กู้ชูหน่วนผลักประตูเสียงดังลั่น แล้วก็เป็นอย่างที่คิด แสงไฟภายในจวนอัครเสนาบดีสว่างโร่ นำมาโดยอัครเสนาบดีกู้ ฮูหยินใหญ่ ซานอี๋เหนียง อู่อี๋เหนียง ตลอดจนคุณหนูทั้งหลายที่ยืนกันเป็นกลุ่มเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือ

กู้ชูหน่วนมองผ่านๆ ก็เห็นว่าคนรับใช้ทั้งหมดในจวนอัครเสนาบดียืนอยู่ที่นี่ด้วย

เดิมทีชิวเอ๋อร์ก็กลัวอยู่แล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าจึงยิ่งตกใจหน้าซีดเผือด

นางคิดจะคุกเข่าลงเสียเดี๋ยวนั้น แต่กู้ชูหน่วนรั้งนางเอาไว้และเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “เจ้าเป็นคนของข้า นอกจากข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ใครทั้งนั้น”

“นายท่าน ท่านเห็นหรือไม่ คุณหนูสามช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร นางไม่เพียงแต่จะไม่เห็นอี๋เหนียงอย่างข้าในสายตา แม้แต่ท่านนางก็ยังไม่แล”

อู่อี๋เหนียงร่ำๆ ฟ้องราวกับกู้ชูหน่วนเป็นนักโทษที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่างไรอย่างนั้น

เดิมทีท่านอัครเสนาบดีกู้พยายามข่มกลั้นความโกรธเอาไว้ แต่เมื่อเห็นว่าบุตรสาวที่ขี้ขลาดและอ่อนแออยู่เสมอกล้าเพิกเฉยต่อเขา เขาก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม

กู้ชูหลานยิ้มอย่างลำพองใจ คิดว่าอัครเสนาบดีกู้โกรธมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จะได้เป็นการระบายความโกรธแทนนางด้วย

ทุกคนในจวนเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเองจึงไม่ได้ใส่ใจและอยู่เพื่อรอดูความตื่นเต้น

“กู้ชูหน่วน ในสายตาของเจ้า เจ้ายังคิดว่าข้าเป็นพ่ออยู่หรือไม่”

อู่อี๋เหนียงบอกว่านางทุบตีซย่าอวี่จนตายโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งยังทุบตีนางด้วยกระบองหลายครั้ง แต่เขาไม่เชื่อ

หลานเอ๋อร์บอกว่านางไม่เพียงแต่ทำร้ายอาจารย์ แต่ยังตบหน้าองค์หญิงไปหลายครั้งด้วย เรื่องนี้เขาเองก็ไม่อยากเชื่อ

ตอนนี้…

บุตรีคนที่สามซึ่งอยู่ตรงหน้า ไม่หลงเหลือความหัวอ่อนและขี้ขลาดอย่างที่เคยเป็น

ตอนนี้นางมีนิสัยที่โดดเด่นและมีรังสีแห่งความโอหังอวดดีแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัว

ถ้าไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง ให้ตายอย่างไรเขาก็คงไม่เชื่อ

อัครเสนาบดีกู้รู้สึกรังเกียจ เพราะกู้ชูหน่วนที่เป็นเช่นนี้ดูเหมือนมารดาของนางที่ตายไปแล้วเป็นอย่างมาก

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะและมองตรงไปอย่างไม่ประหวั่นพรั่นพรึง “แล้วในสายตาของท่านเคยมีลูกสาวอย่างข้าอยู่ด้วยหรือ ตั้งแต่เกิดมาท่านไม่เคยสนใจไยดีข้าเลย หลังจากท่านแม่ของข้าจากไป ท่านยังปล่อยให้คนรับใช้ข่มเหงรังแกข้าโดยไม่เคยห้ามปราม เวลาที่ข้าหิวเจียนตายอยู่ในจวน เวลาที่ข้าเหน็บหนาวจนตัวสั่น ท่านทำอะไรอยู่ ท่านเอาแต่โอบกอดเหล่าอนุภรรยาของท่านอยู่ในโลกแห่งความฝันอันสวยงามไงล่ะ”

“คุณหนูสาม ท่านจะทุบตีข้าก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงอนุภรรยาคนหนึ่งเท่านั้น แต่ท่านจะพูดจาเช่นนี้กับนายท่านไม่ได้ ถึงอย่างไรนายท่านก็เป็นท่านพ่อของท่าน” อู่อี๋เหนียงแสร้งทำเป็นกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมและใช้ผ้าเช็ดหน้าในมือเช็ดน้ำตาไม่หยุด

กู้ชูหน่วนไม่แม้แต่จะชายตามองอู่อี๋เหนียง ไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าในสายตาของกู้ชูหน่วน นางเป็นเพียงอะไรสักอย่างที่ด้อยยิ่งกว่ามดปลวก

ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นดูถูกเช่นนี้ ทั้งยังเป็นการดูถูกจากคนที่นางเกลียดชังมากที่สุดทำให้อู่อี๋เหนียงเจ็บใจเป็นอย่างมาก

นังเด็กสารเลว ให้นางไปบูชานังแม่แพศยาของนางแค่ครั้งเดียว อุปนิสัยใจคอถึงกับเปลี่ยนไปหมดเชียวรึ

“เหตุใดเจ้าจึงต้องทุบตีซย่าอวี่จนถึงตาย เหตุใดจึงต้องทุบตีอู่อี๋เหนียงของเจ้า” อัครเสนาบดีกู้ถามด้วยสีหน้าอึมครึม เลือกที่จะเพิกเฉยต่อคำพูดของกู้ชูหน่วนเมื่อครู่นี้

“ตอนที่ท่านถามคำถามนี้กับข้า ท่านควรจะถามอู่อี๋เหนียงสุดที่รักของท่านก่อนไหมว่าในช่วงหลายปีมานี้นางทำอะไรข้าไว้บ้าง อ่อ ไม่ว่าข้าจะถูกรังแกอย่างไร ในสายตาของท่านก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอยู่ดีสินะ”

“เจ้ากำลังตำหนิข้างั้นรึ”

“ตำหนิ? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็คงเป็นการตำหนิ แต่ตอนนี้ ท่านไม่ได้คู่ควรเลย”

ฮึ่ม…

ทุกคนตะลึงงัน

กู้ชูหน่วนบ้าไปแล้วหรือ

คิดไม่ถึงว่าจะกล้าท้าทายนายท่านซึ่งๆ หน้าอย่างนี้

ชิวเอ๋อร์ตัวสั่นเทิ้ม ในใจรู้สึกร้อนรนราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน

จบแล้ว จบเห่แล้ว ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมแล้ว

อัครเสนาบดีกู้โกรธมากและหัวเราะออกมา “ดีๆๆ ดีมาก ข้าให้กำเนิดบุตรสาวที่ดี บุตรสาวที่ทุบตีคนใช้จนตาย ทุบตีอนุภรรยาข้า รังแกน้องสาว ตบหน้าองค์หญิง ชกหน้าอาจารย์ ไม่กลับเรือนตลอดทั้งคืน มาตอนนี้ยังกล้าเถียงกับข้า ยอดเยี่ยมมาก ถ้าวันนี้ข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ ข้าคงไม่ใช่คนตระกูลกู้ พวกเจ้ามานี่ มาเอาตัวนางไป”

ชิวเอ๋อร์คุกเข่าลงโดยฉับพลันและโขกหัวลงกับพื้น

“นายท่านโปรดเมตตา คุณหนูรู้แล้วว่าตัวเองผิด คุณหนูกลับมาคราวนี้ก็เพื่อยอมรับผิดกับท่าน ขอนายท่านโปรดยกโทษให้คุณหนูด้วย คุณหนูจะไม่กระทำผิดอีกเป็นแน่เจ้าค่ะ”

“เจ้าบังอาจขนาดนี้เลยหรือ ทั้งหมดเป็นเพราะมีบ่าวเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง มา มาลากบ่าวชั่วผู้นี้ออกไปก่อน โบยนางให้ตาย จากนั้นจึงค่อยโบยคุณหนูสามห้าสิบที”