บทที่ 23 คนผู้นี้ลึกซึ้งไม่อาจหยั่ง ล่วงเกินไม่ได้

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 23 คนผู้นี้ลึกซึ้งไม่อาจหยั่ง ล่วงเกินไม่ได้
ผู้คนนับร้อยกรูกันไปทางร้านวิญญาณสวรรค์

และยังดึงดูดผู้ชมระหว่างทางไม่น้อยมาร่วมวงด้วย กลายเป็นขบวนขนาดใหญ่

ตอนที่มาถึงร้านวิญญาณสวรรค์ ผู้คนอัดแน่นไปเกือบครึ่งถนน

สองพ่อลูกเถ้าแก่ซ่งได้ยินความเคลื่อนไหวรีบเดินออกมาพบกับเสิ่นเทียนที่เป็นผู้นำในชุดนักพรตเต๋าและถือป้ายไว้ที่มือ

“ท่านพ่อ เขาจริงด้วย!”

ถึงแม้จะเปลี่ยนชุดและติดหนวดสองเส้น

แต่มันก็ไม่สามารถบดบังความหล่อของเขา คุณชายซ่งจำเสิ่นเทียนได้ในทันที

ก็ได้ ประเด็นคือหน้าตาของเสิ่นเทียนค่อนข้างโดดเด่น

แค่เปลี่ยนชุดติดหนวดก็แปลว่าเปลี่ยนโฉมแล้วหรือ?

คิดว่าคนอื่นตาบอดหรืออย่างไร!

ในแววตาของเถ้าแก่ซ่งเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด กล่าวเสียงเบา “ถ้าหากเป็นเขาจริง เจ้าก็คิดเสียว่าจำเขาไม่ได้ คนผู้นี้ลึกซึ้งไม่อาจหยั่ง พวกเราล่วงเกินไม่ได้!”

ตั้งแต่ตอนที่เสิ่นเทียนก้าวเข้าร้านวิญญาณสวรรค์ เถ้าแก่ซ่งเริ่มตรวจดูภูมิหลังเบื้องลึกของเสิ่นเทียน

ทว่าเขามองไม่ออก

เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังวิญญาณบนร่างกายเสิ่นเทียนแม้แต่น้อย

โดยทั่วไป สถานการณ์เช่นนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง

อย่างแรกคือพลังบำเพ็ญของเสิ่นเทียนอยู่เหนือเขา

อย่างที่สองคือวิชาที่เสิ่นเทียนฝึกฝนข่มวิชาที่เขาฝึกอย่างสมบูรณ์ และไม่เหนือกว่าเพียงแค่ระดับเดียว

ไม่ว่าความเป็นไปได้อย่างไหน ล้วนแต่แสดงให้เห็นว่าภูมิหลังของเสิ่นเทียนค่อนข้างมีอิทธิพล

ไม่ใช่บุคคลที่ตระกูลซ่งอย่างเขาสามารถล่วงเกิน

บวกกับเมล็ดเจ็ดสมบัติน้ำเต้าเซียนที่เสิ่นเทียนเปิดออกมาก่อนหน้านี้ เถ้าแก่ซ่งรีบเค้นรอยยิ้มออกมาทันที

“ไม่ทราบว่าท่านเซียนเอ้าเทียนมาเยือน ข้าเสียมารยาทที่ไม่ได้ออกมาต้อนรับ หวังว่าท่านเซียนจะไม่ถือสา!”

เสิ่นเทียนอึ้งไปชั่วขณะ เกรงใจกันเช่นนี้เลยหรือ!

หันไปมองคุณชายซ่งที่กำลังยืนเค้นรอยยิ้มอยู่ด้านข้าง เสิ่นเทียนครุ่นคิดในใจ

ดังนั้น เจ้าโง่นี่จำข้าไม่ได้หรือ

ดูเหมือนบทแค่เปลี่ยนชุดและติดหนวดสองเส้นก็สามารถเปลี่ยนโฉม

ในโลกอื่นค่อนข้างได้ผล

นึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนถอนหายใจ “เถ้าแก่ซ่งเกรงใจเกินไปแล้ว”

เถ้าแก่ซ่งกล่าวประจบ “ได้ยินมานาน ท่านเซียนเสิ่นไม่เพียงมีทักษะวิญญาณที่ล้ำเลิศ รูปลักษณ์ยิ่งสง่างามเหนือสามัญ ดุจดั่งเซียนเยือนโลก วันนี้ได้เห็นกับตาตนเอง สมคำร่ำลือยิ่งนัก”

เถ้าแก่ซ่งเกรงใจมากเช่นนี้ มันทำให้เสิ่นเทียนรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี เมื่อวานข้าเพิ่งกระทืบลูกชายของเจ้า วันนี้เจ้ากลับมาชมข้าเช่นนี้

นี่มันไม่เข้ากับบทในนิยายบําเพ็ญเซียนเลย!

ในเมื่ออีกฝ่ายเกรงใจเช่นนี้ก็ไม่ควรหักหน้า เสิ่นเทียนกล่าว “เถ้าแก่ซ่งกล่าวเกินไปแล้ว รูปลักษณ์ของลูกชายท่านไม่ธรรมดา เหม่งนูนสมบูรณ์ ในวันข้างหน้าเขาจะเป็นอัจฉริยะการบำเพ็ญเซียน อนาคตไร้ขีดจำกัด!”

คุณชายซ่งที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของเสิ่นเทียน รู้สึกโมโหจนปากเบี้ยว

รูปลักษณ์ไม่ธรรมดาแม่เจ้าสิ มันก็เป็นเพราะโดนเจ้ากระทืบจนบวมต่างหากเล่า!

เหม่งนูนสมบูรณ์อะไรของเจ้า นั่นมันเป็นเพราะโดนเจ้าทำร้ายจนหัวโน!

เพิ่งกระทืบข้าเมื่อวาน วันนี้จงใจเปลี่ยนชุดติดหนวดมาเยาะเย้ย

คนแซ่เสิ่น เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!

เถ้าแก่ซ่งพยายามดึงลูกชายที่ต้องการเข้าไปกระทืบเสิ่นเทียน

“ไม่ทราบว่าที่ท่านเซียนมาในวันนี้ มีอะไรจะชี้แนะ”

ก่อนที่เสิ่นเทียนจะได้เอ่ยปาก คนมีวาสนาทั้งสี่ตอบพร้อมกัน “ท่านเซียนมาช่วยพวกเราค้นวิญญาณประเมินแร่”

ค้นวิญญาณประเมินแร่?

หรือปั่นกระแส?

ไม่ใช่!

เถ้าแก่ซ่งขมวดคิ้ว ถ้าหากเป็นการปั่นกระแส เพราะเหตุใดเขาถึงไม่รู้เรื่อง?

อย่างไรก็ดีถ้าทางด้านของเขาไม่ได้เตรียมหินแร่วิญญาณ จะปั่นกระแสอย่างไร

“หรือว่าเจ้าหมอนี่มีความสามารถในการค้นวิญญาณประเมินแร่จริง”

เถ้าแก่ซ่งรู้สึกเย็นวูบในใจ

ในโลกบำเพ็ญเซียน บุคคลที่สามารถฝึกทักษะค้นวิญญาณประเมินแร่ได้สำเร็จ มีคนใดบ้างที่ไม่เนื้อหอม

ทุกสำนักเซียนล้วนแต่ต้องการตัว

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง บทบาทของคนผู้นี้ที่อยู่ในใจตระกูลหลี่ต้องไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!

สังเกตสถานการณ์ไปก่อน ชั่งน้ำหนักความสามารถที่แท้จริงของเขา

นึกถึงตรงนี้ บนใบหน้าของเถ้าแก่ซ่งเผยให้เห็นรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับการมาชี้แนะของท่านเซียน วันนี้หินแร่วิญญาณที่ท่านเซียนเลือกในร้าน ทางร้านลดให้ร้อยละสี่”

คำพูดของเถ้าแก่ซ่งไม่มีปัญหาอะไร แต่พวกผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเสิ่นเทียนเริ่มไม่พอใจแล้ว

“เถ้าแก่ซ่ง ท่าทางของเจ้าผิดปกติ!”

“ตอนที่เสี่ยวหลิงเซียนมาเปิดแร่ เจ้าทำหน้าอมทุกข์ แต่ทำไมตอนนี้กลับยิ้มมีความสุขเช่นนี้?”

“แถมยังลดให้ร้อยละสี่ นี่เจ้ากำลังคิดว่าพี่เซียนของเราไม่มีปัญญาเปิดของดีอะไรเลยใช่หรือไม่”

“ร้อยละสี่ ร้อยละสี่สิบถึงว่าไปอย่าง นี่เจ้ากำลังดูถูกใคร!”

“ใช่ ไม่ต้องลดราคาให้พวกเรา ราคาเท่าไหร่ พวกเราก็จ่ายตามสมควร!”

ได้ยินคำพูดของกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง ผู้หญิงในบรรดาคนมีวาสนาทั้งสี่ไม่ได้ใส่ใจอะไร

แต่ชายทั้งสองที่มีวาสนารู้สึกปวดใจยิ่งนัก

ว่าแต่พวกเจ้ามามั่วอะไรด้วยเนี่ย ถึงแม้ร้อยละสี่จะไม่ใช่ราคาพิเศษ แต่มันก็คือส่วนลด!

ศิลาวิญญาณสิบก้อนก็ช่วยประหยัดไปได้ไม่น้อยเช่นกัน คิดเป็นตำลึงเงินก็ได้ตั้งสี่ร้อยตำลึงเงิน!

นำไปกินเที่ยวเล่น ไม่ดีตรงไหนหรือ!

แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเองก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี พวกเขาไม่สามารถทนต่อความโกรธของผู้บำเพ็ญหญิง

โชคดีคือเสิ่นเทียนไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของเถ้าแก่ซ่ง

“ในเมื่อเถ้าแก่ซ่งมีเจตนาดี ข้าก็ขอไม่ปฏิเสธ หินแร่ที่ข้าเลือกต่อจากนี้รบกวนทางร้านช่วยเปิดก็แล้วกัน!”

“ไม่ทราบว่าเถ้าแก่ซ่งคิดเห็นอย่างไร”

ร้านวิญญาณเปิดแร่ จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสิบเปอร์เซ็นต์

หักส่วนลดสี่เปอร์เซ็นต์ ร้านวิญญาณสวรรค์ยังได้รับค่าเหนื่อยไม่น้อย

เช่นนั้นแล้ว ถึงเสิ่นเทียนสามารถเปิดศิลาวิญญาณออกมาไม่น้อย ตระกูลซ่งก็ไม่ถึงกับช้ำใจ

ในเมื่อสามารถทำให้มันเป็นผลดีต่อทั้งสามฝ่าย เสิ่นเทียนก็ไม่อยากผูกความแค้นในสวนหมื่นวิญญาณไปทั่ว

อย่างไรก็ดี มีสหายเพิ่มขึ้นดีกว่ามีศัตรูเพิ่ม

“ถ้าเช่นนี้ ต้องขอบคุณท่านเซียนเสิ่นแล้ว!”

คำพูดของเสิ่นเทียน ทำให้ภาพลักษณ์ที่อยู่ในใจของเถ้าแก่ซ่งเพิ่มขึ้นอีกระดับ

ตั้งแต่ในอดีต โลกบำเพ็ญเซียนมีผู้ปราดเปรื่องที่ไม่เข้าพรรคเข้าพวกมากมาย ส่วนใหญ่เย่อหยิ่งทะนงตน ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

แต่ต้นไม้สูงในป่ามักจะถูกลมพัดล้มก่อนเสมอ ผู้ปราดเปรื่องที่โดดเด่นเช่นนี้มักจะล้มลงกลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างง่ายดาย

แต่กลับเป็นขุนนางขั้นหนึ่งที่รู้จักสร้างความสัมพันธ์ผูกมิตรไมตรีกับตระกูลขุนนางและผู้กล้า สุดท้ายไปยืนอยู่บนจุดสูงสุด

ต้องบอกก่อนว่า ในยุทธภพไม่ใช่การเข่นฆ่า แต่เป็นโลกสัมพันธมิตร

มีโชคลิขิตสี่ภาพคอยชี้ทาง เสิ่นเทียนช่วยคนทั้งสี่เลือกหินแร่วิญญาณได้อย่างรวดเร็ว

ราคาของหินแร่วิญญาณทั้งสี่ไม่ได้ถือว่าสูงมาก อยู่ระหว่างศิลาวิญญาณสิบก้อนไปจนถึงสองร้อยก้อน

ในขณะเดียวกัน ผู้มีวาสนาทั้งสี่ก็แบกรับไหว

หลังจากคนทั้งสี่จ่ายเงินเรียบร้อย ทุกคนเฝ้าจับตาดูหินแร่วิญญาณของตนเองอย่างใจจดใจจ่อ รอนักเปิดหินมาเปิดแร่

เรียงลำดับตามสูงต่ำของราคา แร่ก้อนแรกแพงที่สุด

ราคาของมันสูงถึงศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยแปดสิบแปดก้อน หากแลกเป็นตำลึงเงินก็คือหนึ่งแสนแปดหมื่นแปดพันตำลึง

การซื้อขายขนาดใหญ่ในอาณาจักรต้าเหยียนล้วนแต่ปัดเศษทิ้ง!

“ท่านเซียน ท่าน…ท่านมั่นใจจริงหรือไม่”

ผู้มีวาสนาคนแรกดูประหม่ามาก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นถึงสมบัติเกือบครึ่งตระกูลของเขาแล้ว

หากขาดทุนขึ้นมา หลังกลับไปคาดว่าไม่ได้ขึ้นเตียงของภรรยาสักครึ่งปีเป็นแน่

คงจะต้องอัดอั้นจนตาย!

เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีข้อผิดพลาด!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเสิ่นเทียน มีดวิญญาณของนักเปิดหินเฉือนลงบนผิวทีละชั้น

มีแสงสีฟ้าสายหนึ่งสาดส่องออกมาจากรอยแตกของหิน ส่องจนใบหน้าของนักเปิดหินดูสว่างสดใส

“ของออกมาแล้ว!!!”

…………………………………