บทที่ 32: คนร้าย…คือฉันเอง!

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 32: คนร้าย…คือฉันเอง!

โรเอลนั้นกำลังตกอยู่ในห้วงฝันร้าย

ในฝันโรเอลถูกลักพาตัวไปโดยอสูรขนาดใหญ่ ที่นำเอาเขาไปขังไว้ในตู้เย็น ก่อนที่จะทอดเขาลงในกระทะอันร้อนจัด

บางทีอาจเป็นเพราะผิวหนังของโรเอลนั้นหนากว่าปกติทำให้กระทะร้อนไม่สามารถปรุงเขาได้ในครั้งเดียว เขาจึงถูกนำกลับไปใส่ตู้เย็นอีกครั้ง ก่อนที่จะถูกโยนลงในกระทะร้อนอีกรอบ

วงเวียนการแช่แข็งสลับกับทอดกระทะร้อนนี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาสองวันอันแสนทรมาน สร้างความทุกข์ทรมานอย่างมากจนสติสัมปชัญญะของโรเอลเริ่มเลือนลางราวกับใกล้ถึงจุดจบ

ทว่าไม่นานนัก เสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ค่อย ๆ ดังขึ้นในหูของโรเอล ทำให้เด็กชายตื่นจากห้วงความฝันได้สติขึ้นมา เขาค่อย ๆ เปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งออก มองไปยังเพดานอันวิจิตรเหนือศีรษะ

“ที่นี่คือ…”

“พี่ใหญ่โรเอล! ในที่สุดพี่ก็ตื่นซะที! ฮือออ”

“อ… ลิ…เซีย ?”

โรเอลพยายามพลิกตัว แต่เด็กหญิงผมสีเงินก็ดึงเขาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเสียก่อน อลิเซียร้องไห้ไม่หยุดขนาดที่ว่า ไม่ว่าเขาจะพยายามปลอบเธอเท่าไหร่ เธอก็ยังคงร้องไห้

ขณะเดียวกันแอนนาก็ตะโกนเสียงดังไปทั่วคฤหาสน์ เมื่อสังเกตเห็นว่าโรเอลฟื้นแล้ว

“นายน้อยฟื้นแล้ว!”

“ช่างวิเศษจริง ๆ! รีบแจ้งให้ท่านมาร์ควิสทราบเร็วเข้า!”

คนรับใช้รีบถ่ายทอดข่าวสารออกไป ไม่นานนักเสียงฝีเท้าอันกระวนกระวายก็ดังเข้ามาจากข้างนอกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาทางประตู ซึ่งก็คือมาร์ควิสคาร์เตอร์นั่นเอง

โรเอลรู้สึกประหลาดใจที่เห็นพ่อของเขาแสดงท่าทางร้อนรนเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทว่าคาร์เตอร์นั้นดูจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย เขารีบตรวจสอบสภาพร่างกายของโรเอลตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเป็นห่วง

“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาแล้วสินะ โรเอล รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?!”

“ผมสบายดีครับ แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” เขาพูดเพื่อให้ทุกคนคลายกังวล

“ดีแล้ว ดีแล้ว”

คาร์เตอร์ถอนหายใจยาว ๆ พลางพยักหน้าด้วยความโล่งใจ

ระหว่างปลอบอลิเซียที่กำลังร้องไห้ โรเอลก็ถามบิดาว่าเกิดอะไรขึ้น และมันก็ทำให้เขาตกใจมากที่ได้รู้ว่าตัวเองได้หลับไปนานถึงสามวันเลยทีเดียว!

โรเอลนอนป่วยมาสามวันแล้ว

ในช่วงกลางคืนเมื่อสามวันก่อน แอนนาได้สังเกตเห็นโรเอลนอนหมดสติอยู่ข้างเก้าอี้เป็นคนแรก โรเอลนั้นตกอยู่ในอาการพึมพำไม่ได้สติ ร่างกายร้อนผ่าวราวกับกำลังลุกเป็นไฟ สาวใช้จึงลุกลี้ลุกลนรีบวิ่งออกไปเพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้คาร์เตอร์ทราบ

คาร์เตอร์ที่อยู่ระหว่างกำลังลองเสื้อผ้าชุดใหม่ เมื่อได้ยินข่าวจากแอนนาผู้ตื่นตระหนก ก็โยนเสื้อผ้าทิ้งในทันที แล้วพุ่งออกไปหาลูกชาย เขาอุ้มโรเอลขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะสั่งให้คนรับใช้ลดอุณหภูมิร่างกายของบุตรชายลงเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายของเขาร้อนจนเกินไป

จังหวะนั้นเอง คนรับใช้ก็ได้สังเกตเห็นขวดยาและถ้วยแก้วที่ใช้ผสมยาเข้าด้วยกันบนโต๊ะของโรเอล

มาร์ควิสคาร์เตอร์จึงได้เข้าไปตรวจสอบดูหยดของเหลวที่เหลืออยู่ภายในภาชนะดังกล่าว และสังเกตเห็นว่ามันมีพลังเวทอยู่ภายใน ความคิดแรกที่เกิดขึ้นในใจของเขาก็คือมีคนพยายามจะลอบสังหารบุตรชายของตน เขาจึงสั่งปิดตายคฤหาสน์ในทันทีแล้วเริ่มร่ายคาถาเพื่อติดตามผู้ร้าย

“ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้หรอกครับ ผมเป็นคนดื่มยานั่นด้วยตัวเอง!”

เมื่อเห็นว่าปัญหาเรื่องนี้เริ่มลุกลามเกินไปแล้ว โรเอลจึงรีบพูดขึ้น เขาบอกกับคาร์เตอร์ว่าเขาพบยาบางอย่างในห้องสมบัติที่มีข้อความกำกับไว้ว่า ‘ยาเสริมสร้างร่างกาย’ จากความประมาทที่อยากจะปรับปรุงศักยภาพของเขา โรเอลจึงดื่มมันเข้าไป

ทันทีที่ตระหนักได้ว่าไม่มีใครคิดจะมาปองร้ายชีวิตของโรเอล ทุกคนในห้องต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่โรเอลยังคงต้องฟังการเทศนาสั่งสอนอันยาวนานของคาร์เตอร์ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่สะเพร่าเช่นนี้ของเขา

“เจ้าดื่มของที่อยู่ในห้องสมบัติโดยไม่ระมัดระวังได้ยังไงกัน? เจ้าไม่รู้หรือว่ายานั่นมันอยู่มานานแค่ไหนแล้ว? ตอนนี้มันอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้! เจ้าควรดีใจนะที่ตอนนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่หลังจากที่ดื่มของแบบนั้นเข้าไป!”

“ผมผิดไปแล้วครับท่านพ่อ ผมจะไม่ทำอีก…”

โรเอลไม่คาดคิดเลยว่ายาทั้งสองชนิดนี้อาจจะบังเอิญมีผลลัพธ์ ‘เหมือน’ กับบทเรียนที่คาร์เตอร์สั่งสอนตักเตือนพอดี เขาจึงขอโทษด้วยความจริงใจ

เมื่อคาร์เตอร์เห็นว่าโรเอลสำนึกผิดแล้ว เขาจึงตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ไป โดยเตือนโรเอลอีกครั้งว่าอย่าทำตัวประมาทแบบนี้อีก ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปในที่สุด

หลังจากแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคาร์เตอร์เรียบร้อย โรเอลก็หันมาปลอบอลิเซียที่กำลังร้องไห้ต่อ

“พี่โรเอล หนูเข้าใจว่าพี่รู้สึกอย่างไร แต่พี่จะต้องไม่ทำแบบนี้อีก! ถ้าตระกูลแอสคาร์ดของเราต้องการผู้มีพลังเหนือธรรมชาติล่ะก็ แม้ว่าสิ่งที่หนูอาจทำได้จะมีน้อยนิด แต่อย่างน้อย ๆ พี่ใหญ่ก็ควรพึ่งพาหนูบ้าง!”

อลิเซียพูดด้วยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา คำพูดเหล่านั้นจากอลิเซียทำให้โรเอลสะเทือนใจ

ไม่ ไม่ ไม่ เธอดูถูกตัวเองมากเกินไปแล้ว ถ้าพลังของเธอถือว่าอ่อนแอล่ะก็ คงไม่มีพลังไหนในโลกนี้ที่เรียกว่าแข็งแกร่งได้แล้วล่ะ!

โรเอลให้คำมั่นสัญญากับอลิเซียว่าเขาจะไม่ทำอะไรโดยประมาทแบบนี้อีกในอนาคต ทำให้ในที่สุดเด็กสาวผมสีเงินก็คลี่รอยยิ้มจาง ๆ ออกมา ทั้งสองคนกอดกันต่อไปอีกสักพักก่อนจะแยกจากกัน

อาการป่วยกะทันหันของโรเอลทำให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างมากในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด

แต่มันก็ยากที่เด็กชายจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ในวันนี้ได้แสดงให้เขาเห็นแล้วว่าความพยายามที่เขาทุ่มเทมาตลอดในเดือนที่แล้วนั้นไม่ได้ไร้ผล

แม้ว่ามันจะไม่ได้มีอะไรแตกต่างเกี่ยวกับมาร์ควิสคาร์เตอร์ เนื่องจากเดิมทีเขาก็เป็นพ่อที่เอาอกเอาใจลูกชายของตนอยู่ก่อนแล้ว

แต่อีกด้านหนึ่ง สำหรับอลิเซียแล้ว ทัศนคติของเธอแตกต่างจากบทบาทเรื่องราวในเกม อาย ออฟ โครนิเคิลมาก

หากเป็นโรเอลคนเดิม อลิเซียคงจะทำเพียงแค่ถามอย่างสุภาพเกี่ยวกับอาการของเขาแบบไร้ความรู้สึกใด ๆ …เธอไม่มีทางที่จะร้องไห้จนทำให้เสื้อผ้าของเขาชุ่มไปด้วยน้ำตาแบบนี้แน่

ในครั้งนี้แม้โรเอลจะรู้สึกแย่ที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง แต่การได้รู้ว่ามีคนห่วงใยเขามากขนาดนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่เหมือนกัน

“นายน้อยคะ ท่านเพิ่งหายจากอาการป่วย ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”

“เข้าใจแล้ว”

โรเอลตบที่อกแล้วจึงถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกออกแล้วส่งมันให้กับแอนนา

เหล่าคนรับใช้ของตระกูลแอสคาร์ดเองก็ปฏิบัติกับเขาต่างจากเมื่อก่อนเช่นกัน หากเป็นเมื่อก่อน เหตุผลที่พวกเขาอยู่ไม่สุขคงจะเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกงาน และคงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับโรเอลมากเท่านี้

ความกรุณาย่อมตอบแทนด้วยความกรุณา อย่างน้อย ๆ คนรับใช้ของคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดในตอนนี้ก็คงจะไม่ไร้ซึ่งอารมณ์เหมือนที่เคยเป็น

ระหว่างที่โรเอลคิดไปเรื่อยเปื่อย เขาก็เริ่มตรวจสอบร่างกายของตนเองอย่างละเอียด ซึ่งในไม่ช้าเขาก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

เด็กชายไม่ได้รู้สึกอ่อนแอเหมือนผู้ป่วยที่เพิ่งมีไข้สูงมาสามวัน เมื่อเขาลองหลับตาแล้วกำหมัดจนแน่น โรเอลก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก

หากพิจารณาจากเงินทุนที่จ่ายไปเพื่อยาทั้งสองแล้ว อย่างน้อย ๆ โรเอลก็ควรจะได้ผลลัพธ์ที่ดีประมาณนี้ การได้รู้ว่าเขาไม่ได้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้เด็กชายโล่งใจ

เมื่อคิดได้โรเอลก็เปิดอินเทอร์เฟซผู้ใช้ระบบขึ้นมา ตรวจสอบสถานะที่เปลี่ยนไปของเขา

【ชื่อ: โรเอล แอสคาร์ด

เพศ : ชาย

อายุ: 9 ปี

ระดับสายเลือด: เหล็ก

ฉายา: –

ระดับ: F+ (นักเวทฝึกหัด)

ทักษะ: คลื่นความร้อนระดับต่ำ, หัตถ์เร้นลับ】

เพียงแค่ดื่มยาสองขวดนั้น ระดับของโรเอลก็เพิ่มขึ้นจาก F- เป็น F+ แล้ว หมายเหตุ (ไม่สมบูรณ์) ที่เคยอยู่บนทักษะหัตถ์เร้นลับเองก็หายไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกได้เลยว่าตนเองยังไม่ได้ใช้พลังเวทภายในยาอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ฝึกฝนอย่างหนัก เขาก็น่าจะสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นระดับ E ได้ในไม่ช้า ซึ่งจะสอดคล้องกับระดับแก่นแท้ 6 ที่เป็นระดับความแข็งแกร่งของทหารอาสาที่ได้รับการฝึกฝน

แม้ว่ามันอาจจะเพิ่มขึ้นมาเพียงขั้นเดียว แต่มันก็สร้างความแตกต่างให้กับร่างกายของโรเอลเป็นอย่างมาก

ความแข็งแกร่งของทหารอาสาที่ได้รับการฝึกฝนนั้นเหนือกว่าพลเรือนทั่วไปหลายขุม พวกเขามีความแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับสิงโตหรือเสือได้สบาย ๆ แม้ว่าตัวตนอย่างสัตว์อสูรมนตรากลายพันธุ์จะยังเป็นปัญหาสำหรับพวกเขาก็ตาม

ในช่วงเวลาที่สงบสุข ทหารอาสาจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบนท้องถนน แต่ทันทีที่เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ขึ้นพวกเขาก็จะรีบไปเข้าร่วมกับทางกองทัพ เพื่อที่จะสามารถยืนหยัดร่วมกันอย่างแน่วแน่และขับไล่ผู้รุกรานออกไปได้

“ดูเหมือนว่าในที่สุดเราก็มีความก้าวหน้าบ้างแล้วสินะ?”

โรเอลรู้สึกตื่นเต้นพอสมควรที่ความพยายามของเขานั้นได้ผล แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดเหมือนกับอลิเซียและนอร่า แต่โรเอลก็ยังสามารถก้าวหน้าด้วยความพยายามของตัวเองได้ หากพยายามไปเรื่อย ๆ เด็กชายก็อาจจะแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถเปลี่ยนชะตากรรมอันน่าเศร้าที่รอเขาอยู่ในอนาคตได้!

“เราจะต้องแข็งแกร่งขึ้น เพื่อกำจัดเดธแฟล็กทั้งหมดออกไป แล้วมีชีวิตอันสงบสุขให้ได้เลย!”