บทที่ 33: อุ๊ย!

วันนี้โรเอลกำลังยืนฝึกฝนอยู่ในลานฝึกซ้อมของตระกูลแอสคาร์ด เขาเหวี่ยงดาบลงบนเป้าไม้เหมือนที่ทำในทุก ๆ วันก่อนหน้านี้

สำหรับเด็กอายุ 9 ขวบ การฝึกด้วยการฟาดฟันดาบโลหะไร้คมไปที่เป้าไม้ มักจะเป็นวงจรอันน่าเบื่อหน่าย ที่สามารถทำซ้ำไปซ้ำมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้เรื่อย ๆ

แต่ทว่าในวันนี้มันกลับแตกต่างออกไป

ปัง! ปัง! แกร๊ก!

โรเอลฟาดเป้าไม้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยการแกว่งดาบสุดแรงเพียงสามครั้ง แม้แต่ดาบโลหะที่ใช้ฝึกเองก็เกิดรอยบุบเล็กน้อยจากแรงกระแทกนั้น ความแข็งแกร่งนี้เหนือกว่าระดับของมนุษย์ทั่ว ๆ ไปอย่างแน่นอน

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถฟาดเป้าไม้เหล่านี้ให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ได้ด้วยการโจมตีเพียงสามครั้งเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ดาบฝึกไร้คม

“นี่คือพลังของระดับแก่นแท้ 6 ระดับ E งั้นเหรอเนี่ย?”

โรเอลวางดาบฝึกในมือลงด้วยความพึงพอใจที่สภาพร่างกายของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะพลังเวทในร่างกายของเขา

หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ หลังจากที่โรเอลได้ใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อยาทั้งสองจากระบบ เพียงเพื่อที่จะต้องนอนหมดสภาพไปเป็นเวลาสามวันเต็มหลังจากที่ดื่มมันเข้าไป ทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมาคาร์เตอร์ก็สั่งให้โรเอลนอนพักบนเตียงอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเขาได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสมแล้วจริง ๆ ถึงขนาดสั่งให้แอนนาจับตาดูเด็กชายไว้ไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว

ภายใต้การเฝ้ามองอย่างระมัดระวังของแอนนา โรเอลจึงทำได้เพียงแค่เอนตัวลงนอนบนเตียงอย่างเบื่อหน่ายไปอีกสามวันเต็ม ๆ ก่อนที่เขาจะได้รับการปล่อยตัว ด้วยเหตุนี้นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เด็กชายได้ทดสอบความแข็งแกร่งใหม่ที่ได้รับมา

ช่วงเวลาสามวันที่โรเอลนอนพักผ่อน เขารู้สึกได้ว่าพลังเวทในตัวยาค่อย ๆ ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างช้า ๆ ทำให้เขามีพละกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป

บางครั้งโรเอลถึงกับนอนไม่หลับในเวลากลางคืน เนื่องจากประสาทสัมผัสทั้งห้าถูกเร่งให้คมชัดขึ้นมาก จนปฏิกิริยาตอบสนองของเขาเร็วกว่าที่เคยเป็น

จนกระทั่งเช้าวันนี้ โรเอลได้เปิดดูจออินเทอร์เฟซของระบบ และตระหนักได้ว่าระดับของเขาถูกเพิ่มขึ้นเป็นระดับ E แล้ว เป็นเหตุให้เด็กชายรีบวิ่งไปที่ลานฝึกซ้อมทันทีเพื่อลองใช้พลังใหม่ของตน

ความแข็งแกร่งที่ได้รับมานั้นช่างน่าทึ่งจริง ๆ โรเอลรู้สึกว่าเขาสามารถฟันศัตรูที่ไม่ได้สวมเกราะให้ขาดเป็นสองท่อนได้สบาย ๆ ต่อให้เขาจะต้องเผชิญหน้ากับเสือภูเขา แต่เด็กชายไม่มีทางแพ้มันแน่นอน

แม้ว่าโรเอลจะพึงพอใจกับการเติบโตของตน แต่เขาก็ไม่ได้หลงระเริงไปกับมันจนเกินไป ยานี้สามารถเพิ่มศักยภาพทางร่างกายของเขาไปได้ไกลถึงระดับ E เท่านั้น โรเอลยังมีหนทางอีกยาวไกลรออยู่ หากเขาต้องการจะเพิ่มคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดให้ถึงระดับแก่นแท้ 5

“อืม เราคงต้องหาช่องทางหาเงินทางอื่นเพิ่มให้ได้โดยเร็วซะแล้วสิ”

ถึงตอนนี้โรเอลจะมีกล่องสมบัติที่เต็มไปด้วยเหรียญทองอยู่สองกล่อง เก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยภายในห้องเก็บของส่วนตัวเล็ก ๆ ของเขา

แต่ความรู้สึกในใจของเด็กชายก็ยังบอกเขาว่า มันยังไม่เพียงพอ นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การกลับมาเกิดใหม่ที่เขารู้สึกว่าตนเองยากจนเหลือเกิน

แม้ว่าโรเอลจะทำเงินมาได้มากจากการทำการค้า แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสามารถไล่ตาม อัจฉริยะตัวจริงอย่างอลิเซีย หรือนอร่าได้

เหล่าหญิงสาวที่เป็นเป้าหมายในการจีบของเกมอาย ออฟ โครนิเคิลนั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่ได้รับพรสวรรค์จากสายเลือดที่เหนือกว่า ทำให้พวกเธอประสบความสำเร็จมากกว่าคนทั่ว ๆ ไปหลายเท่าแม้ว่าจะใช้ความพยายามน้อยกว่าก็ตาม สิ่งเดียวที่ปลอบใจเขาได้ในตอนนี้จึงมีเพียงความจริงที่ว่า คนระดับนั้นมีอยู่ไม่มากบนโลกใบนี้

ปัจจุบันอลิเซียอาจจะดูไม่มีพิษภัยอะไรเมื่ออยู่กับโรเอล แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอแข็งแกร่งกว่าโรเอล คนก่อนที่มีระดับอยู่ที่ F- มาก

แม้จะมีความเหลื่อมล้ำเรื่องช่วงวัยถึง 2 ปี แต่ความสามารถในการใช้คาถาเวทของเธอก็ยังเหนือกว่า โรเอลหลายขุม

ทั้งสองคนต่างก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนเป็นของตัวเอง อลิเซียเป็นที่รู้จักในเรื่องความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของเธอ แต่พลังในการต่อสู้เชิงรุกของเด็กสาวนั้นยังอ่อนแอ หากเปรียบเทียบแล้วก็คงตรงกันข้ามกับโรเอลในตอนนี้ที่เขามีความแข็งแกร่งทางร่างกายและการโจมตีสูง แต่พลังในการฟื้นตัวยังค่อนข้างธรรมดา

ไม่ว่าจะในกรณีใด หลังจากที่โรเอลได้ทดสอบความสามารถทางกายภาพกับเป้าไม้แล้ว โรเอลก็มุ่งหน้าไปยังการฝึกฝนต่อไป นั่นก็คือการฝึกฝนคาถาเวท

เด็กชายหยิบหนังสือคาถาเวทที่เขาไม่ได้แตะมานานหลายปีขึ้นมา ก่อนจะอ่านเนื้อหาต่าง ๆ ข้างในมัน

ตามธรรมชาติของโลกนี้ คาถาพื้นฐานทั้งหมดที่มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้ก่อนที่จะได้รับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดล้วนเป็นคาถาเวทชั่วคราว

คาถาเวทที่ใช้ได้สำหรับผู้มีระดับแก่นแท้ 7 นั้น มักจะเป็นคาถาที่มีพลังโจมตีเพียงเล็กน้อยเช่น หัตถ์เร้นลับ และ คลื่นความร้อนระดับต่ำ โลกเดิมของโรเอลในเกมยอดนิยมบางเกม คาถาเวทเหล่านี้แทบจะนับเป็นคาถาระดับ 0 ได้เลยด้วยซ้ำ มันเป็นคาถาอ่อน ๆ ที่เหมาะสำหรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นการดึงสิ่งของหรือเป่าผ้าให้แห้ง

ระดับแก่นแท้ 6 จึงเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำในการเรียนรู้คาถาเวทที่มีประโยชน์จริง ๆ ในการต่อสู้ ผู้ที่ไปถึงระดับแก่นแท้นี้จะพบว่าศักยภาพร่างกายของตนเองได้รับการเปลี่ยนแปลงไปมาก

ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพในการควบคุมพลังเวท ดังนั้นมันจึงเป็นการเปิดประตูสู่การเรียนรู้คาถาเวทใหม่ ๆ มากมาย

ทหารอาสาที่ผ่านการฝึกมาแล้วมักจะมีคาถาที่ดีติดตัวอยู่พอสมควร โดยสิ่งที่โรเอลต้องการจะเรียนรู้ก็คือคาถาเวทที่สามารถใช้ได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต

หลังจากเลือกอย่างยากลำบากมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดโรเอลก็สามารถเลือกคาถาต่าง ๆ ที่เขาต้องการเรียนรู้ได้สำเร็จ

【ระเบิดพลัง

ส่งถ่ายพลังเวทภายในร่างกายออกไปยังส่วนต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความเร็วและความยืดหยุ่น ใช้ได้ทั้งในแง่รุกและแง่รับ】

【ถุงมือเวท

รวมพลังเวทลงไปที่มือข้างหนึ่ง เพื่อใช้ป้องกันการโจมตีของศัตรู โดยความแข็งแกร่งของถุงมือนั้นจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของพลังเวท ไม่ใช่ปริมาณพลังเวทที่ใช้】

【ควบคุมลมปราณ

วิธีการหายใจอันโดดเด่น ซึ่งใช้พลังเวทเสริมเข้าไป มันสามารถช่วยลดอัตราความเหนื่อยล้าลงได้อย่างมาก ทำให้สามารถยืนหยัดในการต่อสู้อันยืดเยื้อได้】

คาถาเวททั้งสามล้วนเป็นคาถาสำหรับผู้มีพลังระดับแก่นแท้ 6 ที่โรเอลพบในหนังสือคาถาเวท

ทำไมโรเอลถึงเลือกคาถาเวทสำหรับเสริมพลังพวกนี้อย่างนั้นเหรอ? นั่นก็เพราะวิธีการต่อสู้ของผู้มีพลังระดับแก่นแท้ 6 นั้นมักจะเป็นการต่อสู้ในระยะประชิด คาถาเวทจึงมีบทบาทไม่มากก็น้อยไปกว่าการเสริมพลังทางร่างกาย

เหตุผลก็คือคาถาเวทสำหรับโจมตีในระดับแก่นแท้เพียงเท่านี้ ไม่ได้มีผลดีมากเท่าไหร่นักนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น…

【เปลวไฟสังหาร

สร้างเปลวไฟพลังเวท ในระยะสั้น ๆ และจำกัด แต่ก็มีประโยชน์สำหรับการใช้ดึงความสนใจ 】

“ …”

โดยพื้นฐานแล้วนี่เป็นคาถาเวทจู่โจมที่ใคร ๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้เมื่อไปถึงระดับแก่นแท้ 6 ซึ่งโรเอลไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์เท่าไหร่ในระยะยาว เว้นแต่จะเอามันไปใช้ในการย่างเนื้อ

ถ้าเขาไม่ได้มีความคิดที่จะจมปลักอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 6 ล่ะก็ มันไม่มีทางเลยที่เขาจะเรียนรู้คาถาเวทอันฉูดฉาดที่ดูไร้ประโยชน์เช่นนี้

ไม่นานนักหลังจากที่โรเอลฟื้น มาร์ควิสคาร์เตอร์ก็ได้เดินทางกลับไปยังสำนักงานใหญ่ของกองทหารอัศวินศักดิ์สิทธิ์ และเนื่องจากมีงานค้างมากมายในช่วงที่เขาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดเพื่อดูแลโรเอล ดังนั้นคาร์เตอร์คงจะไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์อีกในเร็ว ๆ นี้แน่

นั่นเป็นผลให้โรเอลและอลิเซียกลับมามีชีวิตคู่อันสุขสบาย วันเวลาต่อจากนั้นเองก็ดำเนินไปอย่างสงบ

ด้วยความที่โรเอลได้รับพลังเหนือธรรมชาติเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สองของเขา เด็กชายจึงแทบจะไม่สามารถควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองได้เลย

เขาทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนรู้คาถาเวท ในขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกฝนร่างกายหลายเท่าตัวด้วย ส่งผลให้ทักษะในการใช้ดาบของเขาพัฒนาขึ้นมาก

นี่ทำให้ในที่สุดโรเอลก็หลุดพ้นจากการเป็นคนอ่อนแอ

ทางด้านอลิเซียเองก็พยายามอย่างหนักเช่นกัน ดูเหมือนว่าการล้มป่วยของโรเอลจะไปจุดประกายอะไรบางอย่างในตัวเธอขึ้นมา

ตอนนี้อลิเซียสามารถเข้ากับวิถีต่าง ๆ ของตระกูลแอสคาร์ดได้สำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือของโรเอล และคาร์เตอร์ จากนั้นเธอก็เริ่มพัฒนาความรู้สึกรับผิดชอบที่มีต่อตระกูล เธอรู้สึกว่าตนเองจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือครอบครัวบุญธรรมของเธอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เธอได้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับพี่ชายของเธอที่จะกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่ง

แน่นอนว่าอลิเซีย ไม่รู้เลยว่าพี่ชายของเธอได้ใช้วิธีจ่ายเงิน ใช้ทรัพย์สมบัติของตัวเองแลกกับความสามารถอันยอดเยี่ยม เหมือนกับพวกเติมเงินในเกมออนไลน์

หลังจากสิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยวแต้มความสนใจก็ได้สิ้นสุดลง โรเอลได้หลุดพ้นจากหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่เก็บภาษีอากร ซึ่งตอนนี้ในร้านค้าแลกเปลี่ยนความสนใจเองก็ไม่ได้มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจของเขา เด็กชายจึงตัดสินใจที่จะปล่อยมันไปก่อน แล้วมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสามารถของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม การเก็บเกี่ยวแต้มความสนใจสามครั้งต่อวันกับอลิเซียก็ยังคงดำเนินต่อไป และโรเอลก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวแต้มความสนใจได้เป็นจำนวนมากในทุก ๆ ครั้ง นอกจากนี้เขายังสังเกตเห็นว่าจำนวนแต้มความสนใจที่เขาได้รับจากเหล่าคนรับใช้เองก็เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน

แอนนามีความสุขมากในช่วงเวลานี้ การได้เฝ้าดูช่วงเวลาแห่งความรักอันหอมหวานระหว่างนายน้อยและนายหญิง ร่วมกับเพื่อนร่วมงานกลายมาเป็นความสุขประจำวันของเธอ

ปฏิสัมพันธ์อันน่ารักระหว่างพวกเขาทั้งสองคนมักจะทำให้ สาวใช้ร้องเสียงแหลมอย่างตื่นเต้นอยู่ในใจเสมอ

วันวานอันแสนสงบสุขดังกล่าวได้ผ่านไปในชั่วพริบตา

ก่อนที่จะมีใครทันรู้สึกตัว ฤดูใบไม้ร่วงก็สิ้นสุดลง และในที่สุดฤดูหนาวก็ได้มาถึง