เล่มที่ 2 บทที่ 32 เกมภายในห้องที่ว่างเปล่า

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“พระชายา ท่าน…” จิ่นเยว่อ้ำอึ้ง ราวกับคนมีเรื่องต้องการจะพูด

    ทว่าเจ้านายและบ่าวรับใช้คนอื่นกลับแสดงท่าทางยินดีกับการร่ำรวยเป็นเศรษฐี

    จิ่นเยว่ยิ้มพลางส่ายหน้า ถอนตัวกลับ ก่อนจะปิดประตูใหญ่ของตำหนัก แม้พระชายาจะปฏิบัติตนอย่างไม่สุภาพ ทว่าท่านอ๋องมิได้ว่ากล่าวอันใด แต่กลับปฏิบัติกับพระชายาเป็นอย่างดี

    เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่สามีภรรยาเท่านั้นที่รู้ได้

    ดูท่าอีกไม่นานพระสนมเต๋อเฟยจะได้เป็นพระอัยยิกาแล้ว!

    แม้หลินเมิ้งหยาจะเพิ่งแต่งงานเข้ามา แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นทองแท้ที่เหมาะสมจะเป็นนายหญิงของตำหนักหลังนี้

    พ่อบ้านประจำตำหนักนามว่าเติ้งอวิ๋น นำเงินจำนวนสามร้อยสองตำลึงมาส่งมอบให้ที่ตำหนักชิงหลานด้วยตนเอง

    “ถวายคำนับพระชายา ขอให้พระชายาอายุยืนหมื่นปี” เติ้งอวิ๋นอายุห้าสิบกว่าปีแล้ว รูปร่างหน้าตาธรรมดา ทว่าสีหน้าของเขากลับเข้มงวดตลอดเวลา

    ขณะเดียวกันเขาเป็นคนสนิทของหลงเทียนอวี้ แต่ก่อนเคยทำงานอยู่ในกองทัพ ดังนั้นลักษณะท่าทางจึงยังหลงเหลือความเป็นทหารเอาไว้

    เหตุเพราะด้านหน้าเขาในเวลานี้ถือว่าเป็นเจ้านายคนหนึ่งของตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แสดงท่าทางต่อต้าน แต่กลับให้ความเคารพ

    “พ่อบ้านเติ้งลุกขึ้นเถิด ต่อไปนี้ทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องมีพิธีรีตองให้มากความ ใครก็ได้เข้ามาที เอาเก้าอี้มาด้วย”

    ในห้องที่อบอุ่น หลินเมิ้งหยานั่งอยู่บนตั่งนุ่มนิ่ม นางสวมใส่ชุดสีขาว ทางด้านซ้ายคือจิ่นเยว่และหรูเยว่ซึ่งกำลังยืนอยู่ ทางด้านขวาคือหลินจงอวี้ที่กำลังนั่งอยู่ข้างกาย

    “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะพระชายา ช่วงก่อนข้าน้อยยุ่งกับการเตรียมงานแต่งของท่านอ๋อง ฉะนั้นจึงลืมเรื่องเงินใช้สอยของพระชายา พระชายาได้โปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

    หรูเยว่ยกเก้าอี้สี่เหลี่ยมเข้ามาหนึ่งตัว พ่อบ้านเติ้งจึงนั่งลง แม้นายหญิงตรงหน้าจะมีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ทว่านางกลับมีความงดงามเกินกว่าจะพรรณนาได้

    ใบหน้าโค้งมนประดับไว้ซึ่งรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อได้ลองมองดูจะพบว่านางเองก็เหมือนเพียงหญิงสาวธรรมดาทั่วไป

    “ไม่หรอก แต่เพราะข้าเพิ่งแต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่ ดังนั้นข้าจึงยังไม่รู้จักพระตำหนักอวี้แห่งนี้ดีนัก ฉะนั้นข้าอยากให้พ่อบ้านเติ้งช่วยแนะนำข้าสักเล็กน้อย”

    หลินเมิ้งหยามิใช่คนโง่ หากต้องการเปลี่ยนตำหนักของท่านอ๋องอวี้ให้เป็นฐานทัพของตน อย่างน้อยนางจะต้องใช้ทฤษฎีรู้เขารู้เรา

    พ่อบ้านเติ้งเงียบไป ก่อนจะเริ่มเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับตำหนักอวี้

    ตำหนักอวี้มีพ่อบ้านทั้งหมดสามคน เติ้งอวิ๋นคือพ่อบ้านใหญ่ ไม่ว่าจะทั้งงานฝ่ายนอกหรือฝ่ายในล้วนเป็นเขาที่คอยดูแล

    ถัดไปคือพ่อบ้านที่คอยดูแลฝ่ายในชื่อว่าหวังหมิง ส่วนพ่อบ้านที่ดูแลฝ่ายนอกชื่อเฉิงหนาน เหตุเพราะท่านอ๋องอวี้ไม่อยากให้สตรีเพศเข้ามาใกล้ ดังนั้นจึงมีบ่าวรับใช้ที่เป็นหญิงน้อยมากจนแทบจะไม่มีให้เห็น

    ไม่เข้าใกล้สตรีเพศ? น่าเสียดายรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาของหลงเทียนอวี้จริงเชียว

    แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน นางจะได้ไม่ต้องทำสงครามเย็นกับสตรีนางอื่นทุกวัน

    หลังจากส่งพ่อบ้านเติ้งกลับไปแล้วก็เป็นเวลาอาหารเย็น จิ่นเยว่กลับไปปรนนิบัติพระสนมเต๋อเฟยที่ตำหนักหยาเสวียน หลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้พ่อครัวทำอาหารเลิศรสมาให้หรูเยว่และหลินจงอวี้ลิ้มรส

    แม้หรูเยว่จะเป็นเพียงบ่าวรับใช้ แต่นางอยู่ข้างกายหลินเมิ้งหยาจนเคยชิน อีกทั้งมารยาทยังนับว่าใช้ได้

    แต่สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยาต้องตกตะลึงกลับเป็นมารยาทในการรับประทานอาหารของหลินจงอวี้ ท่าทางของเขาเรียบร้อยประหนึ่งได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายของเขาจนสะอาดแล้ว เขาหล่อเหลาราวเทพบุตร

    เมื่อลองคิดดู คาดว่าอีกสามถึงห้าปีข้างหน้า เขาก็พร้อมแล้วที่จะไปทำให้จิตใจของหญิงสาวอ่อนระทวย

    “พี่สาวพระชายาขอรับ ข้า…หน้าของข้ามีข้าวติดอยู่อย่างนั้นหรือ?” ตั้งแต่เริ่มรับประทานอาหาร หลินจงอวี้สังเกตเห็นว่าพี่สาวพระชายาที่งดงามราวนางฟ้าจ้องมองมาทางเขาอยู่ตลอดเวลา

    ใบหน้าเล็กจึงเริ่มแดงระเรื่อ หรือเพราะเขากินเยอะจนเกินไป? พี่สาวพระชายาจึงรังเกียจเขาอย่างนั้นหรือ?

    ไม่มีทางหรอก เขาวางถ้วยข้าวในมือลง พี่สาวพระชายาเป็นคนดี ช่วยเหลือเขา อีกทั้งยังพาเขามาอยู่ที่พระตำหนักแห่งนี้ เขาที่กินข้าวมากนิดหน่อย ไม่มีทางทำให้พี่สาวพระชายาโกรธหรอก

    “ไม่ใช่เสียหน่อย พี่สาวแค่คิดว่าเจ้าหล่อเหลือเกิน แต่ผอมจนเกินไป มาสิ กินน่องไก่” นางยิ้มตาหยีขณะมองใบหน้าเขินอายของหลินจงอวี้ นางอดไม่ได้ที่ถอนหายใจให้กับความใสซื่อของชายหนุ่มในยุคโบราณ

    คิกๆ แค่มองนิดมองหน่อยหน้าก็แดงเสียแล้ว

    “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องรับสั่งว่าคืนนี้จะพักผ่อนที่ห้องอ่านหนังสือ พระชายานอนก่อนได้เลยเพคะ” ด้านนอก บ่าวรับใช้หน้าตำหนักชิงหลานส่งเสียงร้องออกมา ผู้ที่อยู่ภายในต่างพากันตกตะลึง

    เพิ่งจะผ่านการเข้าหอได้เพียงสามวัน เขาก็คิดจะแยกห้องแล้วอย่างนั้นหรือ?

    รอยยิ้มที่ไม่อาจอธิบายที่มาที่ไปได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลินเมิ้งหยา มือใช้ตะเกียบคีบผักเข้าปาก

    ดีจริงเชียว คืนนี้ไม่ต้องเขย่าเตียงแล้ว!

    “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนู…อย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าคะ! ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องจะต้องมีงานให้ต้องจัดการอย่างแน่นอน” หรูเยว่กะพริบตากลมโตปริบๆ เพื่อปลอบโยนคุณหนูของตนเอง ทั้งที่ในใจกำลังด่าทอท่านอ๋องอวี้

    เพิ่งจะแต่งงานกับคุณหนูแต่คิดจะแยกห้องแล้วอย่างนั้นหรือ การเป็นพระชายานี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ

    “เสียใจ? ทำไมข้าต้องเสียใจ?” หลินเมิ้งหยาเหลือบตามองหรูเยว่ ก่อนจะเข้าใจความหมายในที่สุด

    นางและหลงเทียนอวี้เป็นสามีภรรยากันเพียงชื่อเท่านั้น อีกอย่าง สิ่งที่นางต้องการจะทำคืออาศัยอยู่บนโลกที่ไม่รู้จักใบนี้ด้วยความสงบสุข

    “คืนนี้พวกเจ้าไม่ต้องกลับไปหรอก ข้าจะสอนพวกเจ้าเล่นไพ่!” อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็นึกขึ้นมาได้ ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย นักเรียนแพทย์นั้นยุ่งมาก ดังนั้นนางจึงไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตเหมือนนักศึกษาธรรมดาทั่วไป

    หัวใจของนางล้วนทุ่มเทให้กับการทำวิจัย แน่นอนว่านางเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนร่วมห้องอีกสามคนน้อยมาก

    การมีอีกชีวิตหนึ่งทำให้นางได้เข้าใจในตอนนี้เองว่าตัวนางยังมีเรื่องให้ทำอีกมากมาย

    “เล่นไพ่?” หรูเยว่และหลินจงอวี้หันไปมองหน้าหลินเมิ้งหยาโดยไม่ได้นัดหมาย ทว่าพวกเขาได้เห็นเพียงท่าทางดีอกดีใจของหลินเมิ้งหยา ดังนั้นพวกเขาจึงกลืนความสงสัยลงท้องไป

    สั่งให้หรูเยว่ไปเอากระดาษแข็งมาจากบ่าวรับใช้หญิงในเรือน จากนั้นหลินเมิ้งหยาเริ่มทำการขีดเขียนเพื่อทำไพ่ขึ้นเอง

    “พี่สาวพระชายาขอรับ นี่คือไพ่อะไรหรือขอรับ?” หลินจงอวี้จ้องมองไพ่ใบหนาที่ถูกวางบนโต๊ะด้วยท่าทางกล้ำกลืน

    ทว่าหลินเมิ้งหยากลับโบกไม้โบกมือ ก่อนจะรวบไพ่บนโต๊ะด้วยความระมัดระวัง

    นางเล่นไพ่ที่ยากมากจนเกินไปไม่เป็น เมื่อคิดดูแล้ว…เล่นไพ่ป๊อกเด้งสำหรับสามคนก็แล้วกัน!

    นางอธิบายกฎกติกาการเล่นอย่างง่าย โชคดีที่พ่อบ้านเติ้งนำเงินสามร้อยสองตำลึงมาให้ หลินเมิ้งหยาใจกว้างยกเงินให้ทั้งสองคนละสิบสองตำลึง จากนั้นความสนุกหฤหรรษ์ภายในห้องจึงเริ่มต้นขึ้น

    เวลาเพียงไม่นาน หลินจงอวี้ที่เริ่มเล่นเป็นสามารถโจมตีอีกสองฝ่ายได้ มีเพียงหรูเยว่เท่านั้นที่ยังคงงงงวยกับกฎกติกาเหล่านั้น

    อีกสถานที่หนึ่งกลับแตกต่างจากห้องของหลินเมิ้งหยาโดยสิ้นเชิง ภายในห้องอ่านหนังสือมีเพียงความเงียบสงบ

    ตอนอายุสิบสอง หลงเทียนอวี้ถูกฮ่องเต้ส่งไปเข้ากองทัพเพื่อฝึกฝนตนเอง ดังนั้นหลายปีต่อมา เขาจึงกลายเป็นคนเงียบขรึม

    ในมือถือหนังสือกลยุทธ์การรบ เอนกายเล็กน้อยบนเตียงขนาดเล็ก ไม่ว่าจะสักกี่ค่ำคืน เขาก็มักจะผ่านมันไปด้วยตัวคนเดียวที่นี่

    ผู้หญิง…สำหรับเขาเป็นคำจำกัดความของคำว่ายุ่งยาก นอกจากหมู่เฟยและน้าจิ่นเยว่ ตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยมีสตรีนางไหนทำให้เขาต้องรู้สึกยุ่มย่ามใจ

    ทว่า…ผู้หญิงแห่งตำหนักชิงหลานคนนั้น มักจะสร้างความประหลาดใจให้เขาเสมอ เขาจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจ เขาไม่มีทางปล่อยให้คนคิดชั่วทำชั่วอยู่ในตำหนักแห่งนี้เด็ดขาด

    “ท่านอ๋อง” เสียงหนึ่งลอยตามลมเข้ามาในห้องอ่านหนังสือ ก่อนที่ร่างดำทมิฬจะปรากฏขึ้นที่ด้านหน้า คุกเข่าพร้อมก้มหน้าลง

    “สถานการณ์ที่ตำหนักชิงหลานเป็นเช่นไร?” เพิ่งจะแต่งงาน แต่กลับขอแยกห้อง คนที่คอยมาแอบฟังต่างพากันแยกย้ายไปนานแล้ว เขา…ไม่จำเป็นต้องอยู่แสดงละครที่นั่นอีกต่อไป

    สถานที่ที่มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ เขารู้สึกได้ถึงความไม่เป็นตัวของตัวเอง

    “พระชายา…เล่นไพ่กับบ่าวรับใช้และเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยท่าทางปกติดีพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของเย่เจือไว้ซึ่งความสงสัยเล็กน้อย

    สายตาเย็นชาของหลงเทียนอวี้กระตุก หนังสือกลยุทธ์การรบถูกโยนลงบนโต๊ะด้านหน้า

    “โอ้? เล่นไพ่? ไพ่โกวหรือไพ่นกกระจอกกันเล่า?” หลงเทียนอวี้คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวชนชั้นสูงทั่วไปก็เล่นเป็นเพียงไพ่นกกระจอกเท่านั้น

    “ทูลท่านอ๋อง ข้าน้อยหารู้ไม่ ไพ่ที่พระชายาเล่นช่างแปลกประหลาดนัก ข้าน้อยไม่เคยเห็นเลยพ่ะย่ะค่ะ” เย่แอบมองอยู่ในมุมลับนานสองนาน เสียงที่ได้ยินมีเพียง ‘เรียง’ ‘ตอง’

    ทว่าตามรายงานของหน่วยสอดแนม หลินเมิ้งหยาถือกำเนิดและเติบโตในจวนสกุลหลิน แน่นอนว่านางมิได้ย่างกรายออกไปที่ใด แล้วคนแบบนี้จะเล่นไพ่ที่แม้แต่เย่ยังไม่รู้จักได้อย่างไร?

    ตกลงมันคืออะไรกันแน่?

    “เจ้าแอบตามข้ามาเงียบๆ” แววตาสงบนิ่ง หลงเทียนอวี้กระโดดขึ้นไปบนหลังคา เพียงไม่กี่อึดใจ ทั้งสองก็ปรากฏที่บนหลังคาของตำหนักชิงหลาน

    เย่รีบตามหลัง ภายในห้อง การกระทำของทั้งสามตกอยู่ในสายตา

    “ตองสาม คู่ห้า” สีหน้าของหรูเยว่เผยให้เห็นความภาคภูมิใจ ก่อนจะหยิบไพ่ห้าใบออกมา

    ภายในห้อง ทั้งสามนั่งล้อมกันเป็นวงบนโต๊ะ แสงเทียนเผยให้เห็นสีหน้าสนุกสนานของพวกเขา

    “ผ่าน” หลินจงอวี้มองไพ่ในมือของตนเอง ส่ายหน้า ทว่าสายตากลับเผยให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอก

    “ตองสี่ คู่หก!” หลินเมิ้งหยาหยิบไพ่ในมือออกมาห้าใบ ก่อนจะฟาดลงบนโต๊ะ

    ขณะเดียวกัน หรูเยว่เบะปาก ก่อนจะแสดงท่าทางไม่อยากจะยอมรับ

    หลงเทียนอวี้จ้องมองไพ่สีฟ้าบนโต๊ะอย่างละเอียด ด้านบนไพ่ขีดเขียนสัญลักษณ์เอาไว้ แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ทว่าพวกเขาทั้งสามกลับเล่นกันอย่างสนุกสนาน

    “ฮือ ฮือ คุณหนู ข้าจะไม่ยอมเป็นเจ้ามืออีกแล้ว! เกลียด เกลียด เงินสิบสองตำลึงจะหมดเพราะพวกท่านแล้ว ข้าไม่อยากไปซื้องาที่เฉิงซีหรอกนะ!” เสียงร้องไห้ดังระงม หรูเยว่หยิบถั่วเขียวออกมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนักแล้ววางลงบนโต๊ะ

    “เจ้านี่นะ! แค่ชนะแล้วเสียถั่วเขียวก็ทนไม่ได้เสียแล้ว ยัยขี้เหนียว!” หลินเมิ้งหยาเคาะหน้าผากของหรูเยว่ นางจะเอาเงินสิบสองตำลึงคืนมาได้อย่างไรเล่า

    “คุณหนูจะไม่เอาเงินจากข้าจริงหรือเจ้าคะ?” ดวงตากลมโตของหรูเยว่เบิกกว้าง สวรรค์โปรด เงินเดือนทั้งเดือนของนางยังเทียบไม่ได้กับเงินหนึ่งตำลึงเลย

    แต่จู่ๆ นางก็มีเงินมากถึงสิบสองตำลึง คิกๆ เจ้าเมล็ดงา ลูกอม ในที่สุดข้าก็จะได้กินจนหนำใจเสียที!

    “พี่สาวพระชายา ข้าไม่เอาหรอก” หลินจงอวี้ดันเงินสิบสองตำลึงคืนให้กับหลินเมิ้งหยา

    “เหตุใดจึงไม่เอา? วางใจเถิด พี่สาวยังมีเงินอีกมาก เจ้าพกมันติดตัวเอาไว้ อยากกินอะไร อยากได้อะไรก็เอาไปซื้อ” หลินเมิ้งหยาดันเงินคืนให้กับหลินจงอวี้ เด็กคนนี้จะต้องไม่อยากสร้างความลำบากใจให้กับนางอย่างแน่นอน

    แววตาของหลินเมิ้งหยาขณะจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอ่อนโยนลง นับตั้งแต่ตอนที่นางเก็บหลินจงอวี้มาจากข้างถนน เด็กหนุ่มคนนี้ก็มักแสดงท่าทีว่านอนสอนง่ายดั่งแมวน้อยเสมอ

    แต่นางไม่อาจลืมเลือนสายตาเย็นชาในครั้งแรกที่เจอกันบนถนนตอนนั้นได้

    หากเป็นไปได้ นางจะคุ้มครองดูแลหลินจงอวี้ไปตลอดชีวิต

    เย่เฟิงกระตุกชายเสื้อของหลงเทียนอวี้

    แม้หญิงสาวตรงหน้าจะมีท่าทางแปลกประหลาด แม้นางจะมีน้ำใจต่อผู้อื่น แม้จะมีวิธีการที่โหดเหี้ยม แต่นางกลับเปล่งประกายราวกับไข่มุกยามค่ำคืน

    นางสามารถแสร้งเป็นหญิงสาวจากชนชั้นสูงที่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าฮองเฮา

    นางสามารถแสดงความโอหังต่อหน้าแม่เลี้ยง

    ทว่าในขณะเดียวกัน นางกลับสามารถละทิ้งยศศักดิ์และเล่นกับบ่าวรับใช้กับเด็กหนุ่มที่เก็บมาเลี้ยงได้อย่างสนุกสนาน

    ตกลง…หลินเมิ้งหยาคนไหนคือตัวตนที่แท้จริงของนางกัน?