บทที่ 31 กลับตาลปัตร

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 31 กลับตาลปัตร EnjoyBook

บทที่ 31 กลับตาลปัตร

“ อืมม … เบาลงหน่อย…แรงอีก … นั่นแหละ สุดยอด …”

เสียงลามกดังออกมาจากปากของเขา ฉินเย่นอนอยู่บนเตียงนวดเหมือนงูไร้กระดูกและเพลิดเพลินไปกับสัมผัสของหมอนวด

“ … ขอล่ะ เจ้าช่วยหยุดทำเสียงลามกได้ไหม เดี๋ยวหมอนวดก็มีอารมณ์ไปด้วยหรอก” อาร์ทิสตำหนิเขาด้วยความรังเกียจ

“ … วิธีที่ท่านพูดมันยิ่งทำให้ฟังดูแย่ลง รู้นะว่าคิดอะไร!”

อะไรคือ ‘คิดอะไร’?!

ฉินเย่เหล่ตามองออกไปข้างนอก เขาเห็นว่ามีทีมตำรวจติดอาวุธลาดตระเวนตามท้องถนนเป็นระยะ ๆ แม้ว่าจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่การปรากฏตัวของพวกเขาก็สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นมาได้

“มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าทำไมทุกวันนี้ จึงมีตำรวจติดอาวุธมากมายบนท้องถนน” หมอนวดซึ่งเป็นชายตาบอดถอนหายใจ “ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เราออกไปข้างนอกในตอนกลางคืนอีกเลย ร้านนวดแห่งนี้ใกล้จะปิดตัวลงเต็มที”

ฉินเย่ตอบกลับเขาด้วยคำตอบง่าย ๆ หมอนวดมีความเชี่ยวชาญมากและการนวดผ่อนคลายทำให้เขาง่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉินเย่พยายามไม่หลับ เขากลัวว่าหมอนวดจะเอาเปรียบถ้าเขาหลับ อาร์ทิสได้ยินความคิดที่กลัดกลุ้มนั้นของฉินเย่ ยิ่งทำให้นางดูถูกฉินเย่มากขึ้น

พรึ่บ … ผ้าม่านถูกดึงออกอย่างเบามือ อาร์ทิสพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ คืนนี้เป็นวันที่ตลาดไสยเวทย์เปิด แผนของเจ้าคืออะไร?”

ฉินเย่ยกมือขึ้นด้วยท่าทางสง่างาม เผยให้เห็นบัตร 1 ใบระหว่างนิ้วของเขา จากนั้นเขาบิดนิ้วเล็กน้อย ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วมีบัตรสองใบ ใบหนึ่งซ้อนอยู่ข้างหลังอีกใบ

หนึ่งในนั้นคือบัตรประจำตัวที่อ่านว่า ช่างฝีมือที่ลงทะเบียนในโลก ฮวงซานเหอ ผู้สื่อสาร อีกใบเป็นบัตรธนาคารไอซีบีซี(ICBC) [1]

“คือ?”

“ นี่เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างข้ากับเพื่อนร่วมชั้น… ” ฉินเย่เอียงคอเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสายตาที่ชวนให้หลงใหล “ดูสิบัตรแพลตตินัมไอซีบีซีอันสูงส่งและงดงามใบนี้มีค่า 300,000 หยวน … 300,000 หยวน! ข้าใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์มาทั้งชีวิตยังไม่เคยได้รับเงินมากมายขนาดนี้มาก่อน!”

อาร์ทิสตัวสั่นด้วยความตกใจ “ เดี๋ยวก่อน … เจ้าเพิ่งเป็นเพื่อนกันและ ขอเงิน 300,000 หยวนจากเขาเนี่ยนะ! มันจะไม่มากเกินไปเหรอ”

แต่ฉินเย่ตอบกลับด้วยท่าทางจริงจังยิ่ง “ท่านอย่าคิดร้ายเช่นนั้น อันดับแรกเราเป็นเพื่อนกัน แล้วข้าก็ได้บัตรใบนี้มา ท่านไม่คิดว่ามิตรภาพจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้เหรอ”

“ข้า…”

“ ไม่มีอะไรจะคุ้มไปกว่านี้อีกแล้ว ท่านไม่รู้ว่าข้าผ่านอะไรมาบ้าง! ในฐานะคนที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยมาแล้ว 5 ครั้ง ข้าบอกท่านได้เลยว่าตอนที่ข้าอยู่ที่มหาวิทยาลัย X ค่าเล่าเรียนอยู่ที่สองถึงสามหยวนเท่านั้น แต่ตอนนี้ค่าเทอมขึ้นไปหมื่นหยวนแล้ว! ท่านรู้หรือไม่ว่ากำไรของร้านขายของอันต่ำต้อยที่ข้าเป็นเจ้าของ อย่างดีที่สุดก็ได้กำไรต่อเดือนแค่ 3,000 หยวนเท่านั้น! แทบไม่มีเงินเหลือหลังจากจ่ายค่าเช่าไปแล้ว! เป็นสถานการณ์ที่บังคับให้ข้าราชการคนนี้ต้องทุจริตแล้ว!”

เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อด้วยความหดหู่“ แต่มันไม่มีทางให้ข้าหลงระเริงไปกับเงินตรามากขนาดยอมทำชั่วหรอกนะ แม้ว่าจะต้องการมากแค่ไหน … ”

อาร์ทิสกะพริบตา “ หลายปีที่ผ่านมานี่ … เจ้าไม่มีเงินเก็บ หรือเงินทุนในอสังหาริมทรัพย์หรืออื่น ๆ เลยเหรอ?”

เงียบ

เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างฉับพลัน

วินาทีต่อมาอาร์ทิสเหมือนคิดอะไรได้ นางยิ้มอย่างไม่จริงใจขณะที่นางพูดต่อว่า “ ข้าเสียใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น

อายุของเจ้ายาวนานพอที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์มาลงทุนทำอะไรสักอย่าง ในขณะที่ราคาของมันยังไม่สูงขึ้นเพี

ยงนี้ได้ แต่เจ้ากลับไม่ทำเนี่ยนะ? หึ ๆ ๆ … เจ้าต้องมีจิตใจที่ไม่ย่อท้อขนาดไหนกัน ถึงคงอยู่ได้นานขนาดนี้”

ฉินเย่หายใจเข้าลึก ๆ “ อาร์ทิส เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความบาดหมางที่ไม่สามารถแก้ไขได้ในความสัมพันธ์ของเรา ข้าคิดว่าจะดีที่สุดหากท่านจะละเว้นการพูดคุยเรื่องที่น่าเศร้าเช่นนี้”

ตราบใดที่นางยังอยู่ในลูกบอลผนึก อาร์ทิสก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตาม นางพยักหน้า … จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อ “บัตรที่ฮวงซันเหอให้กับเจ้าคืออะไร”

ฉินเย่เก็บบัตรกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างระมัดระวัง“ อย่าประมาททักษะของพวกเขา ผู้สื่อสารที่มีคุณสมบัติเหมาะสมก็เป็นช่างแต่งหน้ามือฉมังอย่างไม่ต้องสงสัย ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีชื่ออื่นว่าศัลยแพทย์ตกแต่ง ตามธรรมชาติแล้วไม่ใช่ว่าศัลยแพทย์ตกแต่งทุกคนจะเกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งหมด แต่กล่าวได้ว่าหลายคนในบรรดาศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้สื่อสาร”

“เจ้าตั้งใจจะแปลมตัวเพื่อแทรกซึมเข้าไปในตลาดไสยเวทย์หรือ? เจ้าแน่ใจแล้วนะ” อาร์ทิสค่อนข้างสงสัยใน

แผนการของเขาเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าสมัยนี้รัฐบาลควบคุมช่างฝีมือโลกใต้พิภพเข้มงวดเป็นพิเศษหรือ? นอกจากนี้ทั้งมณฑลได้ตื่นตัวเต็มที่แล้ว เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้ารู้วิธีเข้าตลาดไสยเวทย์ในครั้งนี้? และแน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่ถูกค้นพบ”

ฉินเย่ถอนหายใจ “อย่างน้อยข้าก็ต้องลองดู”

หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดต่ออย่างลังเล“ นอกจากนี้… คิ้วของข้ากระตุกไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืน เหมือนกับว่า … จะมีบางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า .. ”

เสียงของอาร์ทิสดังขึ้น “อย่าประมาทเชียวล่ะ”

“เจ้ารู้อะไรไหม? มนุษย์ธรรมดามีประสาทที่หก แต่พวกเราที่เป็นยมทูตก็มีประสาทที่หกเช่นกัน”

“ในพระพุทธศาสนาเรียกสิ่งนี้ว่าอารยะ มันเป็นความรู้สึกประเภทหนึ่งที่อาจไม่มีอะไร แต่ก็มีบางครั้งที่ความรู้สึกนั้นอาจเป็นลางสังหรณ์ที่แม่นยำอย่างเหลือเชื่อ”

ฉินเย่จอมขี้ขลาดเงยหน้าขึ้น “ ท่านล้อเล่นข้าเหรอ?”

“ข้าดูเหมือนล้อเล่นไหมละ!”

ฉินเย่จ้องลึกไปที่ลูกบอลผนึกที่วางอยู่บนหัวเตียงนวด ลูกบอลนั่นถูกพันเหมือนมัมมี่ ทั้งยังมีสายอักขระเป็นภาษาสันสกฤตที่เขียนทับ …

ฉินเย่หัวเราะด้วยท่าทางชั่วร้าย

แท้จริงแล้วไม่มีทางเลือกอื่น ผู้ที่มีเบื้องหลังอันดำมืด ก็เหมือนมีดาบห้อยอยู่บนหัว ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะตกลงมาทำร้ายตัวเอง

มีลางสังหรณ์แล้วอย่างไร? เมื่อถึงเวลาต้องเผชิญหน้า ยังไงเขาก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

ทั้งฉินเย่และอาร์ทิสยังคงพักผ่อนต่อไป เหมือนกับว่าการทะเลาะกันเมื่อคืนนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และพวกเขายังคงรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ได้

อาจเป็นเพราะ… ทั้งคู่เป็นคนฉลาด

อายุมากขึ้น ฉลาดขึ้น ทั้งคู่รู้ดีว่าความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาทั้งคู่เลย

จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของฉินเย่ก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูก็กลอกตาทันที

สิ่งที่เขาเปิดคือแชทกลุ่ม “โรงเรียนมัธยมชิงซีห้อง3-4” ที่มีข้อความขึ้นมากว่าร้อยข้อความเข้าไปแล้ว

“นั่นอะไรหรือ?” อาร์ทิสถามอย่างสงสัย

“เป็นเครื่องมือในการโอ้อวดอย่างไรเล่า ตัวอย่างเช่นโพสต์รูปตัวเองที่ยืนอยู่ข้างรถของคนอื่น รู้สึกมีความสุขเวลามีคนกดไลค์โพสต์นั้น” ฉินเย่ยังคงอ่านข้อความในขณะที่เขาอธิบายไปด้วย

อาร์ทิสตอบอย่างเหยียดหยามว่า“ โพสต์เกี่ยวกับรถแล้วได้อะไร? พาหนะของข้าคือรถม้าสีทองอันสง่างาม ที่ขับเคลื่อนด้วยม้าทรงพลังแปดตัว”

“…”

นี่คือเหตุผลที่เขาบอกว่าเขาไม่มีทางเชื่อมช่องว่างระหว่างวัยกับยายเฒ่าคนนี้ได้!

“พวกเขากำลังพูดเกี่ยวกับอะไรเหรอ?” อาร์ทิสถามนางไม่สามารถดูข้อความได้

“ไม่รู้สิปกติกลุ่มงี่เง่าพวกนี้ไม่ค่อยส่งข้อความหากันเท่าไรหรอก แต่วันนี้คงเป็นบ้าไปแล้ว… ” ฉินเย่ยังคงอ่านข้อความในขณะที่เขาเม้มริมฝีปาก “อย่างนั้นแหละ… ”

ข้อความวีแชท ชุดแรกถูกโพสต์โดยไอดี: หลินเย่หัวหน้าห้องเขียนว่า “สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน ลุงของฉันที่เป็นตำรวจในนครเซี่ยเจียง จะมาเยี่ยมฉันคืนนี้ และเขาอยากจะเชิญทุกคนมากินมื้อค่ำด้วยกัน มากันนะ!”

ภายในไม่กี่นาทีข้อความของเธอก็ระเบิดพร้อมกับคำถามมากมาย

“ที่ไหน พวกเราค้างได้ไหม? ฉันไม่กล้าออกไปข้างนอกหลังหกโมงน่ะ ข้างนอกทั้งมืดและก็หนาวจะตาย” หวังเจินฉ่าน หัวหน้าชั้นเรียนภาษาอังกฤษตอบ

“โอ้โห รวยจัง! ฉันขอเดาว่าลุงของหัวหน้าหลินต้องเป็นข้าราชการระดับสูงแน่เลยใช่ไหม เขาจะเลี้ยงมื้อค่ำพวกเราหลายคนพร้อมกันทีเดียวจริงเหรอ?” หวังจือหัวหน้าชั้นเรียนคณิตศาสตร์

“พูดเกินไปแล้ว เขาเป็นเพียงข้าราชการธรรมดาเท่านั้น เขาแค่ต้องการขอบคุณทุกคนที่ดูแลฉันเป็นอย่างดี ยังไงก็เถอะทุกคนต้องมานะ ที่โรงแรมเฝิงไหล โรงแรมที่ดีที่สุดของมณฑลเรา ทุกคนสามารถค้างคืนที่นั่นได้เลย บอกตามตรงว่าฉันเกลียดกฎไร้สาระพวกนั้นจะตายอยู่แล้ว ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้ออกไปเที่ยวกลางคืนมานานเป็นชาติแล้ว” หลินเย่หัวหน้าห้องพิมพ์

“เพ้อเจ้อ! เลี้ยงนักเรียนหลายสิบคนได้ จะเป็นข้าราชการธรรมดาได้ยังไง? แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีนะ! ฉันจะไปที่นั่นแน่นอน!” เสี่ยว ฮวานสุ่ย หัวหน้าชั้นเรียนพลศึกษา

ฉินเย่เม้มริมฝีปากอีกครั้ง “ คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม”

อาร์ทิสงุนงง

ฉินเย่หัวเราะ“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ ‘คืนนี้ฉันจะซื้ออาหารเย็น’ แต่มันอยู่ที่ ‘ลุงของฉันที่เป็นตำรวจระดับสูงกำลังซื้ออาหารเย็นมาเลี้ยงพวกเธอคืนนี้’ จากนั้นเธอพูดต่ออย่างไม่ใส่ใจว่า ลุงของเธอสามารถเลี้ยงคนหลายสิบคนได้ แต่พอรู้ว่าตัวเองโอ้อวดนเกินไป เธอก็จะพยายามปกปิดเจตนา โดยการเปลี่ยนเรื่องและทำเป็นเชิญทุกคน กลยุทธ์ของเธอต่ำและเดาง่ายเกินไป”

“…แต่ก็ดูเหมือนเจ้าจะสนุกกับมันนี่?”

“…เจ้าไม่คิดว่าการดูฝูงลิงแสดงต่อหน้าเจ้าเป็นเรื่องสนุกหรอกเหรอ”

“ถ้าเจ้าถามข้า…เรากำลังพูดถึงลิงหลายตัว ที่มีบ้านมีรถพ่อแม่ส่งเรียนมหาวิทยาลัยแพง ๆ ได้ละก็ พวกเขาอาจจะไม่ต่ำกว่าเจ้าในแง่ของสถานะทางสังคม … ”

“…ให้ตายเหอะ” ฉินเย่กลอกตา รู้สึกราวกับว่าลูกศรนับพันดอกทิ่มแทงหัวใจ เมื่อเห็นข้อความต่อมา “ไปกันเถอะ! ข้าจะไม่ปฏิเสธคำเชิญของสาวสวยที่สุดในชั้นแน่!”

เป็นเพื่อนในชั้นคนหนึ่งที่ ไม่เคยพลาดโอกาสกินฟรีทุกครั้งส่งมา!

หลังจากมีคนนำแล้วนักเรียนคนอื่น ๆ ก็มีคนตามทันที ฉินเย่เองก็ตามน้ำไปกับคนอื่นด้วย พอหวังเฉิงห่าวเห็นฉินเย่พิมพ์แบบนั้นเขาก็ต่อว่า “ถ้านายไป ฉันก็ไปด้วย”

“ เอ๊ะ? สุดหล่อหวังวันนี้ว่างเหรอ ฉันไม่คิดว่านายจะมาด้วย” หลินเย่หัวหน้าห้อง พร้อมกับเพิ่มอิโมจิยิ้มให้กับข้อความ

“ลูกพี่หวังว่างเหรอ? ไม่เลวนี้ วันนี้จะได้มากันพร้อมหน้าพร้อมตา” – เสี่ยว ฮวานสุ่ย หัวหน้าชั้นเรียนพลศึกษา

“นายไปสนิทกับฉินเย่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

ฉินเย่ปิดกลุ่มวีแชท ไม่ให้มันรบกวนเขาอีกต่อไป หวังเฉิงห่าวถูกทุกคนมองว่าเป็นทายาทธุรกิจ ได้มรดกของพ่อแม่ เวลาที่เขาปรากฏตัวจึงเหมือนมีสปอร์ตไลท์ตามไปทุกที่

“แล้วตลาดไสยเวทย์ล่ะ” อาร์ทิสถาม

“เปิดถึงเที่ยงคืนอยู่แล้ว เรายังมีเวลา”

แต่ไม่มีใครรู้ว่า

วันนี้หลินเย่ขาดเรียน

หลินเย่อาศัยอยู่ในตึกแถวที่ดูธรรมดาในขณะนี้ผ้าม่านถูกดึงออกจนหมดและบ้านก็ปิดสนิท แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านไม่ได้แม้แต่นิด

ประตูห้องของพ่อแม่ของหลินเย่ถูกล็อกอย่างแน่นหนาร่องรอยของเลือดไหลซึมออกมาจากช่องว่างเล็ก ๆ ใต้ประตูในขณะเดียวกัน หลินเย่… นั่งอยู่บนขอบเตียงของเธอด้วยสีหน้าเหม่อลอยพร้อมกับโทรศัพท์ที่ถือค้างอยู่ในมือ

เหนือร่างของเธอมีด้ายสีดำที่ห้อยลงมาจากเงามืดบนเพดานเกาะติดกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายราวกับว่าเธอเป็นหุ่นเชิด! และสิ่งเหล่านี้ก็กำลังบังคับให้มือของเธอพิมพ์โทรศัพท์ต่อไป!

หากมองเข้าไปใกล้จริง ๆ แล้วมีรอยกรีดสีแดงเข้มอยู่ในแต่ละข้อต่อของเธอ ราวกับว่ามีใครบางคนฉีกร่างของเธอออกมาก่อนที่จะประกอบเธอเข้าไปใหม่อีกครั้ง เหมือนตุ๊กตาเศษผ้า

ในขณะที่เธอปิดโทรศัพท์ร่างของเธอก็ทรุดลงกับพื้นเหมือนตุ๊กตาเศษผ้าขาด ๆ หลินเชาเซิงยืนอยู่ในความมืดด้านหลังของเธอ เขาสวมหน้ากากสีดำเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดเงียบ ๆ

“ผู้ใดแตะต้องสิ่งของของพระองค์… ”

“ ซ่อนตัวได้ดีเชียว… แม้แต่รัฐบาลก็ยังไม่สามารถค้นหาตัวแก… แต่ไม่เป็นไร…แกต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้แน่นอน…”

“ ผู้ที่สามารถแตะต้องสิ่งของของพระองค์จะต้องอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมชั้นของพวกเธอแน่… ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะหาเจ้าพบในไม่ช้า และแน่นอน …ข้าจะนำศีรษะของเจ้ากลับมา … และประกาศต่อ ‘ผู้รอดชีวิต’ ในมณฑลเสฉวนทั้งหมดว่าผู้ปกครองคนใหม่ของเราคือใคร … “

[1] ไอซีบีซี (ICBC) ชื่อธนาคารของจีน