ตอนที่ 34 ฝึกฝน
เมื่อได้ยินหวังเย่าพูดแบบนั้น ชายชราก็รีบเข้ามาหยุดเขาเอาไว้และพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องแปดเทพ ตอนนี้นายถือว่าเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของเรา แถมนายยังแสดงความสามารถในฐานะผู้ใช้อสูรที่โดดเด่น ฉันมีอะไรอยากจะถามนายสักหน่อย”
หวังเย่าพูดขึ้นทันที “ว่ามาได้เลย”
“ฉันเห็นว่านายยังเด็ก แต่ยังไม่รู้แผนการในอนาคต ฉันไม่รู้ว่านายคิดจะเข้าร่วมกับตลาดมืดรึเปล่า ? ”
“ขอโทษด้วย ฉันเองก็มีธุระของตัวเองที่ต้องทำ ฉันยังไม่คิดถึงเรื่องนั้นในตอนนี้” หวังเย่าพูดขึ้นตัดบททันที
“ไม่เป็นไร ยังไงซะคนเราก็มีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเอง แต่อย่าคิดว่าเราเป็นแค่ตลาดมืดทั่วไป” เสียงของชายชราเบาลง “เบื้องหลังเรามีขุมอำนาจที่ใช่ว่าจะอ่อนแอ ฉันรับรองได้ว่าตราบใดที่นายร่วมงานกับเรา อนาคตของนายก็ไร้ขีดจำกัด นายจะร่ำรวยและมีอำนาจ บอกได้ว่าแค่นายอยากได้อะไรก็แค่เอ่ยปากบอกก็พอแล้ว”
หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็ใจสั่นขึ้นมา แต่เขากลับส่ายหน้าปฏิเสธไป ถึงมันจะฟังดูน่าสนใจแค่ไหน แต่ก็ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ เขาตัวคนเดียวไม่มีอะไรให้พึ่งพิง ถึงแม้ว่าจะเข้าร่วมกับกองกำลังใหญ่ แต่คงหลีกเลี่ยงการโดนจำกัดไม่ได้ จากนั้นเขาก็อาจจะกลายเป็นเหยื่อเสียเอง
“ขอบคุณที่แนะนำ แต่ฉันชอบความอิสระมากกว่า” หวังเย่าปฏิเสธอีกครั้ง
“งั้น…ก็ได้ งั้นนายควรมาที่ตลาดมืดบ่อย ๆ ภารกิจที่นี่รอนายอยู่” ชายชราพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
หวังเย่าเบะปากเล็กน้อย เขารู้สึกเวียนหัวกับการเสียเลือดและแทบยืนไม่อยู่ แต่อีกฝ่ายกลับขอให้เขามาที่นี่บ่อยงั้นหรือ
ตอนนี้เขามีเงินอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว มันจะหมดเมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะรู้ได้
หวังเย่าบอกลาชายชราก่อนจะมองไปที่เสี่ยวเว่ยสักพักโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
“น้องเสี่ยวเว่ย เธอขัดสนเรื่องเงินรึเปล่า ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยท่าทีเขินอาย
“พี่แปดเทพ ทำไมถึงได้ถามแบบนี้ ? ” เสี่ยวเว่ยถามขึ้นมา
“ถ้าเธอขัดสนเรื่องเงินก็ไปหาฉันได้ ฉันจะช่วยเธอเอง” หวังเย่าหัวเราะออกมา
“ได้ ถ้าฉันมีปัญหาอะไร ฉันจะไปหาพี่ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีปัญหาอะไร” เสี่ยวเว่ยยิ้มออกมา
หวังเย่าพยักหน้าและได้ทำการแลกข้อมูลการติดต่อกับเธอก่อนจะออกจากตลาดมืดไป เขาได้ใช้สกิลของการ์ฟีลด์และรับรู้ได้ว่ามีคนตามเขามา เขาได้ใช้สกิลอำพรางเพื่อเปลี่ยนใบหน้า ก่อนจะถอดหน้ากากแล้วเดินปะปนเข้าไปในฝูงชน
หลังจากที่เดินอ้อมมานาน หวังเย่าก็สลัดพวกนั้นหลุด ถ้าเขาเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นคนที่ชายสวมหน้ากากเสือส่งมาแน่ ๆ
เมื่อกลับมาที่บ้าน หวังเย่าก็รู้สึกแย่ขึ้นมา เขารู้สึกว่าเขาที่ผ่านมาเขาคงประมาทเกินไป หลังจากนี้คงต้องหาทางหนีทีไล่เอาไว้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็ขึ้นรถไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง และได้ใช้เครดิตไปกว่า 1 ล้านเครดิตเพื่อซื้อกระเป๋ามิติขนาด 125 ลูกบาศก์เมตร
เขากลับไปที่บ้านและใส่ของสำคัญไว้ในกระเป๋ามิติ ส่วนการ์ฟีลด์และหงอคงนั้นถูกเก็บเอาไว้ในกำไลอสูร
กระเป๋ามิติคือของที่ใช้เก็บสิ่งของ ส่วนกำไลอสูรนั้นมีไว้ใช้เก็บอสูร กำไลแต่ละอันจะเก็บได้ 1 ตัว
เมื่อแบกกระเป๋าออกมาจากห้อง หวังเย่าก็ได้เช่าห้องใกล้ ๆ โดยทำการเช่าเอาไว้ 3 วันเป็นเงิน 3,000 เครดิตซึ่งถือว่าแพงพอตัว
แต่ตอนนี้เขารวยแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้อีกแล้ว
หวังเย่าเอาหงอคงออกมา ก่อนจะใช้น้ำยาพลังขั้นสูงกับมัน
****
แจ้งเตือน : หงอคงดูดซับน้ำยาพลังขั้นสูง เพิ่มค่าประสบการณ์ 3,000 หน่วย
****
ตอนนั้นหงอคงก็ขึ้นเป็นเลเวล 3 พร้อมกับพลังงานที่เพิ่มขึ้นมา
เมื่อป้อนน้ำยาวิวัฒนาการขั้นสูงให้กับมัน ค่าประสบการณ์ก็เพิ่มขึ้นมาอีก 30,000 หน่วยก่อนที่เลเวลของมันจะเพิ่มขึ้นกว่า 10 เลเวล พลังงานนั้นเกินระดับที่จะดูดซับได้ในเวลาอันสั้น
หวังเย่าเคยเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อนแล้ว ในการเพิ่มเลเวลของการ์ฟีลด์นั้นจะมีข้อจำกัด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มเลเวลอย่างไม่จำกัด แต่นี่เป็นเพราะเขามีระบบอยู่ถึงทำการเพิ่มเลเวลได้ทีเดียวถึง 10 เลเวลในเวลาอันสั้น หากเป็นตัวอื่นแล้ว การเพิ่มเลเวล 2-3 เลเวลก็ถือว่ามากแล้ว จากนั้นพวกมันก็ค่อยดูดซับพลังงานที่เหลืออย่างช้า ๆ เอง
ต่อมาเขาก็ได้ใช้น้ำยาวิวัฒนาการขั้นสูงอีกขวดกับการ์ฟีลด์ ซึ่งเพิ่มค่าประสบการณ์อีก 20,000 หน่วย พร้อมกับแสงสีทองที่ส่องประกายออกมาจากตัวของมัน จากนั้นเลเวลของมันก็เพิ่มขึ้นเป็น 22
หลังจากที่อ่านสถานะของมันแล้ว เขาก็พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ความสามารถในการต่อสู้เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ส่วนสกิลนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
วันต่อมา หวังเย่าก็ไปที่สกายคลับ มันเป็นคลับหรูแห่งหนึ่งในเมืองอรุณ
คลับอยู่ในตึกสูง 33 ชั้น นอกจากชั้นแรกและชั้นบนสุดแล้ว บอกได้ว่าที่นี่คือห้องซ้อมทั้งหมด
ชั้น 2 ถึงชั้น 10 เหมาะเป็นห้องซ้อมสำหรับพวกเด็ก ๆ ฐานะปานกลางที่พอมีอันจะกิน
ชั้น 11-20 จะมีคนคอยสอน
ชั้น 21-32 จะมีห้องซ้อมแบบต่าง ๆ โดยมีสภาพแวดล้อมแตกต่างกันไป
หวังเย่าได้สมัครสมาชิกพิเศษ เขาใช้เครดิตไปกว่า 100,000 เครดิต ก่อนจะไปที่ชั้น 15 ไปยังห้องมีด ที่นั่นจะพบกับครูสอนมีดหลายสิบคน
ที่ชั้น 5 ก็มีห้องมีดเช่นกันแต่มันจะไม่มีใครคอยสอน พวกเขาได้แต่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง
แต่ที่ชั้น 15 นี้จะมีครูคอยสอนอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ละคนต่างก็มีความสามารถที่โดดเด่นของตัวเอง บางคนใช้มีดแบบรวดเร็ว บางคนใช้มีดแบบดุดัน
พวกเด็กรวย ๆ ที่นี่มักจะเลือกครูตามรูปแบบการใช้มีดที่ตัวเองชอบ
หวังเย่าได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลของครูแต่ละคนที่นั่น
ครูหลี่จิ่นหยวน : ชำนาญทักษะมีดระดับสาม มีดแปดสังหารหกประสานกับมีดสังหารไม้แดง ท่ามีดดุดัน ใช้รุกและรับได้ สอนตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม รับนักเรียน 21 คน ราคา 20,000 เครดิตต่อเดือน
ครูเฉินจื่อหราน : ชำนาญทักษะมีดระดับสี่ มีดลมหายใจมังกร ท่ามีดรวดเร็วดุจสายฟ้า ดุดันไร้ปรานี สอนตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม รับ 3 คน ราคา 50,000 เครดิตต่อเดือน
…
หวังเย่า ดูข้อมูลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจบอกกับพนักงานว่า “ฉันอยากเรียนกับครูฝึกเฉินจื่อหราน”
พนักงานได้พาเขาไปลงทะเบียนทันทีก่อนจะส่งบัตรเข้าเรียนให้กับเขา
หวังเย่าได้ไปที่ชั้น 19 ชั้นนี้คือชั้นธนู ธนูนั้นไม่ได้ถูกใช้มากมายเหมือนกับมีด ดังนั้นจึงมีครูสอนแค่ 5-6 คน จากนั้นเขาก็เลือกเรียนกับครูฝึกไป๋อวิ๋นซวน
สำหรับห้องฝึกปืนที่ชั้น 20 หวังเย่าคิดว่าอาวุธร้อนแบบนี้ใช้จัดการพวกสัตว์อสูรที่อ่อนแอได้ดี
แต่ต่อหน้าสัตว์อสูรจำนวนมากแล้ว แค่กระสุนก็ไม่อาจจะทำอะไรพวกมันได้ ส่วนธนูอาจจะมีประโยชน์มากกว่าด้วยซ้ำ