ส่วนที่ 2 ฝันร้ายหมายเลขเก้า ตอนที่ 16 ฝันร้ายหมายเลขเก้า (16)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาจากความฝันทั้งโลกก็เปลี่ยนไป ทั้งท้องถนนว่างเปล่าและค่ำคืนยาวนานแสนประหลาด 

 

 

เมิ่งถิงเหยากระชับมีดที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อและเดินไปตามท้องถนนเงียบสงัดตามลำพัง เธอไม่รู้ว่าตนเองจะไปที่ใด คนใช้ที่บ้านดูเหมือนจะหายตัวไปในชั่วข้ามคืน ทั้งบ้านไร้สรรพเสียงอย่างน่าขนลุก เมิ่งถิงเหยายิ่งตื่นตระหนกในใจเมื่อเวลาหยุดลงที่ตีสาม 

 

 

เธอออกจากบ้านตัวคนเดียว ทว่าก่อนที่เธอจะออกมาก็ได้หยิบมีดจากครัวที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ดูคมซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ 

 

 

เธอควรทำอย่างไรดี 

 

 

เธอควรเชื่อใครกัน 

 

 

เมิ่งถิงเหยาจำได้ว่าเธอมักจะพกโทรศัพท์ติดตัวอยู่เสมอ หากแต่ในตอนนี้กลับไม่รู้จะต่อสายหาใครเสียอย่างนั้น 

 

 

บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอเกิดมาเป็นคนมีชาติตระกูล เมิ่งถิงเหยาถึงได้ดูเป็นเทพีในสายตาของทุกคนมาตลอด ทั้งงดงามและไม่อาจเอื้อมถึง 

 

 

ทุกคนเห็นด้านที่เย็นชาของเธอจึงไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับเธอ รวมถึงผู้ชายคลั่งรักที่เอาแต่ตามล้อมหน้าล้อมหลังเธอด้วย เมิ่งถิงเหยาระอากับชีวิตเช่นนี้มานานแล้ว 

 

 

อันที่จริงมันไม่ใช่ว่าเธอไม่พยายามผูกมิตรก่อน แต่ด้วยพื้นเพครอบครัวที่แตกต่างทำให้เธอดูจะเข้ากับทุกคนไม่ได้ 

 

 

เด็กสาวที่อยู่ในหอเดียวกันมักจะไปซื้อของที่ถนนคนเดินในช่วงวันหยุด แต่นอกจากร้านขายเครื่องประดับหรูที่ใหญ่ที่สุดในเมือง C เมิ่งถิงเหยาก็ไม่เคยสวมเสื้อผ้าจากร้านอื่นเลย 

 

 

ตอนที่เพื่อนร่วมชั้นของเธอรวมตัวกันไปสังสรรค์ ทุกคนเลือกร้านอาหารบุฟเฟต์ยอดนิยมร้านหนึ่ง และร้องเพลงที่ห้องส่วนตัวในสถานบันเทิงราคากลางๆ อย่างมีความสุข ในสายตาของเมิ่งถิงเหยา สถานที่พวกนั้นทั้งน่ารังเกียจและแออัดเต็มที โดยเฉพาะที่ที่สกปรกและอันตราย 

 

 

เธอปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแบบนี้อย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้เธอแปลกแยก 

 

 

ด้วยความแปลกแยกของเธอ ทุกคนจึงรู้สึกว่าเธอถือตัวและรังเกียจจะอยู่ร่วมกันคนอื่น 

 

 

เมิ่งถิงเหยาต้องการจะคืนดีและแก้ปมความสัมพันธ์ของเธอกับคนอื่นหลังจากนั้น เธอรู้จักชวนคนอื่นมาทานอาหารที่ร้านอาหารตะวันตกเช่นกัน ทว่าคนอื่นกลับบอกว่าเธอดูถูกและจงใจข่ม 

 

 

เรื่องพวกนี้ เมิ่งถิงเหยาไม่เข้าใจเลย 

 

 

เธอคุ้นเคยกับเสื้อผ้าที่มีรสนิยมและทันสมัย และเสื้อผ้ายี่ห้อเล็กๆ พวกนั้นก็แค่ไม่เตะตาเธอ เธอทำอะไรผิดกันล่ะ 

 

 

เธอไม่เคยดูถูกคนที่สวมเสื้อผ้ายี่ห้อเล็กๆ เธอไม่ได้ถือหากว่าเพื่อนของเธอจะใส่เสื้อผ้าราคาไม่ถึงร้อยหยวนด้วยซ้ำ 

 

 

แต่ถึงอย่างไรคนที่เธอไม่ได้จะทำให้ขุ่นเคืองใจก็ยังไม่พอใจอยู่ดี 

 

 

เมิ่งถิงเหยารู้ว่ามีคำว่า ‘เกลียดคนรวย’ ในโลกอยู่ ในสายตาของใครบางคน ทุกอย่างที่คนรวยทำล้วนผิดไปหมด ทุกอย่างที่พวกเขาซื้อเป็นเพียงการโอ้อวดเท่านั้น 

 

 

บางทีตอนนี้คงไม่มีใครยอมช่วยเธอ 

 

 

คงไม่มีใครเชื่อใจเธอ  

 

 

เมื่อเมิ่งถิงเหยานึกถึงเรื่องนี้ ความรู้สึกขมขื่นก็แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ 

 

 

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” 

 

 

เธอได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นจากตรอกไม่ห่างออกไปในจังหวะนั้น 

 

 

ใครกัน 

 

 

เมิ่งถิงเหยานึกลังเลใจ ในที่สุดเธอก็ทนสงสัยไม่ไหวและย่องเบาเข้าไปหา 

 

 

ในตรอกนั้นมืดมาก เธอเห็นเพียงเงาคนสองคนรางๆ เท่านั้น ดูคล้ายผู้ชายคนหนึ่งกำลังไล่ตามเด็กสาว แสงสะท้อนใบมีดสีขาวเผยให้รู้ว่าชายคนนั้นกำลังถือมีดไว้อยู่ 

 

 

เขาถนัดมือซ้าย 

 

 

เมิ่งถิงเหยาพินิจมองมือซ้ายของเขาที่ถือมีดอยู่ เด็กสาวซึ่งวิ่งเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ยังคงไม่ยอมแพ้และเอาแต่ร้องขอให้ช่วย “ช่วยฉันด้วย! ใครก็ได้รีบมาที! ใครก็ได้ช่วยฉันที!” 

 

 

อยู่ในอันตรายขนาดนี้หากแต่เสียงของเธอกลับไม่สั่นแม้แต่น้อย ทั้งยัง…เป็นเสียงออกจะเรียบที่คุ้นเคยไม่น้อย 

 

 

นี่มัน… 

 

 

เมิ่งถิงเหยาตัวแข็งทื่อไปทันที        

 

 

ฟังดูแล้ว นี่มันเสียงของไป๋เสี่ยวเย่ว์นี่! 

 

 

“ไป๋เสี่ยวเย่ว์!” 

 

 

เมิ่งถิงเหยาตะโกนและโผออกมาแทบจะในเดี๋ยวนั้น 

 

 

แม้จะพยายามมาหลายครั้งเธอก็ยังไม่ได้เป็นเพื่อนของไป๋เสี่ยวเย่ว์จริงๆ ทว่าพวกเธอก็ยังมีเยื่อใยต่อกันบ้างเพราะอยู่ในหอเดียวกันมานาน 

 

 

ในเวลานี้เมิ่งถิงเหยาไม่อาจดูดายได้ เธอเข้าใจดีว่าหากเธอไม่ช่วยไป๋เสี่ยวเย่ว์ คนต่อไปที่ตายอาจเป็นตัวเอง 

 

 

สองร่างที่ไล่ล่ากันอยู่ชะงักไปทันทีที่เมิ่งถิงเหยาปรากฏตัวขึ้น 

 

 

“เมิ่งถิงเหยา! เมิ่งถิงเหยา ช่วยฉันเร็วเข้า!”  

 

 

ราวกับไป๋เสี่ยวเย่ว์คว้าฟางเส้นสุดท้ายไว้ได้ หลังจากงุนงงไปชั่วขณะ เธอวิ่งปรี่ไปทางเมิ่งถิงเหยา ชายที่ไล่ตามมาด้านหลังเธอชั่งใจไปครู่หนึ่งก่อนหันหลังรีบโกยหนีไป 

 

 

“ไป๋เสี่ยวเย่ว์!” 

 

 

ฝ่ามือของเมิ่งถิงเหยาในตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลังจากเห็นชายคนนั้นจากไปเอง เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและเดินไปหาไป๋เสี่ยวเย่ว์ทันที “เธอบาดเจ็บเหรอ” 

 

 

เมิ่งถิงเหยามือนิ่งค้างไปเมื่อแตะถูกเลือดที่เปียกลื่น 

 

 

“โชคดีที่ฉันไม่ตาย พื้นฐานฉันดีแล้วโชคก็ช่วยด้วยน่ะ” 

 

 

ไป๋เสี่ยวเย่ว์ซึ่งเติบโตขึ้นในกลุ่มผู้มีอทธิพลซึ่งถูกท่านไป๋ห้ามไม่ให้ติดต่อกับลูกน้องในกลุ่มโดยเด็ดขาดตั้งแต่เด็ก หากแต่เธอก็ยังได้ฝึกต่อยมวยและกังฟูอยู่บ้าง 

 

 

ไป๋เสี่ยวเย่ว์ที่รอดตายได้ในที่สุดเอนตัวลงข้างหนึ่งและจัดการพันแผลอย่างชำนาญด้วยท่าทีสบายๆ พลางช้อนตามองเมิ่งถิงเหยา “ขอบใจเธอจริงๆ นะ เมิ่งถิงเหยา ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” 

 

 

เมิ่งถิงเหยาสูดหายใจลึกและมองไปทางที่ชายคนนั้นเพิ่งจะวิ่งหนีไป “ไป๋เสี่ยวเย่ว์ เธอก็น่าจะรู้ว่าสถานการณ์ที่เราเจอกันอยู่คืออะไรเหมือนกันใช่ไหม ตอนนี้ใครเป็นคนที่อยากจะฆ่าเธอกัน เขา…เขาเป็นผีเหรอ” 

 

 

ผีอย่างนั้นหรือ 

 

 

ณ ที่แห่งนี้ ระหว่างผีกับคนไม่มีอะไรแตกต่างกันทั้งนั้น 

 

 

ไป๋เสี่ยวเย่ว์พันแผลจนเสร็จ เธอผ่อนแรงที่ใช้พิงบนกำแพงก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น “ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นผีหรือเปล่า แต่ทั้งเธอและฉันรู้จักแล้วก็คุ้นเคยกับเขา เขาก็คือ…ฟั่นซูจวินไงละ!”