ตอนที่ 676 ได้เวลาที่เหมาะสม

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ระหว่างทางกลับมาปักกิ่ง ในใจเฉินซิงเยียนเต็มไปด้วยคำถาม ทำไมอยู่ๆ ถึงมีข่าวลือเรื่องแม่เธอพยายามจะทำตัวเป็นแม่ของโม่ถิง

 

 

โม่ถิงเป็นใคร

 

 

แล้วใครคือฮว่าเหวินเฟิ่ง

 

 

“แม่ฉันไปเกี่ยวข้องกับคนดังสองคนนั้นได้ยังไง”

 

 

อันจื่อเฮ่าบังคับพวงมาลัยรถด้วยมือข้างเดียวขณะหันหน้ามาเล็กน้อยเพื่อมองอีกฝ่าย “ถ้าคนอื่นอยู่ในสถานะเดียวกับเธอตอนนี้ คนพวกนั้นคงกระโดดโลดเต้นที่จะได้มีโอกาสเป็นน้องสาวของโม่ถิง เอาจริงๆ เธอเองก็คงรู้สึกแบบนั้นอยู่ลึกๆ เหมือนกันใช่ไหม” เขาพูดเสียดสี

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินซิงเยียนก็หันไปมองหน้าอันจื่อเฮ่า “ประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาบอกฉันตลอดว่าฉันไมใช่คนธรรมดาทั่วไป”

 

 

“แล้วเธอก็ไม่ใช่คนถ่อมตัวด้วย”

 

 

“ไม่ ฉันสงสัยมากกว่าว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ แล้วแม่ของฉันไปเกี่ยวข้องกับตระกูลโม่ได้ยังไง” เฉินซิงเยียนไม่เห็นประโยชน์ในการเป็นน้องสาวของโม่ถิง อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้กระโดดโลดเต้นดีใจแบบที่อันจื่อเฮ่าพูด

 

 

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด ฉันว่าแม่ของเธอน่าจะเป็นแม่ของโม่ถิงมาก่อนที่จะมีเธอ”

 

 

“แต่… ทำไมคนที่รู้จักแม่ถึงจำแม่ไม่ได้แถมยังปล่อยให้ฮว่าเหวินเฟิ่งมาเอาตันตนของแม่ไปอีก” นี่คือสิ่งที่ทำให้เฉินซิงเยียนสับสนมากที่สุด

 

 

“เธอไม่เคยเห็นหน้าแม่ก่อนที่จะถูกไฟคลอกมาก่อนสินะ” อันจื่อเฮ่าคาดเดา “ถ้าเธอเคยเห็น ก็อาจจะตอบคำถามพวกนั้นได้ง่ายขึ้น”

 

 

“อา…” เฉินซิงเยียนอุทาน “ฉันไม่เคยคิดว่าอะไรอย่างนี้จะมาเกิดขึ้นกับแม่ฉัน นายแน่ใจนะว่าเราไม่ได้ถ่ายละครกันอยู่”

 

 

ชีวิตคนเราเป็นดั่งงานศิลปะ ทว่าแต่ก่อนข้อมูลไม่ได้เดินทางเร็วเช่นทุกวันนี้ ดังนั้นจึงมีหลายเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน โลกนี้กว้างใหญ่และการมีโจรขโมยตัวคนของคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

 

“ไม่ว่ายังไงฉันจะไม่ยอมให้แม่โดนรังแกเด็ดขาด”

 

 

“ฉันว่าคราวนี้เธอไม่จำเป็นต้องช่วยหรอก” อันจื่อเฮ่ากล่าวอย่างมีนัย ถ้ามีโม่ถิงกับถังหนิงอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่มีใครสามารถรังแกคนในการดูแลของทั้งสองคนนี้ได้

 

 

 

 

“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีฝาแฝด” ไป๋ลี่หวาอธิบายกับถังหนิงทั้งน้ำตาขณะนั่งอยู่บนขอบเตียงของถังหนังในคืนนั้น “ฉันสืบข้อมูลของตระกูลเป่ยและดูเหมือนจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เช่นนกัน ซ้ำร้าย แม่ของฉันตายไปแล้วและโรงพยาบาลที่ฉันเกิดก็ไม่มีอยู่อีกแล้ว คนเดียวที่ยังเหลืออยู่และน่าจะรู้ความจริงทั้งหมดคือฮว่าเหวินเฟิ่ง

 

 

“ฉันไม่รู้ว่าเธอเริ่มวางแผนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เธอสะกดรอยตามฉันได้สักพักอย่างแน่นอน

 

 

“อย่างที่คุณรู้ ต่อให้เราหน้าตาเหมือนกัน เวลาก็จะเปิดเผยให้เห็นจุดด่างพร้อยอยู่ดี แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับจัดการหลอกโม่หลินหย่วนมาได้นานหลายปี เห็นชัดว่าวางแผนมาดีแค่ไหน”

 

 

ถังหนิงเข้าใจความรู้สึกของไป๋ลี่หวา ตัวตนของเธอถูกขโมยไปนานหลายปี แต่กลับไม่มีใครให้ระบาย มันต้องเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ความโกรธและความอยุติธรรมนั้นอาจกลืนกินชีวิตคนคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย แต่แน่นอนว่าไป๋ลี่หวาจัดการผ่านมันมาได้เพราะความรักที่เธอมีต่อสามีและความรับผิดชอบที่เธอมีต่อเฉินซิงเยียน

 

 

ถังหนิงนั่งฟังไป๋ลี่หวาขณะที่โม่ถิงเดินออกไปนอกห้องพร้อมโทรศัพท์ เขาโทรหาเป่ยเฉินตง “แม่นายอยู่ไหน”

 

 

“ฉันเห็นข่าวแล้ว แม่เองก็ได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน แม่ตกใจมาก ตอนนี้กำลังบินกลับมา ครอบครัวนายนี่ชอบสร้างเรื่องใหญ่อยู่เรื่อยเลยนะ”

 

 

“คุณตาล่ะ”

 

 

“เขาอึ้งไปเลยตอนเห็นข่าว เขาจะปล่อยให้นายจัดการเรื่องนี้” เป่ยเฉินตงอธิบาย “ตาจะรอจนกว่าความจริงจะถูกเปิดเผย”

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน…

 

 

“เป็นเรื่องยากที่จะสืบหาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบเก้าปีก่อน อีกอย่างเราไม่มีหลักฐานว่าฮว่าเหวินเฟิ่งหลอกใช้ฉันเพื่อวางยาคุณ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะพิสูจน์ตัวตนของตัวเองได้ยังไง…”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งขโมยตัวตนของไป๋ลี่หวาไปนานหลายปีจนหลักฐานทุกชิ้นถูกทำลายไปหมดแล้ว…

 

 

เธอเปลี่ยนชื่อ บุคลิกของเธอก็เปลี่ยนไปด้วย ฮว่าเหวินเฟิ่งแค่อ้างว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำและทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน ชีวิตของคนจอมลวงโลกคนนี้ช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน

 

 

ถังหนิงตบหลังปลอบโยนไป๋ลี่หวาเบาๆ “แม่คะ แฝดเหมือนทุกคนมีความแตกต่างทั้งนั้น”

 

 

“แต่มันต้องใช้การทุ่มเทมากเกินไปเพื่อหาให้พบ และโอกาสก็มีน้อยมาก”

 

 

ถังหนิงยิ้มอย่างมีความหมาย “ฮว่าเหวินเฟิ่งเป็นคนเหลี่ยมจัด แต่ฉันชอบเวลาคนเหลี่ยมจัดตกอยู่ในกับดักของฉัน”

 

 

ไป๋ลี่หวารู้สึกถึงอารมณ์มากมายที่เกิดขึ้น ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกความเกลียดชังครอบงำ แต่หลังจากให้กำเนิดเฉินซิงเยียน เธอก็แค่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข จนกระทั่งเธอได้ติดต่อกับโม่ถิงและถังหนิง ทำให้ความเกลียดชังของเธอกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเธอไม่ใช่คนเจ้าวางแผนมาตั้งแต่ต้น

 

 

เมื่อเทียบกับฮว่าเหวินเฟิ่ง เธอไม่คิดว่าเธอจะยังมีโอกาส

 

 

เพราะเธอได้สูญเสียรูปลักษณ์ภายนอกไปแล้ว นั่นเพียงพอที่จะทำลายความมั่นใจในตัวเองของเธอ

 

 

ไป๋ลี่หวาตะเกียกตะกายออกมาจากความตายและผิวหนังของเธอถูกลอกออกไป นี่ทำให้ถังหนิงนึกสงสัยว่าโม่ถิงจะไปไกลแค่ไหนในการแก้แค้นของเขา

 

 

ข่าวฉาวนี้ได้กลายเป็นกระแสกระฉ่อน เพราะมันช่างเหมือนกับข่าวที่หลุดออกมาจากนิยายที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิง เหล่านักข่าวต่างพากันตื่นเต้นและภาวนาให้การแถลงข่าวเกิดขึ้นเดี๋ยวนั้น

 

 

ขณะเดียวกัน ฮว่าเหวินเฟิ่งนั้นมั่นใจอย่างที่สุด เธอเชื่อในพลังของพันธุกรรมและเธอรู้ว่าไป๋ลี่หวาไม่มีอะไรเลย ที่สำคัญ ใบหน้าไป๋ลี่หวาซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการระบุตัวตนนั้นบัดนี้ได้ถูกปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็น

 

 

หากฮว่าเหวินเฟิ่งไม่ได้จัดการปกปิดทุกอย่างไปตั้งแต่ในอดีต ป่านนี้ไป๋ลี่หวาคงจัดการเธอไปแล้ว

 

 

เธอได้ทุ่มเทไปมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้ไป๋ลี่หวาได้กลับมาอยู่ในจุดเดิมอย่างเด็ดขาด

 

 

“เหวินเฟิ่ง ไม่ต้องกลัวนะ เรามีผลตรวจดีเอ็นเออยู่ในมือ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”

 

 

“ตาโม่ คุณยังเป็นคนที่ดีกับฉันที่สุดอยู่เสมอ” แรงสนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของฮว่าเหวินเฟิ่งคือคุณพ่อโม่ ตราบใดที่คุณพ่อโม่ยังเชื่อเธอ ตัวตนของเธอในฐานะแม่ของโม่ถิงก็จะยังมั่นคงอยู่เช่นนั้น

 

 

“ผมจะคอยอยู่ข้างคุณเสมอ” คุณพ่อโม่ลืมทุกอย่างที่ไป๋ลี่หวาได้พูดกับเขาก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น เพราะสำหรับเขาแล้ว ฮว่าเหวินเฟิ่งคือภรรยาของเขาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

 

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะทวงความยุติธรรมให้ตัวฉันเอง!”

 

 

ความยุติธรรม?

 

 

ความยุติธรรมอะไรล่ะ

 

 

 

 

เมื่อเฉินซิงเยียนเดินเข้าไปในโรงพยาบาล เธอไม่ได้ใส่ใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่มีความเป็นไปได้ในตัวตนของเธอ เด็กสาวสนใจแค่ว่าแม่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า

 

 

ไป๋ลี่หวามองเฉินซิงเยียนอย่างมีความสุข “แม่ไม่เป็นไร ลูกไม่จำเป็นต้องรีบมาที่นี่ก็ได้”

 

 

“แม่พูดอะไรน่ะ ถ้าไม่มีฉัน แล้วใครจะปกป้องแม่ พวกบอดีการ์ดที่อยู่ข้างนอกนั่นเก่งเท่าฉันหรือไง” เฉินซิงเยียนเอานิ้วชี้ตัวเองด้วยท่าทีไม่เชื่อมั่น “ไม่ว่าจะเรื่องทะเลาะหรือต่อยตี เฉินซิงเยียนคนนี้ไม่มีหวั่นอยู่แล้ว”

 

 

อันจื่อเฮ่ายืนจนปัญญาอยู่ข้างๆ เขากังวลว่าเธอจะทำลายภาพลักษณ์ทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำอย่างหนักเพื่อทำให้มันปราศจากมลทิน

 

 

“เธอควรจะดูแลตัวเองก่อนเถอะ เธอเองก็ ‘ค่อนข้างจะดัง’ อยู่เมื่อไม่นานมานี้เองนะ”

 

 

เฉินซิงเยียนหันกลับไปชูนิ้วกลางให้อันจื่อเฮ่า

 

 

หากไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอย่างอื่น ตอนนี้ทุกคนที่จำเป็นได้ปรากฏตัวอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นจึงได้เวลาที่เหมาะสม…

 

 

ถึงเวลาที่ฮว่าเหวินเฟิ่งจะได้ชดใช้ทุกอย่างที่เธอติดค้างเอาไว้แล้ว