ตอนที่ 37 ยุยง

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 37 ยุยง

เฉียนจินหวู่เห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี เขาจึงพูดขึ้นอย่างรู้จังหวะ “ท่านย่า ท่านแม่ ข้าได้ยินว่าน้องต้ายาป่วย งั้นข้าขอตัวไปดูนางก่อนนะขอรับ” พูดจบเขาก็รีบเดินออกไปราวกับวิ่ง

เมื่อเจียงเหลียนฮัวเห็นสีหน้าของแม่ตัวเอง นางก็รู้แล้วว่าแม่สู้ลูกสาวไม่ได้ ทำไมนางจะไม่รู้ล่ะว่าแม่ตัวเองคิดอะไรอยู่ ?

แต่ถือว่านางเห็นการเจริญเติบโตของเด็กสองคนนั้นมาโดยตลอด ทำไมนางจะไม่รู้แผนการไม่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมที่อยู่ในท้องของพวกนาง

เจียงต้ายาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก นางมักจะพูดเหมือนแม่ของนาง และนางก็พูดเก่งเสียยิ่งกว่าร้องเพลง แต่ตอนที่จะให้นางออกแรงจริง ๆ นางกลับไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ส่วนเจียงเอ้อยานั้น เล่ห์เหลี่ยมที่อยู่ในท้องนางเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้ นางปากหวานและพูดให้คนอื่นรู้สึกดีเก่ง แต่เมื่ออยู่ลับหลัง นางกลับไม่อ่อนข้อเลยสักนิด

ตอนที่เซียงเซียงของนางยังเป็นเด็ก ไม่รู้ว่านางต้องเสียเปรียบสองพี่น้องนั่นกี่ครั้ง แต่ตอนนี้เซียงเซียงโตพอที่จะรู้จักป้องกันตัวเองแล้ว ถึงค่อยดีขึ้นมาหน่อย

อาการป่วยของเจียงต้ายาครั้งนี้ถือว่าแปลกประหลาดมาก  พี่สะใภ้ของนางก็คิดจะยัดเจียงเอ้อยาเข้ามาแทนที่ นี่เห็นจินหวู่ของนางเป็นอะไรกัน ? คิดว่าเก็บขยะอย่างนั้นหรือ ? เรื่องนี้ทำให้นางโกรธมาก…

โกรธมากจริง ๆ!

ก่อนหน้านี้ตอนที่เด็ก ๆ ยังเล็ก พี่สะใภ้ของนางก็เคยพูดเรื่องนี้แล้วแต่กลับถูกนางหัวเราะกลบเกลื่อนเสียก่อน ตอนนี้คงเห็นว่าเด็กทั้งสองโตแล้ว ความคิดนี้ถึงได้กลับมาอีกครั้ง

เมื่อได้ยินความน่าจะเป็นนี้ นางก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง นางถึงกับนั่งไม่ติดไปทั้งวัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมาพูดกับแม่ตัวเองให้ชัดเจน

เจียงเหลียนฮัวไม่ให้เจียงเอ้อยาหรือเจ้าเด็กบ้านั่นมาย่ำยีจินหวู่ของนางเด็ดขาด!

เจียงเหลียนฮัวยิ้ม “ท่านแม่ ท่านทำหน้าอะไรอย่างนั้นเล่า ? ท่านเป็นอะไรรึ ? หรือว่าท่านไม่อยากช่วยหลานชายหาเมีย ?”

หลีโผจื่อพ่นลมออกจากจมูกอย่างแรง นางเอียงตามองเจียงเหลียนฮัวและพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เรื่องมันเป็นยังไงเจ้าไม่รู้รึ ?!  ได้ เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เจ้าดีเด่นมากเลยสินะ แต่งเข้าไปในครอบครัวที่ทำอาชีพฆ่าสัตว์แล้วคิดว่าตัวเองดีเด่นมากเลยงั้นสิ ถ้าคิดว่าลูกสาวของตระกูลเจียงไม่คู่ควรกับลูกชายของเจ้านักก็ไสหัวกลับบ้านเจ้าไปเลย! อย่าอยู่ให้ข้ารำคาญตาไปมากกว่านี้”

เจียงเหลียนฮัวไม่คิดว่าแม่ของนางจะชักสีหน้าเช่นนี้ นางยิ้มและรีบพูดชมเจียงต้ายากับเจียงเอ้อยาทันที “อา… อย่าหาว่าข้าพูดเกินจริงเลยนะ แต่ในชีหลี่โวก็มีเพียงลูกสาวสองคนของตระกูลเจียงนี่แหละที่เกิดมาดี ท่านแม่ลองดูจมูกเล็ก ๆ กับตาโต ๆ นั่นสิ ชวนให้คนเอ็นดูมากเลย  ข้าแค่รู้สึกมาตลอดว่าจินหวู่ของข้าไม่คู่ควรกับลูกสาวตระกูลเจียงก็เท่านั้นเอง  ท่านแม่ลองคิดดูสิ  สุขภาพของเจียงต้ายาไม่ดีไม่เป็นไร แต่เจียงเอ้อยานี่สิหน้าตาสดใส ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กมีบุญวาสนา ไม่แน่ต่อไปอาจจะโชคดีได้แต่งเข้าไปในอำเภอ และมารับแม่กับพ่อไปเสวยสุขในอำเภอก็ได้ จริงไหมท่านแม่ ?”

เจียงเหลียนฮัวชมจนตัวลอยขึ้นฟ้าขนาดนี้ ในใจของหลีโผจื่อกระตุกเล็กน้อย

ไม่พูดถึงคนอื่นคนไกล ก่อนหน้านี้หลานสาวที่อยู่ในตระกูลตู่ถูกขายให้กับครอบครัวของพ่อค้าและได้รับเงินมามากมาย ตอนนี้ตระกูลตู่ราวกับเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยในชั่วพริบตาเลยก็ว่าได้ นั่นทำให้ผู้คนหงุดหงิดมาก

เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว เจียงเอ้อยาก็หน้าตาไม่แย่ อย่างน้อยก็ไม่แย่ไปกว่าหลานสาวตระกูลตู่นั้นนักหรอก

คิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของหลีโผจื่อก็ดีขึ้นมาหน่อย จากนั้นนางก็เบะปากเล็กน้อย “ถ้าหากพูดกันตามหลัก บุคลิกและรูปลักษณ์ของเจียงต้ายาไม่เป็นปัญหากับจินหวู่ของเจ้าเลย ต่อให้สุขภาพของต้ายาจะไม่ค่อยแข็งแรง แต่บ้านเรานั้นเป็นครอบครัวที่มีความเมตตากรุณา จินหวู่ของเจ้าก็มีเพียงคนเดียว ถ้าหากว่าต้ายาแต่งเข้าไปแล้วนางกลับคลอดลูกไม่ได้ ประเดี๋ยวเจ้าก็จะเกลียดข้าไปตลอดชีวิตอีก ส่วนเอ้อยานางยังเล็ก ที่บ้านยังอยากเก็บนางไว้อีกสักหน่อย เราไม่รีบ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันก็แล้วกัน”

ได้ยินดังนั้นเจียงเหลียนฮัวก็รู้ว่าตนเองสามารถพูดให้แม่เข้าใจได้แล้ว นางรู้สึกโล่งใจไม่น้อยและทำทีคล้อยตาม รวมถึงรีบเอ่ยชมบุคลิกรูปลักษณ์ของเจียงเอ้อยา ราวกับว่าพรุ่งนี้คนรวยในอำเภอจะมาสู่ขอเจียงเอ้อยาอย่างไรอย่างนั้น

ยิ่งหลีโผจื่อฟังมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขในใจมากเท่านั้น นางเอาแต่พยักหน้าอย่างสงบเสงี่ยม “อืม… เจ้าก็พูดได้อย่างมีเหตุผลมาก ถูกหูข้าพอสมควร”

สองแม่ลูกสนทนาเรื่องอื่นกันสักครู่ จู่ ๆ เจียงเหลียนฮัวก็เหมือนนึกอะไรได้จึงถามขึ้น “เอ๊ะท่านแม่ แล้วเหมยฮัวล่ะ ?”

เมื่อพูดถึงเจียงเหมยฮัว หลีโผจื่อก็ขมวดคิ้วและพูดขึ้นอย่างรังเกียจ “เจ้าถามถึงนางทำไม คงทำงานเย็บปักถักร้อยอยู่ในห้องของนางนั่นแหละ”

เจียงเหลียนฮัวขยับเข้าไปนั่งข้าง ๆ หลีโผจื่อ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงเบา “ท่านแม่ เหมยฮัวอายุก็ใกล้จะยี่สิบแล้ว ถ้าหากว่าท่านแม่ยังเก็บนางไว้อีก เกรงว่าจะต้องเก็บไปจนนางแก่เฒ่าเลยนะ”

หลีโผจื่อพูดเสียงดังลั่น “โทษว่าข้าเก็บนางไว้ได้อย่างไรล่ะ ? เป็นนางที่ไม่เอาไหนเองต่างหาก เจ้ากับพี่ชายของเจ้าไม่เลวเลย พออายุถึงก็มีหลายบ้านมาพูดเรื่องแต่งงานแล้ว แต่เจ้าดูเหมยฮัวน้องสาวตัวเองสิ เกิดมามีรูปร่างไม่น่ามองแบบนั้นก็แล้ว ยังจะมีนิสัยหวาดกลัวอีก เจอใครก็ไม่ทักทาย แล้วคนในหมู่บ้านที่ไหนเขาจะมาชอบนาง สู้ให้นางทำงานเย็บปักถักร้อยในบ้านเพื่อสงเคราะห์เรื่องค่าครองชีพให้ที่บ้านดีกว่าอีก” ในคำพูดของหลีโผจื่อเต็มไปด้วยความรังเกียจ

เจียงเหลียนฮัวก็พูดพลางทำท่าทางราวกับว่าเรื่องที่พูดนั้นลึกลับหนักหนา “แต่จะว่าไป ข้าว่าในหมู่บ้านลั่วโถวกลับมีคนที่เหมาะสมกับนางอยู่คนหนึ่งนะ…”

……

เฉียนเซียงเซียงไปที่ห้องของเจียงต้ายาและคนอื่น ๆ เมื่อเข้าไป นางก็ย่นคิ้วทรงใบหลิวที่กันจนเรียวบาง “น้าเล็ก พี่ต้ายา พี่เอ้อยา ทำไมพวกพี่สามคนถึงยังพักอยู่ด้วยกันอีก ไม่อึดอัดหรือ ?”

เจียงเอ้อยาเกลียดท่าทางคุณหนูของเฉียนเซียงเซียงเป็นที่สุด ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่านางเป็นเด็กที่เกิดและโตในชนบทเหมือนกับพวกนาง กลับทำเหมือนว่าตัวเองสูงส่งเสียเต็มประดา

แต่เจียงเอ้อยาไม่เคยพูดคำพวกนี้ออกไปเลย นางมองเจียงต้ายาที่นอนอยู่บนเตียงอิฐและทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเฉียนเซียงเซียง จากนั้นนางก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “เซียงเซียง วันนี้เจ้าแต่งตัวสวยมากเลย กระโปรงนี่ข้าไม่เคยเห็นใครในหมู่บ้านใส่สวยเท่าเจ้าเลยนะ ไอ้โย! ดูกิ๊บสีเงินนี้สิ คงเป็นป้าสองที่ซื้อให้เจ้าใช่ไหมล่ะ ? มันงดงามมาก คงจะแพงน่าดูเลยใช่หรือไม่ ?”

เฉียนเซียงเซียงเป็นเด็กผู้หญิงอายุเพียงสิบสามขวบ เมื่อนางได้ยินคำพูดประจบประแจงที่เยินยอเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับของตัวเอง นางก็รู้สึกดีใจมาก แต่นางกลับยังคงแสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยมสงวนท่าที “ไม่เท่าไหร่หรอกเจ้าค่ะพี่เอ้อยา… แม่ของข้าบอกว่าในบ้านมีข้าที่เป็นลูกสาวคนเดียว จึงต้องแต่งตัวให้ดี ๆ หน่อย ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็วันเกิดของข้าแล้ว แม่ของข้าบอกว่าจะซื้อเสื้อผ้าให้ข้าเพิ่มอีก”

เจียงเอ้อยาหัวเราะคิกคักจนเฉียนเซียงเซียงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่นางกลับสังเกตเห็นเจียงต้ายาที่กำลังนอนอยู่บนเตียงอิฐจ้องตัวเองโดยไม่ละสายตาไปไหนเสียก่อน สายตานั้นราวกับต้องการจะจ้องจนกว่าตัวของนางจะเป็นรูอย่างนั้นแหละ

นั่นทำให้นางตกใจจนขนลุก “พี่ต้ายา ได้ยินว่าพี่ป่วยหรือ…? พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”

“ข้าไม่เป็นไร” เจียงต้ายาหลับตาลงอีกครั้ง แต่มือของนางกลับกำแน่นอยู่ใต้ผ้าห่ม

ป้าสองนี่ดีจริง ๆ มีเงินซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องสำอางให้ลูกสาว แต่ไม่มีเงินให้นางยืมไปแต่งงาน!

เจียงเอ้อยาบรรลุจุดประสงค์ของตัวเองแล้ว  นางเดินไปนั่งข้างเฉียนเซียงเซียงอย่างสนิทสนม และเริ่มนินทากับเฉียนเซียงเซียงด้วยท่าทีสนิทชิดเชื้อ “เซียงเซียง วันนี้ที่เจ้ามา  เจ้าเห็นเจ้าปัญญาอ่อนเจียงป่าวชิงนั่นหรือยัง ?”

“เจ้าปัญญาอ่อนนั่น!”

ที่เจียงเอ้อยาพูดถึงคือเจียงป่าวชิง

เฉียนเซียงเซียงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “ได้ยินมาว่าเจียงป่าวชิงไม่ปัญญาอ่อนแล้วรึ ?  วันนี้พี่ชายข้าเห็นนางในลานบ้าน เขาบอกว่านางดูเหมือนจะไม่ปัญญาอ่อนจริง ๆ ด้วย”

เจียงเอ้อยาได้ยินดังนั้นก็เบะปากทันที “อย่าให้พี่หวู่หลงกลเจ้าปัญญาอ่อนนั่นเชียว ตอนนี้นางไม่ปัญญาอ่อนและยังฉลาด แต่จิตใจนางน่ะ แย่มาก!”

เฉียนเซียงเซียงกะพริบตาอย่างสนใจ “พี่เอ้อยา พี่หมายความว่าอย่างไรหรือ ?”

เจียงเอ้อยารู้สึกแค้นใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “เอาล่ะ เราอย่าพูดถึงเลย  พูดเรื่องอื่นกันดีกว่า วันก่อนข้าไปซื้อเครื่องสำอางที่กว่าข้าจะเก็บเงินไปซื้อมาได้มาใช้ แต่เจ้าปัญญาอ่อนนั่นมันดันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่านย่า ข้าจึงถูกท่านย่าก่นด่าเสียยกใหญ่”

“ข้าก็มีเครื่องสำอางนั้นเหมือนกันนะ” เฉียนเซียงเซียงรับฟังคำพูดของเจียงเอ้อยาก่อน จากนั้นนางก็ทำท่าทางโกรธแค้นเล็กน้อย “ทำไมเจ้าปัญญาอ่อนนั่นถึงทำแบบนี้ ? ทำแบบนี้แล้วส่งผลดีต่อนางยังไงกัน ?  แย่จริง ๆ เลยพี่เอ้อยา แล้วพี่ก็ปล่อยให้เจ้าปัญญาอ่อนนั่นรังแกพี่แบบนี้น่ะรึ ?”

เจียงเอ้อยาได้ยินดังนั้น สายตาของนางก็หม่นลงเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากแต่ไม่ได้พูดอะไร