บทที่ 31 ไก่ผัดถั่วลิสง

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

[ติ๊ง! ยินดีด้วย ภารกิจสำเร็จ ช่วยผู้ป่วยจนหายดี ได้รับทักษะ: ทักษะการขลิบอวัยวะเพศ (ระดับกลาง)]

เฉินชางมองไปยังทักษะการผ่าตัดพื้นฐานที่ได้รับอย่างพึงพอใจ

ในใจถึงกับรู้สึกสบายอารมณ์ ส่วนเรื่องที่ไม่มีแฟนนั้น

ผมไม่มีแฟนหรือ?

ทาจิบานะ ริสะ นานาโกะ…มีมากเชียวแหละ ผมเปลี่ยนทุกวัน แต่พวกเรารักกันแค่ในเน็ต ไม่เคยเจอหน้าก็เท่านั้น

อีกอย่าง…

ผมไม่ได้ปล้นไม่ได้แย่งชิงใคร ใช้ความสามารถครองโสดมายี่สิบปี จนได้รู้ซึ้งถึงความจนอย่างแท้จริง

แต่ว่าตอนนี้ผมมีเงินแล้ว ก็มีโอกาสหาคนรัก

เฉินชางดูบัญชีเงินในแอปฯ อาลีเพย์ พบว่ามีเงินอยู่สองหมื่นกว่าหยวนแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีเงินสดอยู่ประมาณสองพันหยวน เฉินชางลองคำนวณดูคร่าวๆ ช่วงเจ็ดแปดวันนี้ตนทำเงินได้ประมาณสามพันหยวน!

เป็นตัวเลขที่น่ากลัว!

ช่องทางที่ระบบมอบเงินให้เฉินชางมีหลากหลายมาก

เช่น การจับฉลากในอาลีเพย์ การส่งอั่งเปาในวีแชท แม้แต่หุ้นสามพันหยวนที่เฉินชางซื้อไว้เมื่อปีที่แล้วก็ค่อยๆ ได้กำไร ดูแล้วการเป็นระบบของเขาคงเหนื่อยมาก

จะต้องคิดทำทุกวิถีทางเพื่อให้รายได้ของตนสมเหตุสมผล แล้วต้องคอยส่งสัญญาณเตือนให้เฉินชางอยู่ตลอด ดูท่าทางต่อไปจะอยากหรือไม่อยากก็ต้องซื้อหวยบ้างแล้ว

เฉินชางหยิบเครื่องคิดเลขออกมาคำนวณอย่างอดทน เมื่อรวมกับเงินสองพันกว่าหยวนที่เป็นเงินเดือน เดือนหนึ่งตนจะมีรายรับถึงหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน

ถ้าอย่างนั้นหาคนรักดีไหม?

เพียะ!

เฉินชางรีบตบหน้าเตือนสติตัวเอง

เขาจะได้ใจเกินไปแล้ว ขนาดคนรักยังกล้าหา คิดจะทำอะไรกันแน่? ทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ!

เฉินชางรีบส่ายหัว โนๆๆ!

เกิดเป็นคนต้องใจเย็น อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม

ถ้าหากหนึ่งเดือนมีรายได้หนึ่งหมื่นห้าพันหยวน เขายังต้องคิดเรื่องจะเช่าห้องใหม่หรือไม่

ต้องรอให้งานมั่นคงแล้วยังต้องประหยัดเงิน การจะอยู่ในเมืองเอกของมณฑล อย่างน้อยก็ต้องมีที่ยืนในเมืองนี้ให้ได้ก่อน

นับว่าเป็นที่พักเท้าชั่วคราว

เขาไม่พูดอะไรตลอดคืนนี้ หลังจากนั้นก็มีคนมาทำแผลอีกหลายคน มีสองสามีภรรยาทะเลาะกันจนทำให้ใบหน้าของตัวเองเต็มไปด้วยเลือด ทำร้ายอีกฝ่ายไม่ลงก็ทำร้ายตัวเอง ผลก็คือสุดท้ายสามีหยิบขวดเหล้าขึ้นมาฟาดตัวเอง ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้นในที่สุด

วันต่อมา หลังจากส่งเวรแล้ว เฉินชางก็กลับบ้านไปพักผ่อน

เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงวัน พออาบน้ำชำระร่างกายแล้วเฉินชางก็ลงมากินข้าว

ในเขตต้าหม่ามีร้านมากมาย ทั้งถนนเต็มไปด้วยร้านอาหารเล็กๆ ส่วนพ่อค้าเร่ไม่สนใจที่นี่ ถึงอย่างไรในฐานะที่เป็นหนึ่งในไม่กี่เขตของเมืองที่มีขนาดใหญ่ ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ที่คนชั้นล่างอยู่อาศัยกัน

เขตต้าหม่าในวันนี้แตกต่างจากหลายวันก่อน ร้านค้ามากมายปิดป้ายขาย บางทีข่าวเรื่องการรื้อถอนคงแพร่ไปจนรู้กันหมดแล้วเฉินชางไปยังร้านอาหารที่เขามักจะมากินบ่อยๆ สั่งไก่ผัดถั่วลิสงราดข้าว

ทำไมต้องเป็นไก่ผัดถั่วลิสงน่ะหรือ?

เพราะว่าเถ้าแก่ร้านนี้ใช้มีดได้อย่างยอดแย่! มักจะหั่นไก่เป็นชิ้นใหญ่…เมื่อเห็นเฉินชางเดินเข้ามา เหล่าเหอก็ยิ้ม “อ้อ ไก่ผัดถั่วลิสงเหรอ?”

เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ “ครับ”

เหล่าเหอเป็นเถ้าแก่ของร้านนี้ เป็นทั้งเจ้าของตึกและเป็นพ่อครัว กล่าวคือเขาเปิดร้านก็เพื่อเติมเต็มความสุขในการทำอาหารให้ตัวเอง ไม่ปล่อยให้สัญชาตญาณของร่างกายค่อยๆ เลือนหายไป ปกติลูกสะใภ้และภรรยาจะกินข้าวในร้าน ร้านอาหารเล็กๆ จึงเหมือนกับห้องครัวของบ้าน

ตึกห้าชั้นด้านหลังที่สร้างขึ้นเองรวมไปถึงร้านค้าด้านหน้าล้วนเป็นของบ้านเหล่าเหอ

ปกติร้านอาหารจะไม่ยุ่งมาก เพราะอาหารของเหล่าเหอค่อนข้างแพง แต่ในด้านความสะอาดและสุขอนามัยค่อนข้างดี

เปิดร้านอาหารในเขตหมู่บ้านของเมืองมักจะได้กำไรน้อยแต่ได้เร็ว ถ้าร้านดังก็จะได้รับการเอื้อประโยชน์ ส่วนเหล่าเหอไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์อะไรมากมาย รสชาติก็ยอดเยี่ยมเหมาะสม

แต่นี่ก็คือจุดเด่นของร้านอย่างหนึ่ง ทำให้ได้กินรสอาหารที่เหมือนกับรสชาติในครอบครัว ซึ่งหมายความว่าเขาจะสู้กับร้านอาหารที่ซื้อวัตถุดิบและเครื่องปรุงทีละมากๆ พวกนั้นไม่ได้

แต่เหล่าเหอก็มีความสุขดี ทุกวันจะอ่านนิยายอยู่ในร้าน มีลูกค้าก็ทำอาหาร มีลูกสะใภ้คอยรับส่งหลานไปเรียน ครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุข

ไม่นานไก่ผัดถั่วลิสงของเหล่าเหอก็มาถึง เขามองไปยังเนื้อไก่ชิ้นใหญ่

เฉินชางหัวเราะ “ลุงเหล่าเหอ โชคดีที่ร้านคุณมีคนไม่มาก ไม่งั้นร้านที่คุณเปิดจะต้องขาดทุนแน่!”

เหล่าเหอหรี่ตา ล้างมือให้เรียบร้อยแล้วจึงอ่านนิยายต่อ ไม่สนใจเขาอีก “กินอาหารของคุณไปเถอะ! มีประกาศรื้อถอนออกมาแล้ว ผมจะเปิดร้านได้อีกกี่วันก็ยังไม่แน่”

เฉินชางเอ่ยถาม “ที่อยู่ใหม่ที่รัฐบาลจัดไว้ให้คือที่ไหนเหรอครับ?”

เหล่าเหอส่ายหน้า “ผมเลือกตัดสินใจเองน่ะครับ แต่ผมก็ซื้อห้องชุดที่เขตใหม่แล้ว รอให้ทางด้านนี้รื้อถอนก่อนค่อยย้ายไป คุณก็รีบหาห้องเช่าเถอะ”

เฉินชางพยักหน้า คิดว่าตอนบ่ายจะไปหาห้อง ทางที่ดีหาเช่าห้องที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลคงเหมาะสมที่สุด…………

…………

ตอนบ่าย เฉินชางนัดกับนายหน้าผ่านแอพจัดหา ออกมาดูห้องเช่า

ห้องที่อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดมีราคาแพง แต่หากอยู่ไกลเกินไปแล้วเฉินชางต้องนั่งรถสาธารณะไปทำงานทุกวันคงไม่สะดวก

ดูมาตลอดบ่าย ไปเขตเล็กๆ มาสี่ห้าเขต ดูห้องไปแล้วยี่สิบกว่าห้อง

เฉินชางถูกใจบ้านเดี่ยวชั้นสองสไตล์ลอฟท์แห่งหนึ่ง

บ้านนี้ถูกแบ่งออกเป็นสี่ห้อง ชั้นหนึ่งสองห้อง ชั้นสองสองห้อง

ห้องเดี่ยวชั้นสองมีระเบียง หันหน้าไปทางทิศเหนือ มีแสงอาทิตย์ส่องผ่านพอประมาณ ราคาเดือนละหนึ่งพันสี่ร้อยหยวน ถ้าจ่ายรายปีเดือนละหนึ่งพันสามร้อยหยวน เฉินชางไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเช่า

ถึงอย่างไรราคาที่นี่ก็แตกต่างกันไม่มาก วิ่งไปวิ่งมาดูห้องไปมากขนาดนี้ ที่นี่ทำให้เขาพอใจที่สุด

บรรยากาศรอบๆ โรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดค่อนข้างหรูหรา เป็นหนึ่งในเขตใจกลางเมือง ไม่ไกลมีโรงพยาบาลสตรีซึ่งเป็นของเอกชนเปิดอยู่แห่งหนึ่ง มีมหาวิทยาลัยการแพทย์ตงหยางซึ่งอยู่ในเครือของโรงพยาบาลและศูนย์การเจิรญพันธุ์  ในนั้นมีโรงเรียนประถมที่ค่อนข้างสำคัญ บ้านรอบๆ จึงค่อนข้างแพง

เดือนละหนึ่งพันสามร้อยหยวนนับว่าพอไหว เฉินชางไตร่ตรองครึ่งวัน ยังคงตัดสินใจเช่าที่นี่

ที่นี่อยู่ห่างจากโรงพยาบาลประมาณเดินเท้าสิบนาที ค่อนข้างเร็ว ห้องก็พอใช้ได้ สิ่งที่ทำให้เฉินชางถูกใจที่สุดก็คือชั้นหนึ่งมีครัวรวม เฉินชางคิดว่านี่ช่วยประหยัดเงินได้มาก

นายหน้าก็ดูจริงใจ ตามเฉินชางไปตลอดบ่าย ในที่สุดก็จองห้องราคาหนึ่งพันสามร้อยหยวน แต่ต้องจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งเดือนเพื่อเป็นหลักประกัน และค่าจองเท่ากับค่าเช่าห้องหนึ่งเดือน ค่าน้ำค่าไฟล่วงหน้าห้าร้อย…และค่าจิปาถะอีก ไม่ทันไรก็ต้องจ่ายไปถึงสองหมื่นหยวน!

เฉินชางถอนใจ ยังดีที่ตนพอมีเงินอยู่บ้าง มิฉะนั้นคงต้องเร่ร่อนอยู่บนถนน

วันต่อมาก็ไปเซ็นสัญญา ต่อไปก็เริ่มย้ายของอย่างสบายอกสบายใจ

โชคดีที่เฉินชางมีของไม่เยอะ แต่ว่า…

ห้องสไตล์ลอฟท์ชั้นสองกลับกลายเป็นอุปสรรคของเฉินชาง

การย้ายของขึ้นบันไดเป็นงานที่เปลืองแรงจริงๆ ทำไมตอนแรกถึงไม่คิดถึงปัญหานี้นะ?

สุดท้ายเฉินชางจึงตัดสินใจว่าจะย้ายของวันละชิ้น…สะสมไปเป็นวันเป็นเดือน สุดท้ายพอการรื้อถอนเริ่มขึ้น เขาก็ย้ายเสร็จพอดี

คุณป้าเจ้าของที่อ้วนและดูใจดีมารับเงินประกันและค่าเช่าห้องจากเฉินชางแล้วก็กลับไป เดือนนี้เรียกได้ว่าเช่าเปล่า ค่าน้ำค่าไฟถูกคิดไปด้วย