ตอนที่ 30 อวยสุดกำลัง หลินเยียนมาแล้ว

ลืมรักเลือนใจ

เผยอวี้เฉิงเคยให้โอกาสเธอครั้งหนึ่งแล้ว ไม่มีทางให้โอกาสเธอเป็นครั้งที่สอง 

 

 

ตอบอย่างไรถึงจะไม่ต้องตายอย่างอนาถ? 

 

 

ความจำเสื่อม ผีอำอะไรพวกนี้ พูดไปใครจะเชื่อ! 

 

 

มีแต่จะกระตุ้นความโกรธ 

 

 

หรือไม่ก็บอกไปว่าตัวเองเป็นพวกวิปริต? 

 

 

ถ้าอย่างนั้นก็คงถูกเผยอวี้เฉิงจับเข้าคุกเข้าตาราง! 

 

 

น่าโมโหชะมัด! 

 

 

นี่มันบ้าอะไรกัน คนหนึ่งก่อเรื่อง อีกคนต้องมารับผิดชอบ เรื่องที่ตัวเองทำ เก่งจริงก็มารับผิดชอบเองสิ! 

 

 

เธอคิดไม่ซื่อกับความงามของเผยอวี้เฉิงแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน! 

 

 

ในช่วงเวลาแบบนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย! จะให้เธอทำอย่างไร? 

 

 

เผยอวี้เฉิงเองก็ดูเหมือนไม่ได้รีบ เพียงมองเธออย่างสบายๆ รอคอยคำตอบของเธอ 

 

 

หลินเยียนรู้สึกเหมือนมีหัวเสือวางอยู่บนหัวและสามารถตกลงมาได้ตลอดเวลา… 

 

 

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ … 

 

 

หลินเยียนรู้ตัวว่ายื่นหัวออกไปก็ตาย หดหัวกลับมาก็ตาย จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “ท่านประธานเผย คืออย่างนี้…คุณหล่อเหลาสง่างาม บุคลิกโดดเด่น รอบรู้มากความสามารถ ตั้งแต่ฉันเห็นคุณในโทรทัศน์เพียงแวบเดียวก็หลงจนไม่อาจลืมเลือน คิดถึงทั้งวันทั้งคืน คุณรู้มั้ยว่า วิธีสร้างความหวานมี 100 วิธี ทานลูกอม ทานขนมเค้กและคิดถึงคุณ 98 ครั้ง! 

 

 

ทุกอย่างที่ทำเสียมารยาทกับคุณ ฉันควบคุมไม่ได้จริงๆ นั่นเป็นเพราะความหล่อเหลาตะลึงโลกของท่านประธานเผย… 

 

 

หลังจากคำปราศรัยอันหนวกหูของหลินเยียนจบลง ภายในห้องพักคนไข้ก็เงียบไปสามนาทีเต็ม 

 

 

“เหอะ…” 

 

 

จากนั้นเสียงอันทุ้มต่ำที่ชวนใจสั่นก็ดังขึ้น เห็นเพียงว่ารอยยิ้มนัยน์ตาของเผยอวี้เฉิงที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ราวกับกลายเป็นธารน้ำฉับพลัน แล้วกลายเป็นสายน้ำไหลโชน 

 

 

ก่อนหน้านี้รอยยิ้มของเผยอวี้เฉิงไม่เคยมาจากตาและไร้ซึ่งความอบอุ่น 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเผยอวี้เฉิงยิ้มได้…ได้งดงามขนาดนี้… 

 

 

เป็นภัยต่อประเทศและประชาชนขนาดนี้… 

 

 

ในที่สุดเธอก็รับรู้คำว่า รอยยิ้มเดียวล่มชาติล่มเมืองอย่างลึกซึ้งแล้ว! 

 

 

หลินเยียนจ้องตาค้าง 

 

 

เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นน่าอายมาก 

 

 

แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เธอรู้สึกเพียงว่า คำพูดของตนดูตรงเกินไปแล้ว 

 

 

ความกดดันในตัวของเผยอวี้เฉิงก็เหมือนจะจางหายไปเพราะรอยยิ้มนัยน์ตาไม่น้อย พลันวิจารณ์คำปราศรัยของเธอ “คล้องจองดี” 

 

 

เผยอวี้เฉิงหยุดไปครู่ ก่อนจะถามว่า “เพิ่งคิดเมื่อกี้เหรอ?” 

 

 

หรือพูดอีกอย่างก็คือ เพิ่งแต่งขึ้นมาเหรอ? 

 

 

หลินเยียนกลืนน้ำลาย แล้วรีบพูดว่า “ไม่ใช่สักหน่อย! นี่คือคำพูดจากใจของฉันนะ! ถึงได้พูดออกมาอย่างคล่องแคล่วแบบนี้!” 

 

 

เผยวอวี้เฉิง “คุณหลินพูดแบบนี้ ก็จะให้อภัยได้?” 

 

 

หลินเยียนค้นพบอย่างมีไหวพริบว่า ฟังจากน้ำเสียงของเผยอวี้เฉิง เหมือนว่าตนยังพอมีทางรอดงั้นสิ? 

 

 

หลินเยียนตาเป็นประกาย พลันพูดอย่างว่าง่าย “แน่นอนว่าไม่สามารถให้อภัยได้ ท่านประธานเผยเป็นเทวดาจากสวรรค์ คนอย่างฉันจะคิดไม่สมควรคิดไม่ซื่อด้วย เพราะฉะนั้นทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเอง!” 

 

 

ในขณะที่หลินเยียนกำลังคิดหาทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด ประตูห้องคนไข้ก็ถูกเปิดจากด้านนอกดัง ‘ปัง’ อย่างกะทันหันเธอตกใจจนสะดุ้งโหยง 

 

 

จากนั้นหลินเยียนพลันเห็นพายุหมุนหลากสีพุ่งเข้ามา… 

 

 

“อ้าว! พี่ชายใหญ่! ในที่สุดพี่ก็ฟื้นแล้ว!” 

 

 

เห็นเพียงเด็กผู้ชายที่ดูแล้วอายุประมาณสิบแปดสิบเก้า ย้อมผมหลากสีคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหาชายหนุ่ม จากนั้นก็เริ่มปล่อยโฮร้องไห้อย่างหนักทันที “พี่ชายใหญ่ ผมคิดว่าครั้งนี้พี่จะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้วซะอีก! ถ้าพี่ชายไป ผมจะอยู่ยังไง!”