บทที่ 7 ไต้ซือ(1)

แดนนิรมิตเทพ

บทที่ 7 ไต้ซือ(1)
หลังเฉินโม่ได้เงินมา เขาไปหาอะไรกินก่อน ตอนนี้ร่างกายเขายังไม่ถึงระยะปี้กู่ ถ้าไม่กินอะไร ต้องหิวตายแน่
จากนั้นไปเช่าห้องหนึ่งห้อง เป็นแบบหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก ในพื้นที่เล็กๆ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านในเขตเมือง ใกล้บริเวณโรงเรียน ค่าเช่าเดือนละสองพัน
พื้นที่เล็กๆ เงียบมาก ในลานยังมีต้นหอมหมื่นลี้ ห้องในพื้นที่เล็กๆ แบ่งเป็นสามชั้น เฉินโม่เช่าชั้นหนึ่ง ถึงภาพรวมของอาคารจะดูเก่าสักหน่อย แต่ห้องสะอาดมาก
ค่าเช่าห้องเดือนละสองพัน นับว่าแพงมากในเมืองอู่โจว แต่เฉินโม่ไม่มีแนวคิดเรื่องเงิน ชาติก่อนเป็นแบบนี้ ชาตินี้เงินทองก็ยิ่งเป็นแค่ตัวเลขสำหรับเขาเท่านั้น
เฉินโม่ให้ความสำคัญตรงที่นี่ใกล้กับโรงเรียนมาก ทำให้เฉินโม่ประหยัดเวลาไปเรียนได้เยอะ
ส่วนเฉินโม่ในตอนนี้ สิ่งล้ำค่าที่สุดคือเวลา
เจ้าของห้องของเฉินโม่ทำความสะอาดไว้ตั้งแต่เช้า เฉินโม่จึงไม่ต้องทำอะไรอีก ล็อกห้องและปิดเสียงมือถือ นั่งขัดสมาธิบนเตียง เริ่มทำการฝึกตน
บรรดาคฤหาสน์นอกเมืองอู่โจว ในห้องนอนของคฤหาสน์หลังหนึ่ง หญิงชราคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเงียบๆ พูดคำที่ฟังไม่ออกเป็นระยะ
บนเก้าอี้ข้างๆ มีชายสูงอายุในชุดจงซานจวงสีดำนั่งอยู่ ใบหน้าเหลี่ยม คิ้วดกดำ หน้าตาเคร่งขรึม
ในห้องเปิดเครื่องทำความร้อน จินเพ่ยอวิ๋นกลับมาจากไปเดินเล่นข้างนอก ถอดเสื้อขนเป็ดสีขาวออก เผยให้เห็นเสื้อขนสัตว์รัดรูปสีขาว ยาวเลยเข่า เห็นรูปร่างอันงดงามชัดเจนาก
“ปู่ วันนี้ย่าอาการกำเริบอีกไหม” จินเพ่ยอวิ๋นเดินเข้ามาในห้องนอน มองปู่ที่นั่งบนเก้าอี้ แล้วถามขึ้นเบาๆ
“หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ อาการกำเริบหนึ่งครั้ง หมอหลินฉีดยาระงับประสาทให้เธอ ตอนนี้หลับไปแล้ว”
พูดพลาง ปู่มองคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมานานบนเตียง พูดอย่างทอดถอนใจว่า “ช่วงนี้ความถี่ที่อาการกำเริบจากสองชั่วโมงหนึ่งครั้ง เป็นหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว กลัวว่าย่าของแกจะ……”
พูดถึงตรงนี้ ปู่ไม่สามารถพูดต่อได้จริงๆ แต่จินเพ่ยอวิ๋นเข้าใจความหมายที่ปู่จะสื่อ
จินเพ่ยอวิ๋นกัดฟัน เอายันต์ที่ขยำอยู่ในกระเป๋าออกมา แล้วพูดว่า “ปู่ วันนี้หนูเจอไต้ซือท่านหนึ่งข้างนอก ขอยันต์จากเขามา หนูจะลองกับย่า”
ปู่มองหลานสาวที่เฉลียวฉลาด พูดอย่างหดหู่ ด้วยแววตามัวหมอง “เสี่ยวอวิ๋น แกเป็นเด็กมหาวิทยาลัยชื่อดัง ที่ได้รับการศึกษาระดับสูง ทำไมถึงเชื่อเรื่องพวกนี้ อย่าทรมานย่าแกอีกเลย ให้เธอนอนสักหน่อยเถอะ! เธอเหลือเวลาไม่มากแล้ว!”
จินเพ่ยอวิ๋นคิดถึงใบหน้าไม่ยินดียินร้ายของเฉินโม่ แววตาดูมีหวัง พูดอ้อนวอนว่า “ปู่ ให้หนูลองเถอะ หนูว่าไต้ซือคนนั้นไม่เหมือนคนหลอกลวง ถ้าเกิดได้ผลล่ะ”
มองสีหน้าอ้อนวอนของหลานสาว ปู่ไม่ปฏิเสธอีก “ก็ได้ งั้นแกก็ลองดูเถอะ!”
“อื้ม!” จินเพ่ยอวิ๋นพยักหน้าด้วยความดีใจ เดินไปตรงเก้าอี้ข้างเตียง เอายันต์ตั้งจิตออกมา แปะลงตรงหว่างคิ้วของย่าเบาๆ
ไม่รู้ทำไม หลังจากจินเพ่ยอวิ๋นแปะยันต์ลงตรงหว่างคิ้วของย่า เสียงเพ้อละเมอของย่าหยุดลงทันที และนอนหลับอย่างเงียบสงบ
จินเพ่ยอวิ๋นดีใจเป็นอย่างมาก ทำตามวิธีที่เฉินโม่บอกมา รวบรวมสติ ชี้ไปที่ยันต์ใบนั้น แล้วแผดเสียงออกมาว่า “เริ่ม!”
แต่ไม่มีสัญญาณอะไรเลย ยันต์ใบนั้นแปะนิ่งอยู่บนหว่างคิ้วของย่า ย่ายังคงนอนหลับสนิท
“เฮ้อ…..”
ปู่ที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจออกมา ขดตัวอยู่ในเก้าอี้ ความหวังเมื่อครู่ หายวับไปในพริบตา
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าเขาเป็นคนหลอกลวงจริงๆ
จินเพ่ยอวิ๋นรู้สึกผิดหวังในใจมาก แต่เธอไม่ได้โกรธเกลียดเฉินโม่ เพราะเธอเตรียมใจที่จะโดนหลอกเอาไว้แล้ว มีความหวังเพียงเล็กน้อย ถึงโดนหลอก ก็เป็นสิ่งที่คาดเดาเอาไว้แล้ว
บทที่ 6 คนหลอกขายยันต์(2)

บทที่ 8 ไต้ซือ(2)