ตอนที่ 484 โลกมิติซ้อนทับ

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

เสี้ยววินาทีแรกเสียงของซิงอ้านดังมาจากยอดเขาพระสุเมรุ แต่เสี้ยววินาทีถัดมา เสียงของเขาก็ดังต่ำลงมาอีก เขากำลังไล่ล่าตามพวกเขา

เขาไม่สนใจเรื่องว่าจะสังหารศัตรูได้หรือไม่ แต่หีบของเขานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

โทสะในน้ำเสียงของเขาปิดบังเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเขาหัวเราะ “เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

ข้างใต้หีบ ผานกงสั่วพึมพำเสียงกระซิบ “ไอ้เด็กร้ายกาจนี่มันขวัญกล้าที่สุดแล้วล่ะ…”

“เจ้าถึงกับกล้าสมคบคิดกับผู้แซ่ฉินเพื่อขโมยหีบของข้า! ผู้สูงศักดิ์ เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

เสียงของซิงอ้าน บางครั้งก็มาจากทางซ้าย บางครั้งก็มาจากทางขวา เห็นได้ชัดว่าภายใต้การรุกรานของความมืด เขาไม่อาจหาตัวฉินมู่และตำแหน่งของหีบได้ ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปทางโน้นและทางนี้ ถึงอย่างไร ด้วยความเร็วของเขา การค้นหาในรัศมีหนึ่งพันลี้นั้นไม่ใช่ปัญหา

ตามหาฉินมู่และหีบใหญ่พบหรือไม่ขึ้นกับเวลาเท่านั้น

“เจ้าคิดว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรือ เจ้ามันตื้นเขินเกินไป!” เมื่อซิงอ้านเริ่มต้นพูด เสียงของเขาดังมาจากหนึ่งร้อยลี้ทิศตะวันตก แต่เมื่อกล่าวจบ เขาก็มาจากหนึ่งร้อยลี้ทิศใต้

สีหน้าผานกงสั่วเขียวคล้ำ และเขากัดฟันกรอด “นี่จะเป็นความผิดข้าได้อย่างไร ข้าไม่ได้ร่วมมือกับเขาขโมยหีบของเจ้า ข้าแค่ฉวยโอกาสนี้หลบหนีไปด้วยเท่านั้น!”

บนหีบ ฉินมู่ตื่นตระหนก ซิงอ้านสามารถขจัดเทพหมอผีขุยได้เร็วขนาดนี้เชียว? กำลังฝีมือของเขาน่าสะพรึงกลัวสุดๆ!

ข้างใต้หีบ ผานกงสั่วพึมพำกับตนเอง “อาจารย์ของข้านับว่าเฒ่าเพราะอยู่นานแต่ไร้ประโยชน์จริงๆ…แต่ทว่าซิงอ้านจะยังไม่สามารถขจัดจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาเพื่อให้กลายเป็นของสะสมได้ในเวลาอันสั้น จ้าวลัทธิฉิน ข้ามีความคิดดีๆ ที่จะกำจัดทั้งอาจารย์ของข้าและซิงอ้านไปได้ในเวลาเดียวกัน!”

ฉินมู่กล่าวมาจากบนยอดหีบ “ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร เจ้ากะจะไปที่ภูเขาหยางในทิศใต้ของแดนโบราณวินาศเพื่อคลายผนึกกายเนื้อของเทพหมอผีขุย ซิงอ้านนั้นยังไม่ทันขัดเกลาจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา ดังนั้นข้าคะเนว่าเขาจะต้องแยกทารกวิญญาณออกจากดวงวิญญาณ และสะกดข่มเอาไว้คนละแห่ง”

“ถึงอย่างไรเทพหมอผีขุยก็เป็นเทพเจ้าตนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเขาได้ร่างเนื้อกลับคืนมา เขาก็อาจจะสามารถเป็นอิสระจากการสะกดข่มของซิงอ้านได้ เทพหมอผีขุยที่มีร่างครบสมบูรณ์คงไม่อ่อนด้อยไปกว่าซิงอ้าน แต่จะแข็งแกร่งกว่า ข้าพูดถูกหรือไม่”

ผานกงสั่วผงกหัวเหมือนไก่จิกข้าวเปลือก ก่อนจะตระหนักว่าฉินมู่มองไม่เห็นกิริยาของเขา

“จ้าวลัทธิฉินสมแล้วกับที่เป็นศัตรูอันยิ่งใหญ่ของข้า!” เขาเอ่ยชม “จ้าวลัทธิ มีศัตรูอย่างเจ้าแม้แต่เวลานอนข้าก็คงจะฝันร้าย”

“จ้าวลัทธิ ข้าว่าเขาด่าทอท่านแน่ะ” กิเลนมังกรบอก

“มันเป็นคำชมใหญ่โตต่างหาก แต่ทว่าหากซิงอ้านไม่อาจต่อสู้กับเทพหมอผีขุยที่มีร่างครบสมบูรณ์ได้ อันตรายที่ทุกคนเผชิญก็จะใหญ่หลวงเกินคะเน และนั่นจะน่าสะพรึงกลัวอย่างสุดขั้ว แต่หากว่า…”

เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล หากซิงอ้านเพิ่มจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยเอาไว้ในของสะสมของเขา นั่นก็จะเป็นมหันตภัยเช่นกัน

หากว่าซิงอ้านสามารถขัดเกลาจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยให้เป็นของตนได้ มิใช่ว่าเขาจะฆ่าใครก็ได้ดั่งใจหรอกหรือ แน่ล่ะ ซิงอ้านก็มีหลักการของเขา เขาไม่แตะต้องผู้คนที่ไม่สะดุดตาเขา อย่างผู้คนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญใดๆ เข้าเขตขั้นเทวะ!

ด้วยงานอดิเรกของเขา ยอดฝีมือทั้งหมดที่ไปถึงเขตขั้นเทวะก็คงถูกเขาสักการะดวงวิญญาณจนตายไป เพื่อให้เขาได้ตัดชิ้นส่วนอวัยวะเทพเจ้าออกมาอย่างราบรื่น

นี่ก็จะต้องเป็นภัยพิบัติอย่างแน่นอน และผลกระทบต่อมรรคา วิชา และทักษะเทวะก็คงจะเกินจะคาดหยั่ง

“หากว่าทั้งสองคนนี้สามารถตกตายไปด้วยกันได้ นั่นก็คงดีเยี่ยม…”

ฉินมู่ถอนหายใจและยอมรับแผนการของผานกงสั่ว เขาเร่งให้หีบวิ่งตะบึงไปทางทิศใต้

“พวกเจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”

เสียงของซิงอ้านบางครั้งก็ใกล้ บางครั้งก็ไกล ความมืดของแดนโบราณวินาศยามค่ำคืนนั้นมืดทึบเสียขนาดที่ว่าด้วยกำลังฝีมืออันเลิศล้ำอย่างเขา ก็ยังไม่อาจเสาะหาร่องรอยของคณะหลบหนีได้

ไม่นานนัก ฉินมู่ก็มองเห็นเงาของร่องเหวสวรรค์ตรงหน้าหีบ เสียงน้ำดังซู่ซ่ามาจากความมืด และจากเสียงเหล่านั้น เขาก็คะเนได้ว่ามันมีน้ำตกมากกว่าหนึ่ง

พวกเขาอยู่ตรงหน้าหน้าผาอันตรายร้ายกาจ

“เอ๊ะ นี่มันคือหน้าผาขาดที่แหล่งธารแม่น้ำหย่ง!”

ฉินมู่ให้หีบไปที่ขอบหน้าผาเพื่อให้พวกเขามองลงไปได้ จากที่นั่น เขาเห็นแสงเจิดจ้าส่องออกมาจากผนังผา เขาไม่รู้ว่ามันส่องออกมาจากอะไร

หัวใจของเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อย ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่ เขาได้พาเสียงซีอวี่กับบุตรสาวของนางมาด้วย ในตอนนั้น เขาได้เห็นร่องเหวสวรรค์แยกเขตตะวันออกและตะวันตกของแดนโบราณวินาศออกเป็นสองเสี่ยง ความสูงของหน้าผานั้นสูงกว่าพันห้าร้อยวา

มันเป็นหน้าผาที่ก่อขึ้นมาจากแผ่นดินไหวอันน่าสะพรึงกลัว ที่ได้ฉีกทั้งแดนโบราณวินาศแยกออกจากกัน สร้างรอยร้าวฉานมหึมาที่พาดยาวจากทิศเหนือไปทิศใต้

ต้นธารของแม่น้ำหย่งนั้นเป็นน้ำตกจำนวนมากอันตกลงมาจากหน้าผาขาด น้ำตกพวกนั้นรวบรวมเข้าด้วยกันเพื่อก่อเป็นแม่น้ำอันยิ่งใหญ่ที่เหยียดยาวไปไกลหลายหมื่นลี้ ยาวไปถึงจักรวรรดิสันตินิรันดร์อันเป็นแม่น้ำที่มีกระแสเชี่ยวกรากที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินมู่ก็ได้ประสบเหตุการณ์ประหลาด

เมื่อเขากับเสียงซีอวี่พบกับหมอกบนแม่น้ำ พวกเขาก็มองเห็นทะเลทรายและเทพเจ้ามากมายที่กำลังหลอมสร้างปราสาทราชวังให้กับเทพสูงส่ง พวกเขาล้วนแต่เป็นเทพเจ้าแห่งยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง ผู้ซึ่งได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิสูงส่งให้เปลี่ยนทะเลทรายกลายเป็นที่ราบลุ่ม หลังจากนั้น พวกเขาก็เห็นทวยเทพแห่งยุคจักรพรรดิสูงส่งกรุยดินสร้างทางเดินแม่น้ำหย่ง

แต่ทว่า ที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือเมื่อพวกเขาเห็นจุดจบของยุคสมัยจักรพรรดิสูงส่ง เทพเจ้าอีกกลุ่มจากอีกยุคสมัยก็ก้าวออกมาจากมวลหมอก

พวกเขาคือจักรพรรดิก่อตั้งและข้าราชบริพาร ซึ่งกำลังประสบกับหมอกประหลาดขณะที่พวกเขาสำรวจพื้นที่นี้ และก็ได้ทอดถอนใจต่อการสิ้นสุดของยุคสมัย

นี่นับว่าเป็นประสบการณ์ประหลาดพิสดารที่สุดที่ฉินมู่เคยพบเห็น

เสียงสะท้อนจากประวัติศาสตร์สองช่วงเวลาซ้อนทับกันที่ต้นธารแม่น้ำหย่ง และก่อขึ้นมาเป็นภาพอันยากจะเข้าใจ

ในเวลานั้นฉินมู่ได้อนุมานว่าอาจจะมีทางเข้าไปยังโลกมิติอื่นในบริเวณนี้ และแม้กระทั่งได้เห็นกับตาว่ากาลและอวกาศของห้าโลกมิติกำลังซ้อนทับกันอยู่

ข้าสงสัย จะเกิดสิ่งประหลาดอะไรขึ้นเมื่อยามกลางคืนมาถึงต้นธารแม่น้ำหย่ง

เขานั้นกระสับกระส่าย แต่ในขณะเดียวกันก็นึกอยากรู้อยากเห็น เขาให้หีบของซิงอ้านเดินลงไปจากหน้าผา และผานกงสั่วที่อยู่ใต้หีบก็รีบคว้าจับขาหีบเอาไว้ข้างหนึ่งทันทีเพื่อมิให้ร่วงลงไป

ในเวลาเดียวกันนั้น บนยอดเขาทองคำเขาพระสุเมรุน้อยแห่งวัดน้อยฟ้าคำราม ยูไลน้อยนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิดอกบัวขณะที่หลวงจีนทั้งหมดห้อมล้อมเขาด้วยความเศร้าโศกเปื้อนใบหน้า ลิงยักษ์อสูรคุกเข่าอยู่ด้วยดวงตาอันลืมโพลง ทันใดนั้น น้ำตาก็เริ่มหลั่งไหลจากแก้มของเขาร่วงเปาะๆ ลงกับพื้น

“ข้าได้กบฏและออกมาจากวัดใหญ่ฟ้าคำรามเพราะอาจารย์ของข้าไม่ยุติธรรม เลือกศิษย์พี่ของข้าสืบทอดตำแหน่งยูไลแทนที่จะเป็นข้า ในเมื่อสรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน ทำไมมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่จะได้ยูไล มิใช่ปีศาจ ในเมื่อธรรมะล้วนเท่าเทียมกัน ทำไมยูไลจึงเป็นได้แต่บุรุษ มิใช่สตรี”

รังสีแสงส่องบนใบหน้าของยูไลน้อยเมื่อเขาแย้มยิ้ม “วรยุทธของข้ามิได้ด้อยไปกว่าศิษย์พี่ และข้าก็ไม่ชมชอบธรรมะของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นหนักหนา ดังนั้นข้าจึงแค้นเคือง ข้าต้องการที่จะสร้างแดนศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เผ่าปีศาจ ข้าต่อสู้ฆ่าฟันออกมาจากวัดใหญ่ฟ้าคำรามเพื่อก่อตั้งวัดน้อยฟ้าคำราม ฟ้าคำรามใหญ่ ฟ้าคำรามน้อย–ก็ล้วนแต่เสียงสายฟ้า”

“แม้ว่าทั้งสองจะอรรถาอธิบายธรรมะอย่างแตกต่างกัน แต่ทั้งคู่ก็เป็นธรรมะ เทพหมอผีขุยได้สักการะดวงวิญญาณข้าจนตาย และข้าไม่มีความสามารถระดับซิงอ้าน ดังนั้นดวงวิญญาณของข้าจึงกำลังจะแตกสลาย จ้านคง นำไม้เท้าขักขระมา”

ลิงยักษ์อสูรคุกเข่าลงด้วยไม้เท้าขักขระที่เขาชูสูงขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง

“ศิษย์พี่ของข้าถ่ายทอดพระสูตรมหายานยูไลให้แก่เจ้าเพราะไม้เท้าขักขระ และเพราะว่าเขา ข้าจึงได้รับเจ้ามาเป็นศิษย์ วัดใหญ่ฟ้าคำราม วัดน้อยฟ้าคำราม เพราะตัวเจ้า ทั้งสองจึงจะเกี่ยวพันกันอีกครั้ง”

ยูไลน้อยยกมือขึ้น และไม้เท้าขักขระก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ “เจ้าเป็นศิษย์น้องของยูไลหม่าแห่งวัดใหญ่ฟ้าคำราม หลังจากที่ข้าตายไป จงนำหลวงจีนทั้งหมดบนภูเขาไปยังวัดใหญ่ฟ้าคำราม ยูไลหม่าจะรับพวกเจ้าเอาไว้ทั้งหมด”

เขาถอดผ้ากาสาวพัสตร์และพระสูตรเล่มหนึ่งออกมา หลังจากที่วางพระสูตรไว้บนกาสาวพัสตร์ เขาก็ยกมันให้แก่ลิงยักษ์อสูร ไม้เท้าพลันร่วงลงมาและทับลงไปบนพระสูตร

“บอกยูไลหม่าเช่นนี้ สรรพชีวิตล้วนเท่าเทียมกัน ไฉนรูปสลักของเผ่าปีศาจในวิหารจึงเป็นเพียงสัตว์ขี่ของพุทธเจ้าและโพธิสัตว์อยู่เสมอ ไม่ใช่ว่าเผ่าปีศาจเราก็เท่าเทียมกันหรอกหรือ”

ดวงจิตและดวงวิญญาณของยูไลน้อยเริ่มแตกแยกออกจากกันและล่องลอยออกไป “จากนั้นถามเขา หากว่าเผ่าปีศาจล้วนเท่าเทียม ทำไมธรรมะถึงถูกเขียนโดยมนุษย์เท่านั้น ปีศาจไม่สามารถเขียนธรรมะได้หรือ”

“หลังจากนั้น ถามเขาอีก ช่วยชีวิตมนุษย์เป็นกุศลผลบุญ ดังนั้นการช่วยชีวิตปีศาจไม่นับว่าเป็นกุศลผลบุญเช่นกันหรือ”

“ถามเขา หากกินมนุษย์เป็นการพรากชีวิต แล้วการกินปีศาจนับเป็นการพรากชีวิตเช่นกันหรือไม่ พืชพันธุ์ พฤกษา พวกมันล้วนแต่สามารถกลายเป็นปีศาจ ดังนั้นกินพวกมันไปนับเป็นการพรากชีวิตเช่นกันไหม”

“หากว่าเขาตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้ มอบพระสูตรนี้ที่ข้ายูไลปีศาจเป็นผู้เขียนให้แก่เขา เขาก็จะรับพวกเจ้าเข้าไปทั้งหมด”

ยูไลน้อยประนมมือเข้าด้วยกันและกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “หลังจากที่ข้านิพพาน นำเอากายเนื้อนี้ของข้าไปยังวัดใหญ่ฟ้าคำราม ถามยูไลหม่าว่าข้าสามารถเข้าเจดีย์หมื่นพุทธด้วยได้หรือไม่” เมื่อเขากล่าวจบ ดวงวิญญาณของเขาก็กระจัดกระจายไป

“ปีศาจ อาจารย์!”

ลิงยักษ์อสูรหมอบลงกับพื้น และหลวงจีนทั้งหมดก็ท่องมนตร์มหากรุณาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ยูไลน้อยก่อตั้งวัดน้อยฟ้าคำรามด้วยกำลังของเขาเอง และได้ทำให้มันกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเดียวแห่งเผ่าปีศาจ” ซวีเซิงฮวากล่าวด้วยเสียงเบา “ไม่มีเผ่าปีศาจในธรรมะ แต่กระนั้นเขาก็ทำให้เผ่าปีศาจมีธรรมะเป็นของพวกเขาเองได้ กรอบคิดจิตใจเช่นนี้จะไม่เป็นยูไลได้อย่างไร เอี้ยนจื่อ ข้าอยากจะไปพบเห็นพุทธเจ้าของเผ่ามนุษย์และพุทธเจ้าของเผ่าปีศาจ”

“ข้าจะตามท่านไปวัดใหญ่ฟ้าคำราม ในเมื่อเจ้าตัวใหญ่จะพาหลวงจีนปีศาจทั้งหมดเดินทางข้ามแดนโบราณวินาศ การจาริกของพวกเขาคงเต็มไปด้วยอันตราย พวกเราก็จะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้” จิงเอี้ยนกล่าว

“ในวัดน้อยฟ้าคำรามมียอดฝีมือมากมายเต็มไปหมด ดังนั้นการจาริกข้ามแดนโบราณของพวกเขาคงไม่อันตรายเท่าใดนัก แต่ผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ น่าจะเป็นจ้าวลัทธิฉิน เขาขโมยหีบของซิงอ้านและถึงกับพาผู้สูงศักดิ์ไปด้วย จ้าวลัทธิฉินผู้นี้…”

เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาบนหน้าผากของเขา ส่วนจิงเอี้ยนนั้นเพียงแค่แย้มยิ้ม “ท่านอิจฉาเขามากๆ ใช่ไหม อิจฉาที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างน่าสนใจ?”

ซวีเซิงฮวาพยักหน้า “แต่ทว่า ข้านั้นไม่เหมือนกับเขา แม้ว่าข้าจะอิจฉาเขา แต่ข้าก็ไม่หวังใจที่จะต้องฟันฝ่าไปในชีวิตแบบนั้น ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะรอดพ้นเรื่องนี้ไปได้”

หีบใหญ่ส่องแสงลางเลือน ขณะที่มีสิ่งเล็กๆ มากมายที่เรืองแสงอยู่บนหน้าผาเช่นกัน ความมืดครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในสถานที่นี้กลับมีแสงสว่าง อันทำให้ฉินมู่ต้องเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง

หีบหยุดไต่ลงหน้าผาเมื่อมันมาถึงจุดที่มีแสงส่องออกมา ฉินมู่เพ่งพิศดูอย่างละเอียด และอดไม่ได้ที่จะเผยความตื่นตระหนกออกมาบนใบหน้า

ลูกกลมแสงนี้มิได้เปล่งออกมาจากสิ่งมีชีวิตหรือสมบัติใดๆ สิ่งที่ฉายส่องออกมาจากรอยแยกในหน้าผานั้นกลับเป็นแสงอาทิตย์จริงๆ!

ฉินมู่เอนเข้าไปใกล้รอยแยกและพยายามที่จะส่องเข้าไปข้างใน เขาเห็นที่ราบลุ่มสีเขียวท้องฟ้ากระจ่าง และดวงตะวันอันแรงกล้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ

ผานกงสั่วก็มองไปยังอีกรอยแยกหนึ่งและแตกตื่นอย่างพูดไม่ออก

เมื่อกิเลนมังกรเห็นเช่นนั้น เขาก็ไปมองดูเช่นกัน จากนั้นก็ถามด้วยความงงงวย “มีโลกมิติอื่นซ่อนอยู่ในหน้าผาขาดนี่หรือ”

“ไม่ใช่ว่ามีโลกซ่อนอยู่หรอก แต่รอยแยกในหน้าผาขาดนั่นต่างหากที่เชื่อมต่อไปยังอีกโลกหนึ่ง” ฉินมู่พยายามส่องในมุมต่างๆ กัน แต่ก็ไม่อาจเห็นอะไรเพิ่มเติม “ข้ารู้ว่าสถานที่นี้ต้องพิสดารพันลึก ในเมื่อมีโลกมิติห้าแห่งซ้อนทับกัน…ชู่ว!”

ทันใดนั้น ลำแสงอันหนาใหญ่สองลำก็ยิงตรงลงมาจากยอดผา ส่งเสียงหึ่งฮัมเมื่อเฉียดผ่านพวกเขาไป ลำแสงทั้งสองนั้นไม่สังเกตเห็นพวกเขาที่เกาะอยู่บนผนังผา

ดวงตาของซิงอ้าน!

ฉินมู่ระบายลมหายใจออกมาเมื่อสองลำแสงพลันแยกออกจากกันราวๆ ร้อยลี้ิ ลำแสงนั้นส่องไปบนหน้าผาและค่อยๆ ค้นหาไปที่ละส่วน!

ฉินมู่ตกตะลึง “ซิงอ้านควักดวงตาของเขาออกมา และตอนนี้พวกมันกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าเพื่อค้นหาตำแหน่งของพวกเรา!”

ขนหัวเขาลุกจนหนังหัวชา และเขาก็สั่นเทิ้มเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

“จ้าวลัทธิฉิน ตรงนั้นมีรอยแยกใหญ่!” ผานกงสั่วกล่าว

ฉินมู่รีบเคลื่อนหีบไปยังจุดที่เขาชี้ และพวกเขาก็มุดเข้าไปในรอยแยกใหญ่นั้น

…………………