ตอนที่ 33 เรื่องของจวนตระกูลเซ่า

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ไป๋อวี้และอวิ๋นเจี่ยวพักผ่อนอยู่ที่บ้านฟางหนึ่งคืน วันที่สองรุ่งเช้า ตาโจวก็ลากทั้งสองคนมุ่งหน้าสู่จวนตระกูลเซ่า จวนตระกูลเซ่าหาเจอได้ไม่ยาก เพราะว่าเป็นจวนที่ใหญ่ที่สุดหรูหราที่สุดในเมืองแห่งนี้

 

 

ตระกูลเซ่าสมกับเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมือง จวนของตระกูลเซ่านั้นกินพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ใหญ่กว่าสำนักชิงหยางที่ยังไม่ถูกทำลายมากกว่าเท่าตัว อีกทั้งสถาปัตยกรรมยังดูหรูหรามากกว่าสำนักชิงหยางเป็นร้อยเท่า กำแพงสีแดงหลังคาสีทองดูหรูหราอย่างยิ่ง ทั้งจวนราวกับเขียนเต็มไปด้วยคำว่า ‘ข้ามีเงิน’ ขนาดชุดของคนรับใช้ภายในบ้านยังดีกว่าที่อื่นอย่างมาก

 

 

แต่อาจเป็นเพราะชายแก่เปลี่ยนชุดทำมาหากินชุดเก่งของเขา คนรับใช้ที่มาเปิดประตูแววตาลุกวาว รีบออกมาต้อนรับ ทำความเคารพพวกเขาอย่างมีมารยาท “ท่านทั้งสามมาช่วยนายน้อยพวกข้าขับไล่สิ่งชั่วร้ายใช่หรือไม่ พวกท่านรีบเชิญเข้าด้านใน”

 

 

พูดจบก็นำพาพวกเขาเข้าจวนไปในทันที ราวกับเตรียมพร้อมไว้อยู่นานแล้ว ทั้งสามคนมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามเข้าไป เดินตามหลังคนรับใช้มาจนถึงโถงรับแขก ก็พบว่าด้านในมีคนเจ็ดแปดคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นนักพรตเหมือนชายแก่ ท่าทางมีวิชาอาคม นอกจากนี้ยังมีบางคนที่สวมชุดนักบวชในมือถือลูกประคำ

 

 

ทั้งสามคนตะลึงไปพักหนึ่ง ในทันใด อวิ๋นเจี่ยวมีความรู้สึกราวกับที่นี่เป็นสมาคมรวมหมอผีอย่างใรอย่างนั้น

 

 

“ท่านทั้งสาม ได้โปรดรอสักครู่ ประเดี๋ยวท่านเซ่าจะออกมาพบทุกท่าน” พูดจบก็นำพวกเขาทั้งสามคนไปนั่ง และเดินหันหลังออกไป

 

 

คนที่อยู่ในโถงนั้นก็สังเกตเห็นทั้งสามคนที่เพิ่งเข้ามา สายตาพินิจกวาดมองพวกเขาทีละคน บ้างมีสีหน้าที่เป็นมิตรพยักหน้าเป็นการทักทาย บ้างส่งเสียงในลำคออย่างเหยียดหยาม เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ล้วนมีจุดประสงค์เดียวกับพวกเขาคือ มาไล่ผีให้นายน้อยตระกูลเซ่า ดูท่าทางท่านเซ่าลงทุนเป็นอย่างมากในการช่วยชีวิตลูกชายของตัวเอง

 

 

ชายแก่และตาโจวก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนมามากมายเช่นนี้

 

 

“หึ ช่างเป็นความโชคร้ายของเสวียนเหมินเสียจริง ใครก็สามารถแทนตัวเองว่าเป็นศิษย์ของเสวียน

 

 

เหมินได้” พวกเขาเพิ่งได้นั่งลง ก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มในชุดสีเขียวอ่อนด้านข้างพูดขึ้น พร้อมกับกวาดสายตามองอวิ๋นเจี่ยว อาจเป็นเพราะเห็นนางยังอายุน้อย ในสายตาเต็มไปด้วยความดูถูก “ฝึกฝนวิชามาไม่กี่ปี แต่ช่างใจกล้าที่จะลงเขามาขับไล่สิ่งชั่วร้าย”

 

 

อวิ๋นเจี่ยวตะลึง หรือนี่จะเป็นการกดขี่จากคนอาชีพเดียวกัน?

 

 

อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ชายแก่กลับเดือดขึ้นมา ลุกพรวดขึ้นยืนราวกับไก่ชน ก่อนที่จะต่อปากต่อคำกลับไป “ท่านสหายพูดถูก หากเช่นนั้นอีกสักครู่ท่านสหายคงต้องตามติดหน่อย อย่าเป็นตัวถ่วงของพวกเราทุกคน” ใครไม่มีวิชากัน เจ้านะสิไม่มี! ไม่มีวิชากันทั้งบ้าน!

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…” จะว่าไป เขาไม่ได้ว่าท่านหรือเปล่า ร้อนตัวทำไมกัน?

 

 

╮(╯_╰)╭

 

 

“เจ้า…” ชายหนุ่มคนนั้นทำท่าราวกับจะลุกขึ้นยืนหาเรื่อง

 

 

ชายหนุ่มชุดสีฟ้าด้านข้างคนหนึ่งเห็นท่ารีบลุกขึ้นยืนรั้งเขาไว้ “ท่านสหายหูช้าก่อน พวกเราล้วนเป็นคนในเสวียนเหมินเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมาขับไล่สิ่งชั่วร้ายเช่นเดียวกัน ต้องร่วมแรงร่วมใจกันถึงจะถูก อย่าได้โกรธไปเลย อีกประเดี๋ยวท่านเซ่าก็มาแล้ว”

 

 

ชายหนุ่มถึงได้สยบความโกรธลงไป ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ชายแก่ นั่งกลับเข้าที่อย่างเคืองๆ

 

 

นักพรตชุดฟ้าส่งสายตาขอโทษมายังทั้งสามคน และไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่คนอื่นทำเพียงแค่มองมาทางนี้ ไม่มีความประสงค์ที่จะสื่อสารกันแม้แต่นิดเดียว

 

 

พวกเขานั่งรออยู่ในโถงเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม มีนักพรตคนอื่นทยอยเข้ามาอีกหลายคน เสียงฝีเท้าดังมาจากทางหน้าประตู ก่อนที่จะเห็นชายหนุ่มรูปร่างอ้วนเดินเข้ามา ดูท่าทางอายุราวสี่ห้าสิบ ทั้งตัวเต็มไปด้วยเครื่องประดับ เหลือเพียงแค่ไม่ได้เขียนคำว่าเงินไว้บนหน้าเท่านั้น ชายหนุ่มฉีกปากยิ้มจนเนื้อบนหน้าถูกบีบเข้าหากัน

 

 

“ทุกท่านรอนานแล้ว” ชายหนุ่มร่างอ้วนยืนอยู่หน้าประตูก่อนจะยกมือทักทาย “ลำบากพวกท่านเดินทางมาไกล เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้ลูกชายข้า” ดูท่าทางเขาก็คือท่านเซ่า “ไม่รู้ว่าพวกท่านทั้งหลายมีนามว่าอะไรกัน”

 

 

ทุกคนถึงได้นึกขึ้นได้ว่าลืมแนะนำตัว อวิ๋นเจี่ยวสังเกตว่าคนที่ออกปากเสียดสีนางเมื่อสักครู่ชื่อหูฝู ส่วนชายหนุ่มชุดฟ้าชื่อจี้เฟิง แทนตัวเองว่ามาจากสำนักหย่งชาง ส่วนคนอื่นล้วนเป็นนักพรตพเนจร

 

 

“ท่านเซ่า เรื่องนี้ไม่อาจรอได้ รีบพาพวกข้าไปดูลูกชายของท่านเถอะ!” หูฝูเดินขึ้นหน้าเร่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ กวาดสายตามองคนที่อยู่ในเหตุการณ์

 

 

“ได้ๆ !” อาจเพราะเป็นห่วงลูกชายของตัวเอง ท่านเซ่าก็ไม่รีรอ รีบพยักหน้ารับและเดินนำทางไป “ท่านทั้งหลายตามข้ามา”

 

 

เขาเดินนำทุกคนมายังอาคารหลังเล็กบริเวณสวนด้านหลัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลทางใจหรือเปล่า ที่แห่งนี้ถึงแม้จะเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสมากมาย ดูก็รู้ว่าได้ผ่านการออกแบบมาอย่างตั้งใจ เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้และทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ทุกคนกลับรู้สึกถึงกระแสไอเย็นแบบแปลกๆ

 

 

“ที่แห่งนี้มีพลังผีหนักมาก!” หูฝูขมวดคิ้ว เอ่ยคำวินิจฉัยออกมาก่อน มองไปยังท่านเซ่าก่อนจะเอ่ยว่า “ดูท่าทางลูกชายของท่านถูกของไม่ดีตามรังควานจริงๆ”

 

 

ใบหน้าที่อ้วนกลมของท่านเซ่าซีดเผือดลงไปในทันที มองไปยังหูฝูและเอ่ยกับเขาด้วยสีหน้าร้อนรน “ท่านเซียนได้โปรดช่วยลูกข้าที!”

 

 

“ไม่รีบ ขอดูคนก่อนค่อยว่ากัน” หูฝูตอบ

 

 

“เชิญท่านเซียน” ท่านเซ่ารีบให้คนเปิดประตูและนำทุกคนเข้าไปข้างใน

 

 

สีหน้าของทุกคนล้วนหนักอึ้ง อาจเป็นเพราะผลทางใจ ไป๋วอี้รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก เข้าไปถึงด้านในก็อดไม่ได้ที่จะผลักอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างเบาๆ กดเสียงต่ำพูด “เจ้าหนู เจ้าเห็นอะไรหรือไม่” เช่นผีสาว?

 

 

อวิ๋นเจี่ยวมองไปรอบด้าน ก่อนจะส่ายหัว “ไม่มี”

 

 

ชายแก่ถึงได้โล่งใจ ดูท่าครั้งนี้ก็เป็นการทำพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายธรรมดาเท่านั้น เพียงแต่…เขามองไปยังคนที่เป็นนักพรตเช่นเดียวกับเขาทั้งเจ็ดแปดคนที่เบียดกันอยู่ด้านหน้า ค้าขายครั้งนี้มันแย่งชิงกันยากลำบากหน่อย

 

 

“ท่านเซียนทั้งหลาย นี่คือลูกข้า” ท่านเซ่าพาทุกคนมาหยุดอยู่ข้างเตียง

 

 

คนบนเตียงราวกับรู้สึกว่ามีคนมา ยันตัวลุกขึ้นจากเตียง เอ่ยเรียกด้วยความฉงน “ท่านพ่อ?”

 

 

“เซี่ยนเอ๋อ เจ้าตื่นแล้ว” ท่านเซ่ารีบเดินหน้าไปพยุงคนที่เตียง “เจ้าวางใจ ข้าเชิญท่านเซียนมา เดี๋ยวเจ้าก็จะดีขึ้น”

 

 

“ท่านเซียน?” เซ่าเซี่ยนตะลึงไปพักหนึ่ง ถึงได้เงยหน้ามองเหล่าคนที่อยู่บริเวณข้างเตียง ท่าทางของเขาดูอ่อนแอมาก สีหน้าซีดเซียวราวกับกระดาษ รูปร่างแตกต่างกับท่านเซ่า ชายหนุ่มผอมแห้ง หน้าตาหล่อเหลา ดูแล้วราวกับคุณชายที่ป่วยหนัก แต่ก็ไม่รู้เป็นเพราะป่วยเป็นเวลานานหรือไม่ เมื่อชายหนุ่มเห็นเหล่าคนที่อยู่ข้างเตียง สีหน้าของเขาดูซีดขาวมากขึ้น หอบหายใจหนักสองที ดวงตาหลุบต่ำ ก่อนจะเอ่ยขอร้องด้วยเสียงทุ้ม “ท่านพ่อ โรคของข้ารักษาไม่หายแล้ว ท่านให้ท่านเซียนกลับไปเถอะ”

 

 

“เหลวไหล!” สีหน้าของท่านเซ่าดำลง “อย่าพูดเช่นนี้อีก ท่านเซียนมีวิชาเก่งกาจมากมาย สามารถช่วยเจ้าได้แน่”

 

 

“ท่านพ่อ…”

 

 

“เชื่อข้า!” ท่านเซ่าพูดเสียงต่ำ ก่อนจะมองไปยังทุกคนในห้อง “ทุกท่าน ลูกข้าป่วยมาเป็นเวลากว่าสี่เดือนแล้ว ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย หมอทั่วไปก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร หวังให้ท่านทั้งหลายช่วยเหลือ ขอแค่รักษาลูกข้าให้หายได้ ตระกูลเซ่ายินดีที่จะมอบเงินทองทั้งหมดให้”

 

 

พูดจบก็ทำท่าจะคุกเข่าลงไป หูฝูที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดรีบพยุงเขาไว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางน่าเกรงขามว่า “ท่านเซ่าไม่ต้องทำเช่นนี้ การกำจัดมารไล่ปีศาจเป็นหน้าที่ของคนในเสวียนเหมินอย่างพวกข้า พวกข้าจะพยายามอย่างที่สุด ก่อนอื่นให้ข้าดูอาการของลูกชายท่านก่อน”