ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายชอบใคร

ดูเหมือนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ต่อให้ไม่ใช้แท่นเบิกสวรรค์ทดสอบ เขาก็มองออกแปดเก้าส่วนแล้ว

เขารู้อยู่แล้วชัดๆ ว่าเธอไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ แต่ก็ยังจับตัวเธอกลับมาทดสอบ ตั้งใจโยนเธอเข้าไปในป่าทมิฬ…

กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว ทำไมเดี๋ยวนี้เธอนึกถึงแต่เรื่องแย่ๆ ของคนผู้นั้นกันนะ…

“เจ้าดูสิ เจ้าดีกับข้าเหลือเกิน แต่กลับเป็นเจ้าที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเขา…” อวิ๋นชิงหลัวพูดต่อ

“สัญญาหมั้นหมายนั้นล้มเลิกไปแล้ว” กู้ซีจิ่วเตือนนาง

“แต่ว่า แต่ว่าเขาอาจจะรู้สึกผิดต่อเจ้า เลยปฏิบัติต่อเจ้าแตกต่างจากเด็กสาวคนอื่นๆ…”

กู้ซีจิ่วรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง หลังจากถอนหมั้นเธอก็ไม่เคยพบเจอเขาอีกเลยไม่ใช่หรือไง?

แตกต่างตรงไหนกัน?!

เธอมองอวิ๋นชิงหลัว รู้สึกว่านางมาหาผิดคนแล้ว “ข้ารู้สึกว่าถ้าหากเจ้าชอบเขาจริงๆ ก็ไม่ควรมาหาข้า แต่ควรไปหาวิธีพิชิตใจเขา เขาจะชอบหรือไม่เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของข้า และมิใช่ว่าข้าหลีกทางแล้วเจ้าจะสมหวังได้ ต่อให้ข้าหลีกทางจริงเจ้าสามารถรับประกันได้หรือว่าเขาจะชอบเจ้า?”

“ขอเพียงเจ้าหลีกทางให้เขาจะต้องชอบข้าแน่นอน! เมื่อกี้ข้าก็พูดกับเจ้าไปแล้ว เขาดีกับข้ามาก…”

“บางทีเขาอาจจะดีเช่นนี้กับทุกคนที่จะกลายเป็นสานุศิษย์สวรรค์ก็ได้ เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาชอบเจ้า?” กู้ซีจิ่วว่าไปตามการสันนิษฐานของตน “เจ้าดูสิเขาก็ปฏิบัติต่อฮวาอู๋เหยียนและเชียนเยวี่ยหรานไม่เลวเหมือนกัน…”

อวิ๋นชิงหลัวตะลึงงัน ดวงหน้าเฉิดฉันซีดขาว “ไม่ใช่! เขาดีต่อข้าแตกต่างกับที่ดีต่อพวกเขา!”

สตรีมากมายล้วนชมชอบคุณชายผู้ร่ำรวย และสตรีทุกคนก็คิดว่าในใจของคุณชายผู้ร่ำรวยตนแตกต่างจากผู้อื่น แต่ความจริงแล้วไม่มีอะไรต่างกันเลย

ดูเหมือนอวิ๋นชิงหลัวจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน นางรู้สึกว่าตัวเองดีเป็นพิเศษ แถมังไม่รับฟังผู้อื่นด้วย

กู้ซีจิ่วไม่อยากทำตัวเป็นพี่สาวผู้เข้าอกเข้าใจ ดังนั้นจึงคร้านจะคุยกับนางต่อ “แล้วแต่เจ้าเถอะ ในเมื่อเจ้ารู้สึกว่าเขาชอบเจ้า เจ้าก็ไปสารภาพรักดูสิ ไม่แน่อาจจะสารภาพรักสำเร็จก็ได้นะ? เจ้ามาหาข้าก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

พลางหันหลังให้คิดจะวิ่งต่อไป

อวิ๋นชิงหลัวกลับรั้งเธอไว้ “เจ้าจะไม่ยอมถอยให้ใช่ไหม?”

พูดไม่รู้เรื่องแล้ว!

กู้ซีจิ่วปวดหัวนัก “ข้าบอกแล้วไง ระหว่างเจ้ากับเขามิใช่เรื่องที่ต้องถอยให้หรือไม่ถอยให้…”

“กู้ซีจิ่ว เจ้าเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว! มีบุรุษชอบพอเจ้ามากมายแล้ว เพิ่มท่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเข้าไปก็ไม่มากขึ้น ลดเขาไปก็ไม่น้อยลง ทำไมเจ้าต้องรั้งเขาไว้อีก?” อวิ๋นชิงหลัวกำมือแน่น “หรือเจ้าต้องการให้บุรุษทั้งหมดในใต้หล้านี้ชมชอบเจ้าถึงจะพอใจ? จิตใจเจ้าทะเยอะทะยานเกินไปแล้ว!”

เวรเอ้ย กล่าวหากันชัดๆ!

กู้ซีจิ่วก็โมโหขึ้นมาแล้วเหมือนกัน “ใช่แล้ว ข้าต้องการให้บุรุษใต้หล้านี้ชมชอบข้าทั้งหมด โดยเฉพาะทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้าจะไม่ปล่อยไป! จะให้เขาสยบอยู่ใต้ชายกระโปรงข้าด้วย!”

ยายเฒ่าจะทำให้เจ้าโมโหตาย!

อวิ๋นชิงหลัวตะลึงพรึงเพริด “เจ้า! เจ้าไร้ยางอาย…”

กู้ซีจิ่วยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง “ข้าก็ไร้ยางอายเช่นนี้แหละ เจ้าอย่าริมาหาเรื่องข้า!”

มือน้อยๆ ของอวิ๋นชิงหลัวกำแน่น ปลายนิ้วล้วนซีดขาว น้ำเสียงนางสั่นพร่า “กู้ซีจิ่ว ตอนนี้วรยุทธ์ของเจ้าสู้ข้าไม่ได้! เจ้าอย่าบังคับข้า!”

มารดามันเถอะ ใครบังคับใครกันแน่?

ตอนนี้กู้ซีจิ่วแค่อยากยั่วโมโหอีกฝ่าย เธอจึงยิ้มน่าชังกว่าเดิม “วรยุทธ์ของข้าในยามนี้สู้เจ้าไม่ได้จริงๆ แต่เจ้ากล้าลงมือกับข้าหรือ?”

อวิ๋นชิงหลัวโมโหนัก “เจ้า..เจ้าอาศัยว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คุ้มกะลาหัวเจ้าอยู่!”

“อืม แล้วอย่างไรเล่า? เขาคุ้มกะหัวข้าไม่คุ้มกะลาหัวเจ้า เจ้าโมโหให้ตายก็ไม่มีประโยชน์”

อวิ๋นชิงหลัวนิ่งงัน นางถูกตอกกลับจนอึกอักอยู่ตรงนั้น โกรธจนตัวสั่น ทว่าพูดไม่ออกสักคำ

กู้ซีจิ่วเห็นว่านางไม่โวยวายต่อแล้ว ถึงได้พอใจหันหลังจะจาก ทว่าวินาทีที่หันหลังไปก็ต้องตัวแข็งทื่อ