“จุ๊ จุ๊ จุ๊…” อวี้ไป่หันส่ายหน้าไปมาด้วยความเยาะเย้ย “หนานกง แกรู้จักดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
หนางกงเยี่ยคนก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะเป็นตอนที่มีผู้หญิงอยู่ เขาก็ไม่เคยที่จะปรายตาแลมองผู้หญิงคนไหน ดังนั้นอย่าได้พูดถึงเรื่องที่เขาจะถามว่าเธออยากดื่มอะไร เขาคือราชาสูงศักดิ์ที่แสนเย็นชา คือคนที่ผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะเข้าหา
เมื่อถูกอวี้ไป่หันพูดหยอกล้อ หนานกงเยี่ยตระหนักถึงปัญหานี้ขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขารู้สึกว่าตัวเองเสียหน้า ด้วยเหตุนี้จึงหันไปปรายตามองอวี้ไป่หันด้วยสายตาเย็นชา ทำให้อวี้ไป่หันตกใจจนหุบปากในทันที
“เจอคุณเหลิ่งเป็นครั้งแรก ไม่มีอะไรที่จะมอบให้คุณ หวังว่าคุณจะรับยาเสริมความงามจากผมนะครับ” ถังเฮ่าคลายยิ้มแล้วเลื่อนกล่องไม้สี่เหลี่ยมไปตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงเปิดกล่องไม้นั่นแล้วมองดู เธอรู้ได้ทันทีว่านี่คือของมีค่าที่หาได้ยาก เป็นของที่ไม่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด
เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม “สูตรลับเฉพาะของตระกูลถัง เป็นยาที่มีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ ต้องขอบคุณคุณถังมากนะคะสำหรับของขวัญที่มีค่าแบบนี้”
“ฮ่าๆ…” ถังเฮ่าหัวเราะและพยักหน้าด้วยความพอใจ “ไม่เลวครับ รู้ด้วยว่ามันคืออะไร”
“แม้แต่ถังเฮ่ายังให้ของขวัญแล้ว ฉันก็ชักช้าไม่ได้แล้ว” อวี้ไป่หันหยิบสร้อยหยกสีขาวออกมา แล้วโยนให้กับเหลิ่งรั่วปิง “รั่วปิง รับไว้”
เหลิ่งรั่วปิงรับสร้อยคอที่โยนมากลางอากาศเอาไว้ จากนั้นคลายยิ้มบางๆ “ขอบคุณนะคะ คุณอวี้”
สร้อยคอเส้นนี้จับดูแล้วเป็นสร้อยที่น้ำงามมาก สีของสร้อยเองก็บริสุทธิ์ เหมือนอย่างไข่มุกที่ถูกทอดทิ้งในมหาสมุทรส่องแสงระยิบระยับภายใต้ดวงจันทร์ เหมือนอย่างเมฆหมอกบนภูเขาที่ไม่สามารถจับต้องได้ ถึงแม้ว่าสร้อยเส้นนี้จะเล็ก แต่ราคาต้องไม่เบาอย่างแน่นอน เอาไปขายทอดตลาดอย่างน้อยๆ ก็ได้ไม่ต่ำกว่าสามล้านหยวน
สมแล้วที่เป็นคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลง ให้ของขวัญได้สปอร์ตมากๆ เหลิ่งรั่วปิงคิดไม่ถึงว่าการมาร่วมงานในครั้งนี้จะทำให้ได้ของขวัญเยอะขนาดนี้ เธอไม่เคยมีปัญหากับเงินอยู่แล้ว
เหลิ่งรั่วปิงรับของขวัญได้เป็นธรรมชาติมาก เหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ที่ดูเหมือนคนเห็นแก่เงิน และไม่ได้ดูหยิ่งผยอง เธอทำเหมือนกับว่าของขวัญพวกนี้เป็นสิ่งที่เธอควรจะได้รับ
ข้อนี้ ทำให้ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันตกใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน พิ…พิเศษมาก!
สำหรับปฏิกิริยาของเหลิ่งรั่วปิง หนานกงเยี่ยเองก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจ เขาเดาไม่ถูกเลยจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าจะบอกว่าเธอเป็นคนที่หยิ่ง แต่เธอกลับไม่รับเงินจากใครง่ายๆ หรือถ้าจะบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน แต่เธอก็ไม่เคยยอมเอาอกเอาใจใครเพื่อเงินทอง หนานกงเยี่ยมองดูแววตาของเธอ ด้วยสายตาพิจารณา
อวี้ไป่หันเอียงคอมองดูมู่เฉิงซี “นี่ แกไม่คิดจะให้อะไรหน่อยหรอ”
มู่เฉิงซียังคงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความเย็นชา เขาไม่แม้แต่จะหันมามองอวี้ไป่หัน จู่ๆ เขาก็เงยหน้าแล้วมองไปที่เหลิ่งรั่วปิง สายตาของเขามีความเย็นยะเยือกแผ่ออกมา “คุณเหลิ่งเป็นคนประเทศซีหลิงหรอครับ”
“ใช่ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงตอบอย่างใจเย็น ถึงแม้ว่าเธอจะเห็นสายตาไม่พอใจจากนัยน์ตาของมู่เฉิงซี แต่เธอกลับไม่กลัวแม้แต่น้อย เธอเคยเจอคนที่อันตรายมาเยอะแล้ว ใจของเธอก็เลยถูกฝึกฝนให้เข้มแข็งจนยากที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้
“พ่อกับแม่ตายไปนานแล้ว ตอนนี้เหลือแค่คุณเดียว”
“ใช่ค่ะ”
“ผมอยากรู้จัง คุณเหลิ่งที่สูญเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่เด็ก แล้วคุณเรียนจบได้ยังไง”
“ฉันทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย และก็ได้รับการช่วยเหลือจากที่โบสถ์ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงไม่เป็นกังวลในเรื่องนี้แม้แต่น้อย วิหารซีหลิงได้เตรียมข้อมูลของเธอจนเรียบร้อยแล้ว
“คุณเหลิ่งทำให้คนอื่นนับถือจริงๆ …” มู่เฉิงซียังไม่ทันพูดจบ เขาก็โยนแก้วไวน์ในมือมาตรงหน้าของเหลิ่งรั่วปิง
ม่านตาของเหลิ่งรั่วปิงหดตัว เธอคิดไม่ถึงว่ามู่เฉิงซีจะกล้าลงมือ เพราะไม่ว่ายังไงตอนนี้เธอก็เป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย แต่ตอนนี้แก้วไวน์กลับพุ่งมาตรงหน้าเธอ ถึงแม้ว่าการเอามือไปรับแก้วไวน์นี้จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ แต่การที่เธอจะรับหรือไม่รับนั้น เธอจำเป็นต้องคิดพิจารณา