ทันใดนั้นกู้ชูหน่วนก็ตะโกนว่า “เถ้าแก่”

“อ่า มาแล้วๆ มีอะไรให้รับใช้ขอรับ”

กู้ชูหน่วนยัดเงินหนึ่งพันตำลึงให้เขาแล้วชี้ไปที่เยี่ยเฟิง “ข้าอยากให้เขามานั่งดื่มด้วยกันสักสองสามจอก”

เถ้าแก่มองเงินหนึ่งพันตำลึงในมืออย่างชะงักงัน ดวงตาเป็นประกาย ท่าทางประจบสอพลอ “คุณหนูวางใจได้ ตราบใดที่คุณหนูสั่งมา ร้านของเราจะบริการให้อย่างดี เยี่ยเฟิง ทำไมยังไม่รีบไปดื่มเป็นเพื่อนคุณหนูท่านนี้อีก”

เยี่ยเฟิงไม่ปฏิเสธหรือน้อมรับ แววตาคู่นั้นสงบมากจนมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“ข้ามีหน้าที่ยกอาหารมาให้ลูกข้า ไม่ได้มีหน้าที่ดื่มสุราเป็นเพื่อน”

“เจ้าบ้า เจ้ายังอยากจะทำงานนี้อยู่หรือไม่ ถ้าวันนี้เจ้าไม่ดื่มเป็นเพื่อนคุณหนู หอสุราอวิ๋นจุ้ยแห่งนี้ก็จะไม่ทนเจ้าอีก”

เถ้าแก่ร้อนใจ

แค่ดื่มสุราด้วยไม่กี่จอกก็ได้เงินมาตั้งหนึ่งพันตำลึง เรื่องดีๆ แบบนี้จะหาได้จากที่ไหนอีก

สีหน้าของเยี่ยเฟิงยังคงเยือกเย็นเช่นเคย ทว่ามือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกลับค่อยๆ กำแน่น แสดงให้เห็นว่าจิตใจเขาเริ่มไม่สงบ

ชิวเอ๋อร์พยายามกระตุกแขนเสื้อกู้ชูหน่วน กระซิบอย่างร้อนใจว่า “คุณหนูเป็นผู้หญิงนะเจ้าคะ มีผู้หญิงที่ไหนเขาให้ผู้ชายมานั่งดื่มสุราเป็นเพื่อนบ้าง ถ้าข่าวแพร่ออกไปคุณหนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

“หน้าของข้าก็แขวนอยู่บนหัวตลอดมิใช่หรือ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ ชื่อเสียงของข้าจะดีได้สักแค่ไหนกันเชียว”

“คุณหนู…”

คุณหนูทุบตีซย่าอวี่จนตาย ทั้งยังล่วงเกินคุณหนูห้า อู่อี๋เหนียง แม้กระทั่งฮูหยินใหญ่ก็ไม่เว้น

เดิมทีนางก็อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่แล้ว กลับไปที่จวนยังไม่รู้ว่าต้องถูกลงโทษหนักขนาดไหน วันนี้ต่อหน้าธารกำนัลยังจ้างให้ผู้ชายมาดื่มสุราด้วยกันอีก นะ… นี่… นี่มันเรื่องอะไรกัน มันจะเหลวไหลเกินไปแล้ว

กู้ชูหน่วนมองเยี่ยเฟิงอย่างพินิจพิเคราะห์

รองเท้าของเขาทั้งเก่าทั้งขาดรุ่งริ่งจนนิ้วเท้าบางนิ้วโผล่ออกมา แม้ว่าตัวเขาจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของตำราและหนังสือ แต่สองมือกลับเต็มไปด้วยรอยด้าน ซึ่งคิดดูแล้วน่าจะเป็นเพราะกรำงานหนักมานานหลายปี

ที่ผู้ชายคนนี้กลัวคือการมีชีวิตที่อัตคัดขัดสน

ถ้าหากไม่ใช่เพราะถูกบีบให้หมดหนทาง คนแบบนี้จะยอมมาเป็นลูกจ้างให้ขายหน้าได้อย่างไร

“ก็ได้”

ทันใดนั้นคำพูดสั้นๆ ที่เยือกเย็นก็ดังขึ้นมา เถ้าแก่พอใจมากและยิ้มอย่างประจบ “คุณหนู เยี่ยเฟิงไม่เพียงแต่รูปงามเท่านั้น แต่ยังอ่านหนังสือมาเยอะและมีความสามารถทางบทกวี ได้ยินมาว่าเขาเข้าร่วมการชุมนุมแข่งขันวิชาการด้วย มีหลายคนอยากให้เขาดื่ม แต่เขาไม่เต็มใจ เวลานี้เขาเต็มใจแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าเขามีชะตากรรมร่วมกับคุณหนูนะขอรับ”

เฮอะ ถ้าเถ้าแก่รู้ว่าเขาได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เขาจะยังกล้าปฏิบัติกับเยี่ยเฟิงอย่างนี้ไหมนะ

กู้ชูหน่วนโยนเงินอีกหนึ่งร้อยตำลึงให้เขา “รีบเอาสุรากับอาหารที่เหลือมาได้แล้ว”

“ขอรับๆ”

ในไม่ช้าคนรับใช้อีกคนก็นำถ้วยและตะเกียบมาเพิ่มอีกชุดหนึ่ง

กู้ชูหน่วนชี้ที่นั่งข้างๆ นางกะพริบดวงตาที่สุกใสเหมือนหยดน้ำและเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พ่อเด็กยกอาหาร นั่งซี เขินอะไรกัน ข้าไม่กินเจ้าหรอกน่า”

เซี่ยวอวี่เซวียนกับชิวเอ๋อร์วุ่นวายใจ

ดวงตาที่หรี่มองเช่นนี้ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้หญิง

เยี่ยเฟิงนั่งลงด้วยท่าทีที่สง่าและเอ่ยเรียบๆ ว่า “อยากให้ดื่มกี่จอก”

“สักสามจอกก่อนสิ”

เยี่ยเฟิงรินสุราให้ตัวเองและดื่มหมดภายในรวดเดียว จากนั้นจึงดื่มต่ออีกสองจอก

แม้ว่าจะกำลังดื่ม แต่เวลาที่เขาดื่มเขาจะใช้แขนเสื้อปิดเอาไว้ การเคลื่อนไหวของเขาทั้งสง่างามและน่ามอง เหมือนก้อนเมฆและสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ ตามกระแส

“ท่าทางของเจ้าช่างชำนาญยิ่งนัก เจ้ามาดื่มเป็นเพื่อนคนอื่นบ่อยรึ”

การเคลื่อนไหวของเยี่ยเฟิงช้าลงเล็กน้อย เขาวางแก้วลงและทำราวกับว่ากำลังรอคำสั่งต่อไปของนาง

“เจ้าได้เข้ารอบชิงชนะเลิศมิใช่หรือ เหตุใดจึงยังมาทำงานที่หอสุรานี่เล่า”

“คุณหนูอยากให้เยี่ยเฟิงดื่มกี่จอกเชิญสั่งมาได้เลย”

“ไม่มีใครบอกเจ้าหรือว่าเจ้าไม่ค่อยรู้เรื่องธรรมเนียมปฏิบัติ”

เยี่ยเฟิงยืดหลังตรงและไม่ตอบ

ไม่รู้ว่าทำไมกู้ชูหน่วนจึงรู้สึกว่าคนผู้นี้มีกระแสแห่งความเศร้าแผ่ออกมาตลอดเวลา เหมือนกับชื่อของเขา เยี่ยเฟิง ความรู้สึกหดหู่ในยามที่ใบไม้ร่วงโรยในฤดูใบไม้ร่วง

เซี่ยวอวี่เซวียนจ้องมองนางอย่างไม่นึกเกรงใจ “นี่ เจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้วงั้นหรือ”

เยี่ยเฟิง หมายถึง ใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วง