอย่างเซียวจื่อเมิ่งห่อไม่ได้เลย เซี่ยยวี่หลัวเห็นเกี๊ยวที่เขาห่อ ถ้าไม่ใช่มีรูขาดตรงนี้ ก็มีไส้ทะลักตรงนั้น นางช่วยแก้ยังแก้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะจนทนไม่ไหว ดูท่าว่าเรื่องงานบ้านงานเรือน ผู้ชายและผู้หญิงมีความต่างนับแต่โบราณแล้ว

“จื่อเซวียน เจ้าไม่ต้องห่อแล้ว เจ้าไปต้มน้ำ ห่ออีกไม่กี่ตัว พี่สะใภ้ก็จะต้มเกี๊ยวให้พวกเจ้ากิน”

เซียวจื่อเซวียนไปต้มน้ำทันที

งานละเอียดอ่อนแบบนี้ เขาทำไม่ได้จริงๆ

เซียวจื่อเซวียนเพิ่มฟืนจำนวนหนึ่งเข้าไปในเตาไฟ ท่ามกลางแสงสว่างจากไฟที่ลุกโชนเป็นครั้งคราว สายตาของเขามองผ่านเซี่ยยวี่หลัว มองทอดไปที่เนื้อหมูและเกี๊ยวบนโต๊ะอีกครั้ง สุดท้ายจึงกลับมามองที่เตาไฟ แววตามืดหม่นไม่สดใส เหมือนจะมีเรื่องอัดอั้นอยู่เต็มอก

น้ำเดือดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวก็ห่อเกี๊ยวเสร็จยี่สิบกว่าตัว นางเทลงหม้อทั้งหมด หลังจากเพิ่มน้ำเย็นไปสามรอบ น้ำเดือดสามหน เกี๊ยวก็สุกแล้ว

ในบ้านนอกจากน้ำมันและเกลือ ก็ไม่มีทั้งน้ำส้มสายชูและซีอิ๊ว ทำน้ำจิ้มไม่ได้ จึงได้แต่กินเกี๊ยวเปล่าๆ

แต่เซี่ยยวี่หลัวไม่กังวลสักนิดว่ารสชาติของเกี๊ยวจะไม่ดี

เซียวจื่อเมิ่งจ้องมองเกี๊ยวตัวอ้วนที่ลอยอยู่ในหม้อตาไม่กะพริบ กลืนน้ำลายเป็นครั้งคราว เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้วรู้สึกปวดใจนัก

ที่ผ่านมาเด็กๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจริงๆ

ต้มเกี๊ยวเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวตักเกี๊ยวทั้งหมดขึ้นมาให้เด็กสองคน คนละสิบกว่าตัว ภายในชามเต็มไปด้วยเกี๊ยว

 “เสร็จแล้ว จื่อเซวียน ไม่ต้องใส่ฟืนแล้ว พาน้องสาวกลับห้องไปกินเกี๊ยวเถอะ” เซี่ยยวี่หลัวยกเกี๊ยวชามหนึ่งพลางกล่าว “เจ้าดูน้องสาวด้วย ไส้ข้างในร้อนมาก อย่าให้ลวกปากนาง”

เซียวจื่อเซวียนมองเกี๊ยวในหม้อเมื่อครู่ แบ่งไว้แค่สองชาม ขมวดคิ้วเล็กน้อย เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถามทันที “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่กินหรือ?”

 “พวกเจ้ากินก่อน” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “รอให้ค่ำหน่อย พี่สะใภ้ใหญ่ค่อยต้มเพิ่ม พวกเจ้าลองชิมดูก่อนว่าฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้ใหญ่เป็นอย่างไร”

ภพก่อนเซี่ยยวี่หลัวเป็นบล็อกเกอร์อาหารรสเลิศที่มีแฟนคลับจำนวนมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแฟนคลับหลายแสนบนเว็บเวยป๋อ นางก็ไม่เคยรู้สึกประหม่าแม้แต่น้อย

ถึงอย่างไร แฟนคลับเหล่านั้นก็เห็นอาหารรสเลิศของนางผ่านรูปภาพเท่านั้น ดูเพียงสีสัน การจัดจาน รวมถึงมุมกล้อง และฝีมือการถ่ายภาพ ส่วนเรื่องรสชาติ มีเซี่ยยวี่หลัวเพียงคนเดียวที่ได้ลิ้มลอง

แต่อยู่ที่นี่นั้นต่างกัน

แม้จะมีแขกตัวน้อยแค่สองคน แต่ก็ต้องกินอาหารลงท้องไปอย่างแท้จริง เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าแขกตัวน้อยสองคนนี้ ต่อไปจะกลายเป็นแฟนคลับของตนเองหรือไม่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซี่ยยวี่หลัวก็แย้มรอยยิ้มโดยไม่ทันรู้ตัว

เซียวจื่อเมิ่งมองพี่รอง เซียวจื่อเซวียนมองเกี๊ยวตัวอ้วนสีขาวไส้สีเขียวที่ใส่ไว้เต็มสองชามจนแทบล้นออกมา สีหน้าสับสนเล็กน้อย

เมื่อมองย้อนกลับไปที่ตัวเซี่ยยวี่หลัว พบว่าเซี่ยยวี่หลัวเผยรอยยิ้มที่มุมปาก เซียวจื่อเซวียนตกอยู่ในภวังค์เลื่อนลอย

สุดท้ายเด็กสองคนไม่ได้นำกลับไปกินที่ห้อง แต่นั่งกินอยู่ข้างเตาปรุงอาหาร เซียวจื่อเซวียนยกเก้าอี้อีกตัวมาให้น้องสาว ให้นางวางชามไว้บนเก้าอี้ แบบนี้จะได้ไม่โดนลวก

เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่หน้าเตาปรุงอาหาร รีดแผ่นเกี๊ยวไปพลางห่อเกี๊ยวไปพลาง ทั้งยังเพ่งความสนใจไปทางด้านหลังเตาไฟเป็นครั้งคราว เฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเด็กสองคนอย่างละเอียด

ไม่รู้ว่าเกี๊ยวที่ห่อไว้อร่อยหรือไม่

เมื่อวานนางคุยโตโอ้อวด ว่าจะให้เด็กสองคนกินเกี๊ยวอร่อยจนแทบกัดลิ้น ทำให้ไม่อาจลืมไปชั่วชีวิต

รู้แต่แรกไม่พูดมากเกินไป ไม่คุยโตโอ้อวดจะดีกว่า