บทที่ 39 การพิสูจน์
ศาลาไป่หยูซึ่งแต่เดิมล้อมรอบไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ตอนนี้กำลังแออัดมากขึ้น
เพราะมีคนเข้ามาดูเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ท่านอาจารย์หยูถูกเชิญมาโดยคนงานของหอคอยหวงชา ให้มาตรวจสอบว่ามีปัญหาใด ๆ กับ สัตว์วิญญาณ ที่ผลิตโดย ศาลาไป่หยู หรือไม่
อย่างที่ทุกคนรู้กันรู้ปรมาจารย์หยูเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับกลางมาหลายปี ว่ากันว่าเขาอยู่ห่างออกไปจากผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูงอยู่เพียงขั้นตอนเดียว
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากมาก
ท่านอาจารย์หยูนั้นดูเหมือนจะมีอายุมากแล้ว ผมของเขามีสีขาว สวมเสื้อคลุมสีดำและมีกลิ่นของยาอยู่ตามตัว
“เป็นสัตว์วิญญาณที่น่าสนใจมาก ข้าจะขอดูมันด้วยตัวเอง” อาจารย์หยูพูดด้วยเสียงที่ต่ำและแหบห้าว
ลั่วอู๋เห็นฝ่ามือที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอันอ่อนโยนของอาจารย์หยู จากนั้นก็มีหมอกสีเทาออกมาตามร่างกายและเริ่มปกปิดร่างกายของเขา
ลั่วอู๋หวาดกลัว
นี่น่าจะเป็นหมอกที่สร้างขึ้นโดยสัตว์วิญญาณ
แต่เขาไม่รู้ว่ามันมาจากสัตว์วิญญาณแบบไหน
อาจารย์หยูวางมือบน สุนัขชาชี เขาหลับตาแล้วปล่อยพลังสีม่วงอีกแบบมาปกคลุมร่างของสุนัขชาชี
“โฮ่ง”
สุนัขชาชีเงยหัวของมันขึ้น ดูเหมือนมันจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มันจึงก้าวถอยหลัง
หลังจากนั้นสักพัก อาจารย์หยูก็ดึงพลังวิญญาณของเขากลับมา
หลินตารีบรุดไปข้างหน้า “อาจารย์หยู เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ? ใช่ยาเลือดเดือดไหมเจ้าคะ?”
อาจารย์หยูเงียบไปพักหนึ่ง “รอสักครู่”
หลังจากนั้นอาจารย์หยูก็เดินไปหากระต่ายและนกกางเขนแทน แต่คราวนี้เขาทดสอบด้วยวิธีการที่ต่างออกไปและพลังของเขาก็แสดงออกมาเป็นหลายสี
มันช่างน่าทึ่งนัก
เพราะวิธีตรวจสอบสัตว์วิญญาณจะต้องปรับเปลี่ยนพลังวิญญาณของตนเอง เพื่อให้มีความสามารถสูงมากพอที่จะควบคุมพลังของสัตว์วิญญาณที่จะตรวจสอบได้
หมอกของอาจารย์หยูนั้นทั้งสว่างและมืด ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่เชื่อในภาพที่เห็น
ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับกลางไม่ควรฝึกฝนแค่ความสามารถของพวกเขาเพียงเท่านั้น แต่ควรศึกษาความรู้เกี่ยวกับสัตว์วิญญาณระดับเงินหรือสูงกว่าไว้ด้วย เพราะเมื่อพวกเขามาถึงระดับนี้พวกเขาจะต้องสามารถวิเคราะห์ที่มาของสัตว์วิญญาณได้อย่างละเอียดด้วยวิธีการบางอย่าง
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานานอาจารย์หยูก็ดึงมือของเขากลับมา
“ผิดปกติจริง ๆ ” อาจารย์หยูคิดมานานก่อนที่จะพูดประโยคนั้นออกมา
หลินตากล่าวขึ้นด้วยความดีใจว่า “ท่านหมายถึงอะไรงั้นเหรอคะ”
“ต้นกำเนิดของเหล่าสัตว์วิญญาณ เหล่านี้แปลกมากราวกับว่าพวกมันได้รับการเสริมพลังวิญญาณ ด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์บางอย่างและพวกมันเหมือนถูกแยกออกมาเป็นแก่นสาร” อาจารย์หยูพูด
ทันทีที่คำพูดพวกนั้นออกมาทุกคนต่างก็ตกตะลึง
นั่นมันสุดยอดเกินไป
“มันเป็นเพราะยาเสพติดหรือเปล่า” หลินตาถาม “ท่านตรวจสอบได้ชัดเจนรึเปล่า? “
อาจารย์หยูลังเล
ยังไง ๆ เขาก็เป็นสมาชิกของ หวงชา
“เป็นไปได้ด้วยว่ามันเกิดจากการใช้ยาระดับสูงชนิดหนึ่งที่ปกปิดต้นกำเนิดอย่างสมบูรณ์และทำให้ข้ารู้สึกสับสน” อาจารย์หยูกล่าว
ทันทีที่ได้ยิน ร่องรอยของความพึงพอใจก็ปรากฏบนใบหน้าของหลินตา “ถ้าอย่างนั้น หากท่านลองทำเองดูก็มีแนวโน้มที่จะฝึกฝนสัตว์วิญญาณแบบนี้ได้ด้วยใช่ไหม?”
“มันเป็นไปไม่ได้” อาจารย์หยูส่ายหัว “ข้ากล้ายืนยันว่าแม้แต่ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูงก็อาจไม่สามารถทำได้”
ฝูงชนตะโกนกันให้แซ่
แม้แต่อาจารย์หยูก็ยังทำไม่ได้
ศาลาไป่หยูทำได้อย่างไรกัน
หลินตา จ้องมองที่ ลั่วอู๋อย่างโกรธ ๆ
“เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?” ลั่วอู๋ กลอกตา
“อะไรกันแม้แต่ท่านอาจารย์หยูก็ยังทำไม่ได้ แล้วเจ้าทำได้อย่างไรกัน” “เจ้าต้องใช้น้ำยาต้องห้าม ไม่ก็ยาเสพติดบางอย่างแน่ ๆ เจ้ากำลังลดพลังชีวิตของสัตว์วิญญาณเหล่านี้ออกไป จากนั้นเจ้าก็ปรับปรุงพื้นเพของสัตว์วิญญาณเหล่านี้ ในเวลาอันสั้นและทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นชั่วคราว” หลินตากล่าว
สายตาของทุกคนไปรวมตัวกันที่ลั่วอู๋
ลั่วอู๋หัวเราะเยาะ “ข้าไม่สามารถทำมันได้เพราะมันเป็นสิ่งที่อาจารย์หยูไม่สามารถทำ ตรรกะอะไรของเจ้าเนี่ย”
สายตาของทุกคนเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของลั่วอู๋
ช่างหยิ่งทะนงเหลือเกิน
“กล้าพูดมาได้นะ!” ใบหน้าของหลินตาเต็มไปด้วยความโกรธ
ท่านอาจารย์หยูเองก็โกรธด้วยเช่นกัน “คนหนุ่มสาวไม่ควรหยิ่งทะนงตนเช่นนี้ ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณไม่เพียงต้องการการสนับสนุนจากมิติเท่านั้น แต่ยังต้องการประสบการณ์และการสืบทอดวิชาลับอีกด้วย ไม่งั้นเจ้าก็จะไม่สามารถทำได้ดีกว่าการปรับแต่งสัตว์วิญญาณทั่วไป”
“มีหลักฐานอะไรบ้างที่พิสูจน์ได้ว่าข้าใช้ยา ถ้าไม่มี พวกท่านก็ต้องยอมรับความผิดพลาดของตัวเองแล้วนำทักษะระดับทองมาให้ข้า” ลั่วอู๋พูดอย่างหงุดหงิด
หลินตา ถามอาจารย์หยูด้วยเสียงต่ำว่า “อาจารย์หยู ท่านสามารถหาหลักฐานได้หรือไม่”
อาจารย์หยูขมวดคิ้วและส่ายหัวเล็กน้อย
เขาไม่สามารถหาหลักฐานที่แน่นอนได้
หัวใจของหลินตาทรุดลงไป แต่นางก็พูดว่า “ถ้าเจ้าไม่แสดงความสามารถของเจ้าให้พวกเราเห็น เจ้าก็ไม่มีหลักฐานว่าเจ้าไม่ได้ใช้ยา”
ลั่วอู๋ มองไปที่นาง
มันช่างไร้สาระ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครควรเป็นฝ่ายที่ต้องให้หลักฐาน
“ถ้าเจ้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเจ้าไม่ได้ใช้ยา ข้าก็จะสรุปว่าเจ้าใช้ยาขั้นสูงมาก” หลินตายังกล่าวอีกว่า
“ เพื่อประโยชน์ของทักษะระดับทอง ข้าจะยอมเสียเวลาดื่มชายามบ่าย เพื่อพิสูจน์ให้พวกเจ้าดูก็ได้” ลั่วอู๋กล่าว
ลั่วอู๋ ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
เขาเปลี่ยนพลังวิญญาณเพื่อกระตุ้นไหปีศาจอย่างลับๆ ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็ปล่อยพลังวิญญาณออกมาเก้าสี ราวกับว่ากำลังถือหินเซียนโบราณที่สดใสอยู่ในมือ
ผู้คนที่มุงอยู่คิดว่ามันเปล่งประกายงดงามยิ่งนัก
และเมื่ออยู่ต่อหน้าต่อตาของลั่วอู๋ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้
“เสริมความแข็งแกร่ง!”
เสียค่าใช้จ่าย 200 แต้มเซียน
พลังวิญญาณอันบริสุทธิ์หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของสุนัขชาชีในทันที ร่างกายของมันส่องแสงสีฟ้าอ่อนจากนั้นลมหายใจก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทันทีทันใดนั้นสุนัขชาชีก็ไปถึงระดับดองแดง มิติ 10
จากนั้นสุนัขชาชีก็รู้สึกถึงช่วงเวลาที่แปลกประหลาด
ในที่สุดต้นกำเนิดของมันอยู่ในความพร้อมที่จะวิวัฒนาการ เหมือนมีแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรง
คล้ายน้ำเต็มแล้วกำลังจะล้น
และดูเหมือนว่าจะมีรอยร้าวเล็กน้อยที่จุดกำเนิด
“การตรวจสอบพลังวิญญาณในร่างกาย … “
“ทำตามคำแนะนำของข้าแล้วเจ้าจะก้าวผ่านกำแพงนั้นได้ … “
ลั่วอู๋พูดด้วยเสียงที่เบาต่ำและอ่อนโยน
ขณะเดียวกันลั่วอู๋ก็ใช้แต้มอมตะ 2000แต้มอีกครั้งโดยใช้ทักษะขั้นสูงของไหในการเล่นแร่แปรธาตุ
มันเป็นการจ่ายออกไปถึง 2000แต้มเซียน
ลั่วอู๋ ใช้เวลาครึ่งเดือนในการประหยัดสะสมแต้มเซียน ซึ่งในตอนนี้เขาต้องยอมใช้มันไปในทันที มันทำให้เขารู้สึกเศร้ามาก
โชคยังดีที่ต้นกำเนิดของสุนัข ชาชี นั้นแข็งแกร่งพอและอยู่ห่างจากการวิวัฒนาการเพียงเล็กน้อย ถ้ามันถูกแทนที่ด้วยสัตว์วิญญาณอื่น ๆ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จ
ทันใดนั้นแสงสีขาวก็ห้อมล้อมสุนัขชาชี
มันความก้าวหน้าในการทำลายขีดจำกัดทางสายพันธุ์
การวิวัฒนาการ
สุนัขชาชี ทำเสียงคำรามโหยหวน เหมือนหมาป่าหรือเสือ มันต่ำและดูดุร้ายยิ่งกว่าเสือในป่า
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง
มันเป็นการวิวัฒนาการสัตว์วิญญาณต่อหน้าทุก ๆ คน
แสงสีขาวที่ห้อมล้อมสุนัขชาชีค่อย ๆ สว่างขึ้น แสงสีฟ้าจาง ๆ แลบออกมาจากดวงตาของมันและขนของมันก็เนียนและขาวขึ้น
ตราพระจันทร์เสี้ยวสีเลือดปรากฏบนหน้าผากของสุนัขชาชี
ความหน้าโง่ในสายตาของมันได้หายไปเหลือเพียงสายตาที่คล้ายมนุษย์
“โฮก!”
วิวัฒนาการสิ้นสุดลง
หมาป่าสีขาวตัวใหญ่ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้าๆ
สัตว์วิญญาณระดับเงิน หมาป่าจันทร์สีเงิน
ทุกคนต่างตกอยู่ในสถานะตกตะลึงจนพูดไม่ออก
มันเป็นการวิวัฒนาการจริง ๆ
พวกเขาได้เห็นปาฏิหาริย์แห่งชีวิต
มีเพียงหลินตาเท่านั้นที่กำมือหมัดจนเล็บจิกลงไปในเนื้อของนาง มันจิกลงไปลึกจนมีเลือดไหลออกมา