ตอนที่ 32 กลายเป็นจริง

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

และในขณะเดียวกัน เมล็ดพันธุ์ที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เพาะไว้อยู่อีกเมล็ดไม่เพียงแต่ได้งอกเงยขึ้นมา แต่กลับเจริญเติบโตขึ้นอย่างงดงาม…จิงอิ๋งและหลิงลี่เด็กสาวทั้งสองคนนั้นได้ ‘ยอมรับผิด’ ต่อหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างรู้ความ

จิงอิ๋งและหลิงลี่ตามกลุ่มของหลิงหลงมาเรือนสดับวายุติดๆ เพียงแต่เด็กทั้งสองคนก็รู้ดี หากปรากฏตัวขึ้นในยามที่

หลิงหลงพบกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ย่อมต้องมิพ้นถูกหลิงหลงเกลียด แม้หลิงหลงอาจจำจะเรื่องไม่ได้ในภายหลัง แต่คนที่ฉลาดเป็นกรดอย่างอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็คงจะเผลอพูดออกมาในยามที่ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ กับหลิงหลงอยู่ดี และในยามที่ไม่ได้ตั้งใจนั้นก็ย่อมเป็นตอนที่พวกนางจะต้องทำอะไรผิดไปสักอย่าง ความแค้นจำพวกนี้ระหว่างพวกนางมีมากมายจนแทบไม่ต้องเอ่ยถึง

ดังนั้น หลังจากที่เด็กทั้งสองคนเห็นพวกของหลิงหลงเข้าไปในเรือนสดับวายุ ก็ไล่ตามกำแพงเรือน หามุมลับตาผู้คน ก่อนจะกระโดดข้ามกำแพงเข้าไป และแน่นอนว่า วรยุทธ์ของเด็กทั้งสองคนก็ไม่ได้ธรรมดา แม้แต่ฝุ่นที่จับตัวอยู่ยังไม่อาจกระเพื่อม ทั้งยังเลือกสถานที่ได้อย่างยอดเยี่ยม…และในยามที่ทั้งสองคนแอบเข้าไปหลบอยู่หลังพุ่มดอกไม้ หลิงหลง อู๋เลี่ยนเยี่ยน และพวกแม่นมก็ถูกเชิญเข้าไปในเรือนแล้ว เด็กทั้งสองคนก็พากันหัวเราะออกมาทันที

ในขณะที่ทั้งสองคนเตรียมจะเข้าไปใกล้ก็มีแม่นมผู้หนึ่งเดินออกมา จิงอิ๋งตาดี จึงมองออกทันทีว่าเป็นแม่นมตู้ แม่นมข้างกายของมารดาที่นางไม่ชอบมากที่สุด จิงอิ๋งเบ้ปากอย่างไม่ยินดีนัก เช่นนี้ก็ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้ง่ายๆ แล้ว

“เยียนหง เจ้าไปบอกจื่อหลัวให้มาหาข้าหน่อย!” แม่นมตู้เพิ่งพูดจบ ก็มีสาวใช้คนหนึ่งเดินออกมาจากห้องข้างๆ เพียงแต่น่าสงสารที่ใบหน้าล้วนเจื่อนไปหมด เห็นได้ชัดว่าเพิ่งถูกใครจัดการมายกใหญ่ จึงยังไม่ทันได้ฟื้นคืนท่าที

“แม่นม ท่านอย่าให้ข้าดันทุรังทำอย่างนั้นเลยนะเจ้าคะ!” เยียนหงกล่าวอย่างไม่ยินดี “พอเห็นข้าแล้ว ไม่แน่ว่าคนอื่นๆ อาจจะพูดอะไรบาดหูออกมาบ้างก็ไม่รู้”

“นังคนนี้นี่ ใครใช้ให้เจ้าถูกจับได้เล่า หากเจ้ามีไหวพริบสักหน่อย ก็คงไม่ถูกนำมาใช้เป็นเป้าเช่นนี้!” แม่นมตู้ใช้นิ้วจิ้มบนหน้าผากเยียนหง ก่นด่าอย่างคับแค้นใจ

“อย่างไรข้าก็ไม่ไป!” เยียนหงเริ่มรั้นขึ้นมา “ต่อให้ข้าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาทั้งนั้น ข้าเป็นคนที่ถูกไล่กลับมาแล้ว พรุ่งนี้ก็อาจจะถูกส่งออกไปหรือไม่ก็ต้องมาเป็นสาวใช้ระดับล่าง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปให้คนชิงชังเลยนะเจ้าคะ”

“นังโง่ไม่มีสมองคนนี้นี่!” แม่นมตู้จ้องนางเขม็งชั่วครู่ คล้อยหลังก็ลากเยียนหงไปหลังพุ่มดอกไม้ ทำเอาเด็กสองคนที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ตกใจจนแทบไม่กล้าขยับไปไหน หากยามนี้ถูกพบตัวเข้า ผลลัพธ์คงไม่ได้จบที่ถูกหลิงหลงหยอกล้อแน่ แต่กลับไปคงต้องถูกพวกผู้ใหญ่จัดการ ทั้งยังเป็นที่ตลกขบขันของพวกคนใช้ไม่จบไม่สิ้น

แม่นมตู้ไหนเลยจะคิดได้ว่ามีคนสองคนหลบอยู่ในพุ่มดอกไม้นี้ มองไปรอบๆ ก็กล่าวเสียงต่ำ “เจ้าโง่ ยามนี้คุณหนูใหญ่อยากพบคุณหนูตระกูลเยี่ยน ข้าเห็นว่าสีหน้าของคุณหนูใหญ่ไม่สู้ดีนัก คุณหนูอู๋ก็มาด้วยกัน คงมิวายมาหาเรื่องเป็นแน่ หากเจ้าอยากประจบคุณหนูตระกูลเยี่ยน ก็ล่วงหน้าไปบอกนางเรื่องที่คุณหนูใหญ่มาขอเข้าพบ ถือโอกาสกล่าวเตือนไปด้วย ใครจะรู้นางอาจจะรู้สึกดีขึ้นมา นำตัวเจ้ากลับไปก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสาวใช้ชั้นสองอย่างช่าจื่อได้ด้วย ภายหลังยังมีโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้น…”

“ข้าไม่อยากไปรับใช้ผู้หญิงคนนั้น แม่นม ข้าคิดดูแล้ว แค่เพิ่งเจอหน้า นางก็ไล่ข้ากลับมาเสียแล้ว แล้ววันหลังข้ายังจะเป็นอะไรได้ล่ะ? ข้าว่าข้าคงไม่มีหน้าจะเป็นสาวใช้ชั้นหนึ่งอะไรนั่นแล้ว!” เยียนหงกล่าวอย่างเคียดแค้น “เป็นเพียงแค่ลูกพ่อค้าผู้หนึ่ง กลับมาวางมาดเป็นผู้ลากมากดี แม่นม เยียนหงแต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนหนักแน่น ท่านได้โปรดชี้แนะข้าเถิด”

เยียนหงชัดแจ้งแก่ใจ ก่อนหน้านี้เพราะนางและช่าจื่อต่างได้รับผลกระทบจากแม่นมตู้ จึงได้รู้สึกกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เช่นนี้ กล่าวว่าไม่โทษก็เป็นไปไม่ได้ แต่ว่า เพียงแค่ประจบแม่นมตู้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ย่อมหางานที่ดีๆ ทำได้ ดีกว่าการที่จะถูกไล่กลับไปเช่นนี้อยู่หลายขุม

“เช่นนั้นก็ค่อยๆ กลับไปหาจื่อหลัว คนข้างกายของคุณหนูเยี่ยน นางเป็นคนฉลาดคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? ให้นางมาดูว่าใครต้องการพบคุณหนูเยี่ยน คุณหนูเยี่ยนจะยอมพบหรือไม่ ก็ให้นางตัดสินใจเอาเองเถิด” แม่นมตู้กล่าว

“เยียนหงรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร!” เยียนหงพยักหน้า นางเกลียดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทั้งยั้งเกลียดจื่อหลัวและลู่หลัวที่อยู่ข้างกายนางอีก หากไม่ใช่เพราะว่าสาวใช้สองคนนี้ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็คงไม่ไล่นางไปอย่างง่ายดายเช่นนี้หรอก!

เมื่อเห็นเยียนหงเดินเนิบช้าออกไปราวกับเต่า แม่นมตู้ก็ยิ้มอย่างพอใจออกมา ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องบอกกล่าวกับหลิงหลง แต่นางกลับบอกไปว่า “คุณหนู บ่าวส่งคนไปแจ้งให้คุณหนูเยี่ยนรับทราบแล้วเจ้าค่ะ เชิญคุณหนูรอสักพักนะเจ้าคะ!”

“แม่นมตู้ก็น่ารังเกียจเสียจริง” จิงอิ๋งกระโดดขึ้นมา นางรับไม่ได้ที่แม่นมพวกนี้ลอบทำเรื่องสกปรก แม้นางจะเคยทนทุกข์กับเรื่องเช่นนี้มาไม่น้อยก็ตาม โดยเฉพาะแม่นมหวังที่อยู่ข้างกายของหลิงหลง แม่นมหลินของพิงถิงและแม่นมหนิงคนข้างกายของฮูหยินใหญ่ แม่นมพวกนั้นล้วนแต่เป็นคนที่มีหนี้แค้นกับนาง! แม่นมตู้ยามปกติก็ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไร ที่แท้ก็เป็นคนจิตใจเลวทราม คิดจะประสงค์ร้ายต่อพี่สะใภ้ที่นางชอบ คอยดูละกันว่านางจะจัดการแม่นมผู้นี้อย่างไร!

“อย่าไปเชียว!” หลิงลี่ที่เข้าใจนางมากที่สุดรีบคว้าตัวนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ยอมให้นางได้กระโดดออกจากพุ่มดอกไม้

“ทำไมเล่า ก็จะทนมองนางทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้รึ นางประสงค์ร้ายต่อพี่สะใภ้นะ” จิงอิ๋งโมโหหลิงลี่ที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยากก็ยังไม่ยอมช่วยเหลือ โธ่เอ๊ย…เห็นความไม่เป็นธรรมอยู่ตรงหน้า ยังทำเป็นมองไม่เห็นอีก นางกล่าวอย่างไม่พอใจว่า

“จะปล่อยให้นางทำร้ายคนเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งคนที่นางคิดร้ายยังเป็นพี่สะใภ้ที่แสนดีขนาดนั้นอีก?”

“เจ้าบื้อ! หากเจ้ากระโดดออกไปตอนนี้ ใครจะเชื่อเจ้าเล่า?” หลิงลี่มองนางอย่างดูแคลน ทุกคนเอาแต่พูดว่าจิงอิ๋งเปลี่ยนไป แต่ไม่ว่านางจะมองอย่างไร จิงอิ๋งก็ยังเป็นคนบุ่มบ่ามที่ไม่มีสมองอยู่ดี

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ท้ายที่สุดจิงอิ๋งก็ยอมนั่งลงไปอย่างเชื่อฟัง รอหลิงลี่อธิบาย

“พวกเราไม่จำเป็นต้องรีบ รอดูพี่หลิงหลงไปเจอพี่สะใภ้ก่อน หากพี่หลิงหลงมาเพื่อสร้างปัญหา พวกเราก็ค่อยเปิดเผยตัวออกไป เป็นพยานว่าแม่นมตู้ประสงค์ร้าย แต่หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเราแค่เตือนพี่สะใภ้ก็น่าจะพอแล้ว” หลิงลี่กล่าวต่อว่า“พวกเราสองคนแอบเข้ามา หากยามนี้ถูกพบตัว ใครรู้เข้าเราอาจจะไม่สามารถพบพี่สะใภ้ได้?”

“เอาอย่างนั้นก็ได้!” จิงอิ๋งฝืนใจตอบตกลง นางไม่คิดจะมาเสียเที่ยว ไม่เจอคนเช่นนี้

ผ่านไปสักพักใหญ่ จื่อหลัวก็มา เมื่อเห็นหลิงหลงก็ยิ้มอย่างเริงร่า ก่อนจะรีบเดินจากไป คล้อยหลังไม่นานลู่หลัวกับช่าจื่อก็ออกมา นำทางหลิงหลงที่อารมณ์ไม่ดีและพวกอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่เสแสร้งกล่อมหลิงหลงไม่ให้โมโหเดินเข้าไปยังเรือนสดับวายุ เด็กสาวทั้งสองคนก็กระโดดออกจากพุ่มดอกไม้ ย่องเบาตามไปทันที แต่ก็พบเข้ากับเซียงเสวี่ยที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มเสียก่อน

“บ่าวคารวะคุณหนูรองเจ้าค่ะ!” เซียงเสวี่ยประสานมือคารวะจิงอิ๋งด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องมากพิธี! เซียงเสวี่ย รีบพาข้าไปหาพี่สะใภ้เร็วเข้า” จิ้งอิ๋งกล่าวอย่างดีใจ นางเคยพบกับเซียงเสวี่ยครั้งหนึ่งแล้ว ในตอนที่ใกล้จะถึงลี่โจวในวันนั้น แต่พี่สะใภ้เคยบอกไว้ว่า หากมีอะไรก็ฝากให้เซี่ยงเสวี่ยมาบอกนางได้ จิงอิ๋งจึงเชื่อใจเซี่ยงเสวี่ยมากเช่นกัน

“คุณหนูก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าคุณหนูรองต้องมาร่วมผสมโรง” คำพูดของเซียงเสวี่ยทำให้เด็กสาวทั้งสองคนมองหน้ากัน อดไม่ได้ที่จะร้อนตัว หรือพี่สะใภ้จะรู้ว่าพวกนางจะแอบเข้ามาก่อกวน?

“ดูท่าแล้วที่คุณหนูใหญ่มาคงเป็นเพราะคุณหนูรองสินะเจ้าคะ” แค่เซียงเสวี่ยเห็นท่าทีของพวกนางก็เดาได้เกือบสิบส่วนแล้ว นางจึงได้เป็นสาวใช้ที่เก่งกาจที่สุดในนั้นของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ เพียงแต่ไม่อาจเปิดเผยออกมาอย่างกระโตกกระตากได้เท่านั้น

หา? รู้แล้วจริงๆ สินะ!

“คุณหนูรอง คุณหนูของพวกเรากล่าวแล้วว่า ขอให้ท่านรีบกลับไป อย่าได้ไปพบนาง นางก็ไม่อาจพบท่านเช่นกัน” เซียงเสวี่ยก็ไม่ได้คิดจะทดสอบความกดดันกับเด็กสาวทั้งสองต่อ บอกกล่าวพวกนางไปอย่างตรงๆ ทันที

“ทำไมล่ะ?” จิงอิ๋งไม่เข้าใจ พี่สะใภ้ไม่ชอบนางแล้วหรือ?

“คุณหนูใหญ่ไม่ใช่ว่าพาคุณหนูอู๋ผู้นั้นมาด้วยหรือ? บางทีอาจจะคิดออกหน้าแทนคุณหนูอู๋ หาเรื่องคุณหนูของพวกเรา” เซียงเสวี่ยยิ้มตาหยี “หากคุณหนูใหญ่เป็นคนรู้ความ ไม่ได้คิดจะมาก่อเรื่อง คุณหนูของพวกเราก็ย่อมต้อนรับอย่างให้เกียรติ ตักเตือนนางให้กลับจวนแต่โดยดี มิเช่นนั้น คาดว่าคุณหนูใหญ่ก็คงต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว หากยอมให้ท่านเข้าไป ท่านจะปกป้องใครกันแน่ล่ะเจ้าคะ?”

“ก็ต้องเป็นพี่สะใภ้อยู่แล้วสิ! ท่านพี่เป็นฝ่ายมาหาเองนี่นา หากจะถูกดุจนร้องไห้ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว” จิงอิ๋งพูดออกไปแทบไม่ต้องคิด

 “เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับเป็นการทำลายความสัมพันธ์สองพี่น้องของพวกท่านหรือเจ้าคะ?” เซียงเสวี่ยแย้มยิ้มทั้งอธิบาย “ดังนั้น ท่านกลับไปจะเป็นการดีกว่านะเจ้าคะ เรื่องวุ่นวายเช่นนี้ไม่ต้องร่วมผสมโรงก็ได้เจ้าค่ะ”

“แต่ถ้าพี่สะใภ้…” จิงอิ๋งกังวลว่าหลิงหลงจะทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์เสียเปรียบ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลิงหลงก็เป็นคนที่รู้

วรยุทธ์ หากลงมือขึ้นมา…

“ท่านนี่นะ วางใจเถิดเจ้าค่ะ คุณหนูของพวกเราไม่เสียเปรียบแน่นอน” เซียงเสวี่ยกล่าวปลอบ ในใจรู้สึกดีขึ้นมา ไม่เลวเลย ไม่เสียแรงที่คุณหนูเอ็นดูนางถึงเพียงนั้น

“แต่ว่า…” จิงอิ๋งพูดถึงเรื่องราวที่แม่นมตู้ทำออกมาอย่างกังวล

เซียงเสวี่ยฟังนางกล่าวจนจบ ก็แทบจะไม่ใส่ใจสักนิด “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อย่างไรนี่ก็เป็นปัญหาเล็กๆ เท่านั้น คุณหนูของพวกเรารับมือได้แน่นอน แต่ว่า คุณหนูรองสามารถช่วยอะไรสักเรื่องได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่มีปัญหา!” จิงอิ๋งกล่าวอย่างมั่นใจ “มีเรื่องอันใดเจ้าก็พูดมาเถิด ข้าย่อมช่วยอยู่แล้ว”

“เช่นนั้น รบกวนคุณหนูนำเรื่องของแม่นมตู้นี้ไปบอกพ่อบ้านหวงจิ่วให้เขาช่วยจัดการหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ” เซียงเสวี่ยกล่าวทั้งยิ้มๆ “แต่ว่า หวงจิ่วอาจจะส่งคุณหนูรองกลับตระกูลซั่งกวนก่อนก็ได้นะเจ้าคะ หรือไม่ก็อาจจะบอกกล่าวเรื่องที่คุณหนูมาเรือนสดับวายุให้ฮูหยินซั่งกวนรับรู้!”

“ข้าเข้าใจแล้ว!” จิงอิ๋งพยักหน้า “ข้ารู้ว่าควรจจะทำอย่างไร!”

ดังนั้น จิงอิ๋งและหลิงลี่ที่ต้องการไปพบเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ถูกแม่นมพบเข้าโดย ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ จากนั้นก็แจ้งให้หวงจิ่วจัดการ พวกนางจึงได้นำเรื่องแผนของแม่นมตู้บอกหวงจิ่วด้วย ‘ความคับแค้นใจ’ ไม่ต่างจากที่คาดคิดเท่าใด พวกนางก็ถูกส่งกลับจวนให้ฮูหยินจัดการเป็นอันดับแรก คล้อยหลังพวกนางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาอีกครั้งหนึ่ง กล่าวว่า พวกนางได้ยินมาว่าหลิงหลงพาอู๋เลี่ยนเยี่ยนไปที่เรือนสดับวายุ เพื่อที่จะขัดขวางจึงติดตามไป ไม่คาดคิดว่าพวกหลิงหลงจะวิ่งไวราวกับกระต่าย ดังนั้นพวกนางจึงคิดจะปีนกำแพงเข้าไปสกัดไว้ แต่ไม่คาดคิดอีกว่าจะได้ยินแม่นมตู้ลอบวางแผนร้าย จึงคิดที่จะไปเตือนเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ทว่ากลับ ‘โชคร้าย’ ถูกพบตัวเข้าเสียก่อน…

หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกำลังจัดการเรื่องสำคัญเกี่ยวกับงานแต่งงาน ผู้ที่อยู่กับนางยังมีซั่งกวนฮ่าวและอนุภรรยาอู๋อีกด้วย ซั่งกวนฮ่าวย่อมเชื่อคำพูดของลูกสาวสุดที่รักอย่างไม่คิดสงสัยอันใด เขายิ่งรู้ชัดแจ้งว่าแม่นมตู้ทำงานให้ฮูหยินซั่งกวนในที่แจ้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับลอบรับใช้ฮูหยินใหญ่กับอนุภรรยาอู๋อยู่ ดังนั้น อนุภรรยาอู๋ที่ไม่ถูกต่อว่ามาหลายปีก็ถูกดึงออกมาเกี่ยวข้องด้วย ส่วนอู๋เลี่ยนเยี่ยนก็น่าเศร้า…มีคำสั่งให้ออกจากจวน!

เอ๋? เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ทั้งสองคนที่เป็นต้นเรื่องสบสายตามองกัน ล้วนแต่มองเห็นความงุนงงที่ปรากฏในดวงตาของอีกฝ่าย พวกนางไม่เข้าใจ เหตุใดเรื่องจึงเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นนี้? แต่ว่า…ในใจของทั้งสองคนล้วนมีความคิดอย่างหนึ่งวาบผ่านขึ้นมา เรื่องนี้จะปล่อยให้ถูกเปิดเผยไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้ว เหอะๆ อู๋เลี่ยนเยี่ยนต้องเกลียดชังพวกนางเป็นแน่ อนุภรรยาอู๋ก็คงมิวายหาทางแก้แค้นพวกนาง และหลิงหลงย่อมต้องโมโหจนกลายเป็นปีศาจมาจับพวกนางกิน…

————————————————