ตอนที่ 67 ผู้ลี้ภัย / ตอนที่ 68 ชี้หน้าต่อว่า

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 67 ผู้ลี้ภัย

เช้าวันต่อมา ไป๋จื่อตื่นนอนแต่เช้าตรู่ หลังจากช่วยจ้าวหลานหวีผมล้างหน้าแล้ว นางก็ตรงไปที่เรือนใหญ่ข้างๆ ในเรือนเล็กที่นางและจ้าวหลานอาศัยอยู่ไม่มีสิ่งของประเภทหม้อหรือเตา เมื่อก่อนจะกินข้าวล้วนต้องรอคนที่อยู่ในเรือนใหญ่กินเสร็จก่อน ถึงจะให้พวกนางกินอาหารเหลือๆ และถือโอกาสล้างถ้วย เก็บกวาดไปด้วย ปฏิบัติกับพวกนางราวกับสุนัขก็ไม่ปาน

ไป๋จื่อในวันนี้ย่อมไม่ยอมใช้ชีวิตเช่นนั้น นางหิวก็ต้องกิน และไม่มีทางกินของเหลือของพวกเขาแน่นอน

วันนี้ประตูของเรือนใหญ่กลับเปิดแต่เช้า นางเพิ่งจะก้าวขาเข้าไป ก็พบกับหลิวซื่อที่รีบร้อนเดินออกมาข้างนอก

โชคดีที่นางปฏิกิริยาว่องไว จึงเบี่ยงตัวทัน ไม่เช่นนั้นชนครั้งนี้ บาดแผลบนตัวนางน่าจะระบมขึ้นมา

หลิวซื่อหยุดฝีเท้า ครั้นเห็นไป๋จื่อ นางก็กล่าวเสียงดังทันที “เจ้ามาพอดี รีบไปทำอาหารเช้า ทำเสร็จแล้วก็ไปขุดผักป่า ไปแต่เช้าหน่อย จะได้ไม่ปล่อยให้ผักป่าสดใหม่ถูกคนอื่นแย่งไป”

เด็กสาวชำเลืองมองนางครั้งหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเรียบ “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ บาดแผลทั้งตัวข้ายังไม่หายดี ท่านคิดจะให้ข้าออกไปทำงานแล้วหรือ? ข้าว่าในใจท่านอยากให้ข้าตายอยู่ข้างนอกนั่น ไม่ต้องกลับมาเสียมากกว่ากระมัง?”

เมื่อหลิวซื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็พลันเท้าสะเอวต่อว่าทันที “นางเด็กสารเลวนี่ พูดจามั่วซั่วอะไร? ปกติแล้วเจ้าเป็นคนทำงานขุดผักป่าไม่ใช่หรือ? เหตุใดวันนี้ไม่ทำเล่า? ข้าเห็นว่าเจ้าแรงเยอะนักเมื่อถือกระบองตีคน แต่ดูไม่ออกว่าบนตัวเจ้ามีบาดแผลตรงไหน พูดจาไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย รีบไปทำกับข้าว ทำเสร็จแล้วก็ไปขุดผักป่า กลับจากขุดผักป่าแล้วค่อยกินข้าวเช้า”

เหอะ ให้นางทำอาหารเช้า ทว่าทำเสร็จแล้วไม่ให้นางกิน ยังต้องรอให้นางขุดผักป่ากลับมาแล้วค่อยกิน? กลับมาจะกินอะไร? กินอากาศหรือ?

ตอนนี้นางคร้านจะต่อปากกับหลิวซื่อ ท้องก็หิว ยิ่งทะเลาะด้วยก็ยิ่งหิว เสียพลังงานไปเปล่าๆ

ไป๋จื่อหมุนกายเดินออกไปข้างนอก หลิวซื่อจึงรีบเรียกนางไว้ “ยังไม่ทำกับข้าวอีก จะไปไหน?”

เด็กสาวหันกลับไปมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง บนใบหน้าผุดรอยยิ้ม “ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ข้าว่าตอนนี้สายแล้ว หากทำอาหารเช้าก่อนแล้วค่อยไป เกรงว่าจะไม่ทันกาล ผักจะให้ผู้อื่นขุดไปก็ไม่ได้ ข้าไปตอนนี้เลยดีกว่า” พูดจบนางก็สาวเท้ากลับเรือนไม้อย่างรวดเร็ว

หวังจะให้นางทำงานหรือ? เหอะ ฝันไปเถอะ

“ท่านแม่ อยู่ที่สกุลไป๋แห่งนี้เกรงว่าจะไม่มีข้าวให้กิน พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะเจ้าค่ะ”

ไม่ได้กินข้าวเป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมายของจ้าวหลาน แต่ไป๋จื่อพูดว่าออกไปกินข้าวนอกหรือ? นี่หมายความว่าอย่างไร?

“ไปกินข้าวข้างนอก? ไปที่ใด”

ไป๋จื่อประคองนางลงจากเตียง “ท่านแม่ ท่านเลอะเลือนแล้วหรือเจ้าคะ? พวกเรายังมีไข่ไก่ตะกร้าหนึ่งที่บ้านของท่านลุงหูไม่ใช่หรือ ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ให้ข้าไปขุดผักป่า ข้าก็พาท่านไปด้วยกัน พวกเราไปต้มไข่ไก่กินที่บ้านของท่านลุงหูเสียสองลูก แล้วค่อยไปตระเวนข้างนอก เมื่อกลับมาตอนเที่ยง จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับพวกเขา”

จ้าวหลานก็ไม่อยากอยู่ที่นี่เช่นกัน แม้ตอนนี้ไปที่บ้านของหูจ่างหลินจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่ก็ดีกว่าอยู่ที่นี่ฟังพวกนางก่นด่าอยู่ตลอดเวลา

“ก็ได้ ว่าตามเจ้า” จ้าวหลานลงจากเตียง ความเจ็บปวดจากแขนไม่ได้รวดร้าวเช่นเมื่อวานแล้ว ยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถทนได้ หากตอนนี้ให้นางลงดินทำงาน ขอเพียงไม่ใช่มือข้างที่ได้รับบาดเจ็บ นางก็ทำได้เช่นกัน

“ท่านแม่ อีกเดี๋ยวท่านออกจากเรือนแล้ว พยายามทำท่าทางว่าได้รับบาดเจ็บหนักมาก เดินช้าสักหน่อย อย่าให้พวกเขาดูออกว่าท่านกระปรี้กระเปร่ามาก” ไป๋จื่อกล่าว

จ้าวหลานเข้าใจความหมายของนาง จึงรีบพยักหน้า “แม่รู้ เจ้าวางใจเถอะ”

สองแม่ลูกประคองกันออกจากบ้านไป ทั้งสองสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆ เดินกะโผลกกะเผลก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำ ราวกับว่าทุกย่างก้าวล้วนทนความเจ็บปวดอันยิ่งยวดไว้ หากมองผ่านๆ ก็คล้ายกับผู้ลี้ภัยที่หนีมาจากหมู่บ้านห่างไกล ไม่ต้องพูดเลยว่าน่าเวทนาเพียงใด

……….

ตอนที่ 68 ชี้หน้าต่อว่า

ภายใต้สายตาคมกริบราวกับมีดของหญิงชราและหลิวซื่อ สองแม่ลูกสะพายตะกร้า พากันออกจากลานบ้านไปทีละก้าว นอกลานบ้านเป็นเส้นทางหลักในหมู่บ้าน บ้านเรือนของทุกคนล้วนสร้างเลียบเส้นทางนี้ รถเทียมวัวลากธัญพืชยามเก็บเกี่ยวกลับมาจะได้สะดวกขึ้นบ้าง

บัดนี้ยังเช้าอยู่ ชาวบ้านในหมู่บ้านไม่น้อยต่างก็แบกหามอุปกรณ์การเกษตรเดินอยู่ในทุ่งนานอกหมู่บ้าน ครั้นเห็นสภาพน่าเวทนาของสองแม่ลูก ทุกคนล้วนหยุดฝีเท้าสอบถาม

“จื่อยาโถว พวกเจ้าสองแม่ลูกมีสภาพเช่นนี้ เหตุใดยังออกมาอีกเล่า”

ไป๋จื่อกล่าวพร้อมตาแดงๆ “ในบ้านไม่มีผักป่าแล้ว ท่านย่าให้พวกข้าไปขุดผักป่า ท่านลุงท่านอา ขอบคุณพวกท่านที่เป็นห่วง พวกข้าต้องไปแล้ว ไม่เช่นนั้นกลับมาช้าเกินไปจะถูกตำหนิอีก” เดิมทีเด็กสาวอ่อนแออย่างยิ่ง บนใบหน้าเล็กที่ผอมซูบเต็มไปด้วยรอยแผล ในดวงตาที่งดงามปกคลุมไปด้วยน้ำตา เมื่อเห็นแล้วดูน่าสงสารยิ่งนัก

พวกคนในหมู่บ้านมองเงาหลังของสองแม่ลูกที่เดินกะโผลกกะเผลก พากันถอนใจและส่ายหน้า “เป็นเด็กดียิ่งนัก เหตุใดคนสกุลไป๋ถึงใจร้ายเช่นนี้นะ”

“นั่นน่ะสิ ลูกบ้านนั้นขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่มีใครทำงานเป็นสักคน ที่ดินหรือที่นา ในบ้านหรือนอกบ้าน ล้วนมีแต่สองแม่ลูกคู่นี้คอยทำงาน สุดท้ายแล้วตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้คนรู้สึกช้ำใจเสียจริง!”

“ดีที่จ้าวหลานทนได้ หากเปลี่ยนเป็นสตรีคนอื่น เกรงว่าจะทิ้งบ้านนี้หนีไปนานแล้ว ไหนเลยจะหาบ้านดีๆ ไม่ได้? รั้งอยู่ที่นี่เท่ากับถูกคนสกุลไป๋เหยียบย่ำ”

“ทิ้งบ้านหนีไป? เจ้าน่ะพูดง่าย หากจ้าวหลานไปแล้ว จื่อยาโถวจะทำอย่างไร? คนสกุลไป๋พวกนั้นจะดีกับจื่อยาโถวหรือ?”

จางซื่อซักผ้ากลับมาจากริมแม่น้ำพอดี นางได้ยินพวกชาวบ้านพูดคุยกัน ทั้งเห็นว่าพวกเขาใช้สายตาแปลกๆ มองนาง ในใจของนางมีไฟสุมอยู่อย่างแท้จริง แม้นางจะเป็นคนสกุลไป๋ ไม่ค่อยไว้หน้าจ้าวหลานในสกุลไป๋สักเท่าไร ทว่าก็ไม่เคยรังแกจ้าวหลานอย่างไม่มีศีลธรรมเช่นแม่สามีและสะใภ้ใหญ่ ยิ่งไม่เคยลงไม่ลงมือกับเด็กสาวไป๋จื่อ ทว่าบัดนี้นางต้องแบกชื่อเสียนี้ไว้เช่นกัน ในใจย่อมต้องรู้สึกโกรธ

นางถลึงตามองชาวบ้านเหล่านั้นครั้งหนึ่ง ก่อนจะยกกะละมังไม้กลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว ครั้นเข้าประตูไปก็ต่อว่าเจ้ารองที่ยืนบิดขี้เกียจอยู่ในลานบ้าน “สิ่งของที่ไม่มีประโยชน์ รู้จักแต่กินๆ นอนๆ เวลาป่านนี้แล้ว ทุกคนล้วนขยันขันแข็ง ทำงานในที่นาเสร็จกลับมากันแล้ว”

เจ้ารองถูกนางต่อว่าจนหน้าบึ้ง สตรีนางนี้ป่วยกระมัง ถึงได้ต่อว่าเขาตั้งแต่เช้า น่าแปลกนัก

“มองข้าทำไม? ข้าด่าเจ้าแล้วผิดหรือ? ข้าจางซูเหมยตาบอดจริงๆ ถึงได้แต่งให้กับบุรุษเช่นเจ้า”

วันนี้ถูกจางซื่อต่อว่าเสียยกหนึ่ง เจ้ารองงุนงงโดยสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดลมบ้าอะไรขึ้น

“ภรรยา ข้าว่าเจ้าจะด่าข้าก็ได้ แต่อย่างน้อยบอกข้าหน่อยว่าเพราะเหตุใด ต่อว่าข้าอย่างไม่มีเหตุผล ช่างน่าแปลกเสียจริง”

จางซื่อแค่นหัวเราะ ก่อนจะโยนกะละมังไม้ในมือลงบนพื้น มือข้างหนึ่งเท้าสะเอว ส่วนมืออีกข้างหนึ่งชี้เจ้ารอง “น่าแปลกรึ? ข้าว่าเจ้าต่างหากที่แปลก ภรรยาเจ้าถูกคนชี้หน้าต่อว่าอยู่ข้างนอก เจ้าเป็นผู้ชายของข้า แต่เจ้าอยู่ที่ใด? ตอนที่ในบ้านยากจนไม่เหลืออะไรกิน เจ้าเป็นบุรุษ เหตุใดเจ้าไม่ไปคิดจัดการ แต่ชอบให้ภรรยาอย่างข้าผู้นี้กลับบ้านแม่ไปยืมเสบียง เจ้ายังมีเกียรติอยู่หรือไม่?”

คราวนี้เจ้ารองนับว่าเข้าใจแล้ว เดิมทีนางไม่ได้รับความเป็นธรรมจากข้างนอก บัดนี้กลับมาถึงได้ระบายอารมณ์กับเขา

“ใครกล้าชี้หน้าต่อว่าเจ้า? เจ้าบอกข้ามา ข้าจะไปแก้แค้นให้เจ้าเอง”