ตอนที่ 33 คำถามที่ต้องเลือก

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้คาดคิดว่าการมาพบนางจะเป็นการทำให้ถูกขับไล่ออกจากจวน เดิมทีนางก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยมาตลอดทาง เยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่สมควรตายผู้นั้นก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับหลิงหลงบ้าง สีหน้าของหลิงหลงดูไม่มีความสุขอยู่ตลอดเวลา นางพยายามพูดดีทุกวิถีทางแต่ก็หลอกถามอะไรไม่ได้เลย หลิงหลงเอนกายบนรถม้าอย่างหงุดหงิดแล้วหลับตาเพื่อพักผ่อน ไม่แม้นจะสนใจไยดีนางเลย

“นี่ต้องเป็นคำยุยงของผู้หญิงคนนั้นแน่!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนร่ำไห้อย่างเศร้าโศก ขณะที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ก็สังเกตหลิงหลงจากหางตาไปพลาง หากนี่เป็นท่าทางที่นางแสดงละคร นางก็เศร้าเสียใจมากจริงๆ เมื่อถูกไล่ออกไปละก็ ตลอดชีวิตที่เหลือของนางนี้ก็อย่าคิดจะก้าวเข้ามาได้อีก…หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่มีทางให้โอกาสนางได้ทำเช่นนั้นแน่

“ถ้าไม่มีหลักฐานอย่าด่วนสรุปไป” หลิงหลงไม่ได้ให้ท้ายนางในครั้งนี้ ทันใดนั้นนางก็นึกถึงคำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้

อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้อยู่ในสายตาของคนอื่นเลย การยุยงให้ท่านแม่ขับไล่อู๋เลี่ยนเยี่ยนออกไปจากตระกูลซั่งกวน จึงดูเหมือนไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น

อู๋เลี่ยนเยี่ยนอึ้งไปเล็กน้อย นางไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นเพียงการพบกัน หลังจากพูดอะไรบางอย่าง หลิงหลงมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมกับลูกสาวพ่อค้าที่ต่ำต้อยคนนั้น นางไม่ได้หักล้างคำพูดของหลิงหลงโดยตรง แต่ขยิบตาบอกเป็นนัยไปทางแม่นมหวังที่อยู่ข้างๆ หลิงหลง ให้แม่นมหวังช่วยพูด

หลิงหลงไม่เคยเป็นคนที่พิจารณาคำพูดและสังเกตสีหน้ามาแต่ไหนแต่ไร…นางเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซั่งกวน ไม่จำเป็นต้องมองดูสีหน้าผู้คน แต่คนอื่นๆ ต้องมองดูสีหน้าท่าทางของนาง

ในอดีต คงไม่เคยสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้แน่นอน แต่วันนี้แตกต่างออกไป เยี่ยนมี่เอ๋อร์ทุบคำถามมากมายของนาง ทุบเครื่องหมายคำถามในหัวของนาง เมื่อจบเรื่องแล้วคนอื่นยังจะพูดอะไรได้อีกก็ให้นางใช้สายตาที่น่าสงสัยค้นพบปัญหานั้นเอง ดูความจริงให้กระจ่างแจ้ง ดังนั้น หลิงหลงจึงพบเจอสายตาของทั้งสองคนที่ส่งให้กันโดยไม่ระวังตัวเลย

“คุณหนู ท่านลองคิดดูสิ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหนูตระกูลเยี่ยนพูดอะไร ต่อให้ฮูหยินจะไม่ชอบคุณหนูอู๋ จึงต้องการใช้โอกาสนี้ขับไล่คุณหนูอู๋ไปจากท่าน นายท่านก็ไม่เห็นด้วย ในตระกูลซั่งกวนใครจะไม่รู้ว่า คุณหนูอู๋สนิทสนมกับท่านมากที่สุด นอกจากคุณหนูอู๋แล้ว ท่านก็ไม่มีคนที่จะพูดความในใจด้วยได้ แบบนี้จะไม่ทำให้ท่านเสียใจหรอกหรือ?” แม่นมหวังไม่ทำให้

อู๋เลี่ยนเยี่ยนผิดหวัง นางพูดยุแยงทันที “ในสายตาของฮูหยินก็มีเพียงคุณหนูตระกูลเยี่ยนเท่านั้น นางดีกับคุณหนูตระกูลเยี่ยน มากแค่ไหน ทุกคนในจวนนี้ต่างรู้กันดี แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้ท่านไม่สบายใจเพราะนางเป็นเหตุใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นางก็เป็นมารดาบังเกิดเกล้าของท่าน นางทำเช่นนี้ไม่กังวลว่าท่านจะไม่สบายใจเลยหรือ?”

ขิงยังคงแก่และเผ็ดร้อน ครั้นแม่นมหวังพูดเช่นนี้ หลิงหลงที่ไม่ถูกเยี่ยนมี่เอ๋อร์ฝังปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ชื่อว่า ‘สงสัย’ จะต้องปะทุอารมณ์ออกมาเป็นแน่ นางจะต้องปกป้องอู๋เลี่ยนเยี่ยนก่อนโดยไม่สนใจอะไรแล้วค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ หลิงหลงรู้สึกเศร้าใจเท่านั้น ที่แท้เยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดถูกต้อง รอบตัวนางเต็มไปด้วยคนของอนุภรรยาอู๋กับอู๋เลี่ยนเยี่ยน แม่นมหวังเฝ้าดูนางเติบโตขึ้น นางควรจะรู้ดี ตามนิสัยใจคอของนาง เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่เพียงจะไม่คำนึงถึงผู้คนที่เอาใจใส่อยู่รอบข้าง แต่ยังบ่นตัดพ้อถึงบิดามารดาด้วย ทว่าด้วยการขยิบตาของอู๋เลี่ยนเยี่ยน นางจึงกล่าวคำแบบนั้นออกมาโดยไม่พะวงแต่อย่างใด

“แล้วแม่นม เจ้าคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดี?” หลิงหลงถามอย่างผิดหวังเล็กน้อย

ทั้งแม่นมหวังและอู๋เลี่ยนเยี่ยนต่างรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลิงหลงควรโกรธมากแล้ว ‘แก้ตัว’ ให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ใช่หรือ? นางจะถามประโยคแบบนี้อย่างหงอยเหงาเศร้าซึมได้อย่างไร?

“คุณหนู ท่านมีความคิดเห็นของตนเองมาโดยตลอด ท่านต้องมีข้อสรุปสุดท้ายในใจว่าจะทำอย่างไร บ่าวจะเข้าไปก้าวก่ายได้อย่างไรกันเล่า?” แม่นมหวังเปลี่ยนทิศทางลมไปอย่างรวดเร็ว

“ข้าจะไปพบท่านพ่อท่านแม่ แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เลี่ยนเยี่ยน เจ้าก็ไม่ต้องไปหรอก ถ้าท่านพ่อเห็นเจ้าแล้วให้คนส่งเจ้าออกจากจวนไปเสียดื้อๆ มันจะไม่ดี” หลิงหลงรู้สึกเหนื่อยมาก แต่จะให้นางเห็นอู๋เลี่ยนเยี่ยนถูกส่งออกไปอย่างหน้าตาเฉย นางก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“คุณหนู ข้ารู้ว่าท่านดีกับข้า!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “แต่เรื่องนี้เป็นคำสั่งของนายท่านกับฮูหยิน ท่านจะให้นายท่านกับฮูหยินเปลี่ยนใจละก็ จะต้องล่วงเกินพวกเขาแน่นอน ถ้าท่านถูกลงโทษด้วยเพราะเหตุนี้ ข้าจะละอายใจจนตาย ท่านก็ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ปล่อยให้ข้าไปตามยถากรรมเถิด”

นางบอกว่าจะขอให้บิดามารดาถอนคำสั่งงั้นหรือ?

หลิงหลงมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่ร้องไห้ฟูมฟายอย่างไร้ความรู้สึกแต่กลับใจดีมากจริงๆ ขณะที่วางกลอุบายหลอกก็เกลี้ยกล่อมไม่ให้นางมาใส่ใจ ที่แท้นางก็เป็นคนแบบนี้งั้นหรือ? ทันใดนั้นหลิงหลงก็ไม่จดจำอีกเลย

“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร คุณหนูพูดแทนเจ้าไม่ได้หรอก” แม่นมหวังตำหนิอู๋เลี่ยนเยี่ยนแล้วพูดว่า “เจ้าอยู่กับคุณหนูมานานขนาดนั้น ไม่รู้หรือว่าคุณหนูมีความเมตตามากที่สุด? ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้ถ้าคุณหนูไม่ได้ปกป้องเจ้า แล้วยังจะมีใครปกป้องเจ้าได้อีก? เดี๋ยวอนุภรรยาอู๋ต้องถูกฮูหยินดุจนมิกล้าพูดเป็นแน่!”

นี่เป็นการบังคับให้นางออกหน้าเพื่ออู๋เลี่ยนเยี่ยนใช่หรือไม่? จู่ๆ หลิงหลงก็รู้สึกเศร้าสลด เมื่อมองไปที่ม่านชิงกับสาวใช้ชั้นสามอีกคนหนึ่งที่ชื่อสุ่ยเซวียน พวกนางต่างใบหน้าเปื้อนยิ้ม และไม่มีใครสักคนเตือนนางผู้เป็นนายว่าอย่าหุนหันพลันแล่น

“แม่นม ท่านแม่ไม่ได้เรียกพบเจ้ามานานแล้ว เจ้าก็พาเลี่ยนเยี่ยนกลับไปรอข่าวของข้าก่อน” หลิงหลงไร้เรี่ยวแรงมาก นางไม่อยากไปพบท่านพ่อท่านแม่เลย ไม่ต้องการพูดถึงอู๋เลี่ยนเยี่ยนต่อหน้าพวกเขา แต่นางยิ่งไม่อยากให้สองคนนี้แสดงละครต่อหน้านาง นางเหนื่อยมากจริงๆ

“งั้นพวกเราขอกลับไปก่อน” แม่นมหวังขานรับทันที แล้วพูดอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า “คุณหนู ท่านอย่าหุนหันพลันแล่น อย่าล่วงเกินนายท่านกับฮูหยินนะเจ้าคะ”

“ข้ารู้แล้ว!” หลิงหลงพยักหน้า แล้วเดินไปหาบิดามารดาด้วยความเหนื่อยล้าไปทั้งกาย

ก่อนที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนกับแม่นมหวังจะออกจากเรือนของหลิงหลงก็ถูกซีอวี่สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ อนุภรรยาอู๋หยุดไว้ แม่นมหวังกลับไปยังเรือนของหลิงหลงเอง ในขณะที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนถูกเรียกให้ไปกับอนุภรรยาอู๋

“คำเตือนของข้าเจ้ายังทำเป็นหูทวนลมอีกหรือ?” อนุภรรยาอู๋มองไปที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนด้วยใบหน้าผิดหวัง เจ็บใจที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้แล้วพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าก่อเรื่องเข้าแล้ว!”

“จะให้ข้ามองดูพวกเขาขับไล่ข้าออกไปตาปริบๆ โดยไม่ทำอะไรเลยหรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมองไปที่อนุภรรยาอู๋อย่างโกรธเคืองแล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะข้ายุยงให้คุณหนูใหญ่ไปที่เรือนสดับวายุ ข้าคงจะถูกไล่ออกไปแล้วตอนนี้! ส่วนท่าน ท่านป้าสุดที่รักของข้า ท่านไม่ได้เตือนข้าเลย!”

“เจ้ากำลังพูดอะไร?” อนุภรรยาอู๋ขมวดคิ้วด้วยความสับสน นางค่อนข้างไม่เข้าใจว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนหมายถึงอะไร ข่าวลือนั้นได้กลายเป็นความจริงก่อนจะถึงหูของนาง แล้วนางจะเข้าใจสิ่งที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดถึงได้อย่างไร

“ท่านป้าไม่รู้หรือว่านายท่านกับฮูหยินส่งผู้หญิงทั้งสามคนออกจากเรือนทางใต้ไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมองไปที่อนุภรรยาอู๋อย่างเยาะเย้ย อนุภรรยาอู๋กับอนุภรรยาหวังนั้นต่างกัน นางเป็นอนุภรรยาที่ดูแลบ้าน นางจะไม่รู้หรือว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในจวน?

“แล้วการที่เจ้าไปก่อความวุ่นวายที่เรือนสดับวายุมันเกี่ยวอะไรกัน?” อนุภรรยาอู๋ไม่เข้าใจว่าทั้งสองเรื่องนี้ที่ไม่เกี่ยว ข้องกันแล้วจะถูกลากมารวมกันได้อย่างไร

“ไม่เกี่ยวกันหรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมองไปที่อนุภรรยาอู๋อย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ส่งพวกนางไปที่เรือนหิมะสุขใจ แล้วส่งข้ากลับไปตระกูลอู๋ไม่ใช่เรื่องที่กำหนดไว้พร้อมกันหรอกหรือ? มันจะไม่เกี่ยวกันได้อย่างไร?”

“ใครบอกว่าส่งพวกนางไปที่เรือนหิมะสุขใจเกี่ยวข้องกับการจะส่งเจ้ากลับบ้าน?” อนุภรรยาอู๋พูดด้วยสีหน้าโกรธจัดว่า “ส่งพวกนางไปที่เรือนหิมะสุขใจเพื่อพักอาศัยชั่วคราว ตอนที่พ่อบ้านใหญ่ไปที่อู๋โจวก็ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ไว้แล้ว การส่งพวกนางไปเมื่อเช้านี้ก็เป็นเรื่องที่เจรจากันมาตั้งนานแล้ว แต่การส่งเจ้าออกจากจวนเป็นเพียงแค่การตัดสินใจของนายท่านด้วยความโกรธเกรี้ยว ทั้งสองเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย!”

“อะไรนะ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนอุทานเสียงสูงด้วยความประหลาดใจ

“เจ้าช่วยเบาหน่อยสิ!” อนุภรรยาอู๋ตำหนิว่า “เจ้าคิดว่าปัญหายังไม่มากพออีกหรือ?”

“ท่านจะไม่รู้เรื่องที่พวกนางจะย้ายออกไปได้อย่างไร? เหตุใดท่านไม่บอกเรื่องนี้กับข้า?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดด้วยความไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสามคนถูกส่งตัวไปจริงๆ นางก็จะก่อความวุ่นวายเสียเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะต้องไปที่เรือนสดับวายุให้ได้ใช่ไหม?

“ทำไมไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือ?” อนุภรรยาอู๋โกรธจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือดแล้วพูดว่า “ตั้งแต่กำหนดวันแต่งงานของคุณชายใหญ่ ข้าก็ยุ่งมากจนปวดเศียรเวียนเกล้า แล้วเจ้าล่ะ? ข้าจะให้เจ้ามาช่วยข้า เจ้าพูดอะไร? เจ้าบอกว่าเจ้าจะใช้โอกาสนี้ที่ภรรยาของคุณชายใหญ่ยังไม่ได้แต่งเข้ามา มัดใจคุณชายใหญ่ให้อยู่หมัด จะได้ไม่วอกแวก นอกจากเมื่อคืนนี้ เจ้าลองคิดดูสิว่าเจ้าไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว? แล้วจะให้ข้าบอกเจ้าเรื่องนี้ได้อย่างไร? อีกอย่าง ทั้งสามคนทราบข่าวอยู่ก่อนแล้วว่าจะต้องย้าย จึงต้องใช้เวลาหลายวันในการเก็บข้าวของ เจ้ารู้จักพวกนางทั้งสามคนและยังมีมิตรภาพที่ดีต่อกันไม่ใช่หรือ? หรือว่าพวกนางไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจ้า?”

อู๋เลี่ยนเยี่ยนงึมงำไม่กล้าพูด มันเป็นความผิดพลาดของนางอย่างแท้จริง

“อีกอย่าง ทำไมเจ้าไม่มาปรึกษาข้าเมื่อได้ยินข่าวลือแบบนั้น? ถ้าเจ้ามา ข่าวลือนั้นก็จะแพ้ภัยตัวเองไป เจ้าก็จะไม่เดือดร้อน แล้วพัวพันมาถึงข้าจนถูกดุไปคราหนึ่ง!” อนุภรรยาอู๋มองหลานสาวที่ยามปกติฉลาดแต่ไม่เฉลียวด้วยความโกรธขึ้ง นี่เป็นผลมาจากความประมาท

“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดี?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ นางไม่มีทางเลือกแล้ว

“พวกเจ้าเห็นคุณหนูตระกูลเยี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง?” อนุภรรยาอู๋ข่มใจให้สงบ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเห็นหลิงหลงรู้สึกดีกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ หากหลิงหลงไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ละก็ จะต้องหาวิธีควบคุมเลี่ยนเยี่ยนอย่างแน่นอน

อู๋เลี่ยนเยี่ยนรีบเล่าเรื่องอย่างละเอียดรอบหนึ่ง โดยไม่พลาดช่วงใดเลย

“เจ้าบอกว่าคุณหนูไม่ได้พูดตั้งแต่ออกจากเรือนสดับวายุ ถึงขั้นได้ยินข่าวว่าจะส่งเจ้าออกไปก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอันใดเลย?” อนุภรรยาอู๋รับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลยิ่งนัก นางไม่เข้าใจถึงการกระทำที่สวยสง่า แต่ภายนอกนางดีดพิณเป่าขลุ่ยเพื่อเอาใจผู้อื่นและตัวเองไม่เป็น ยิ่งไม่รู้ว่าการคำนวณมีอะไรให้น่าร่ำเรียน แต่นางเชี่ยวชาญในการต่อสู้กับสงครามเย็นในจวน หลิงหลงเป็นคนที่นางเฝ้าเลี้ยงดูจนเติบโต จึงเข้าใจอารมณ์ของหลิงหลงมากที่สุด ตอนที่ทั้งสองคนพูดคุยกันตามลำพังต้องพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้หลิงหลงเกิดสงสัยขึ้นมาภายในใจ ดูท่า หลิงหลงจะสนใจและให้ท้ายเลี่ยนเยี่ยนทุกอย่าง

“ท่านป้า มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอนุภรรยาอู๋อย่างตกประหม่า

“เลี่ยนเยี่ยน ข้าถามเจ้าหน่อย ตกลงแล้วเจ้าอยากจะอยู่ในตระกูลซั่งกวนหรือไม่?” อนุภรรยาอู๋ทำใจให้สงบ ตอนนี้ไม่มีทางหนีทีไล่แล้ว นางต้องเลือกแล้วก็ทุ่มสุดตัว

“อยากอยู่แน่นอน!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนยังคงคิดจะมองค้อนให้อนุภรรยาอู๋ นางอยู่ในตระกูลซั่งกวนมาเกือบสามปีแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าอยากจะอยู่ในตระกูลซั่งกวน แล้วกลายเป็นคนร่วมเรียงเคียงหมอนของคุณชายใหญ่ นางจะเสียเวลาเช่นนี้หรือ?

“ถ้าอย่างนั้น ข้าบอกเจ้าว่า ตอนนี้เจ้าต้องเลือกว่าจะกลับบ้านอย่างเชื่อฟัง ข้าจะพยายามจัดหาคู่ครองที่ดีให้เจ้า ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยใหญ่โต แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ หรือจะเป็นอนุภรรยาของคุณชายใหญ่” อนุภรรยา อู๋จ้องเขม็งไปที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ยอมละสายตาจากนางแต่อย่างใด

“ข้าอยากอยู่ต่อ แต่ข้าไม่อยากเป็นอนุภรรยาที่ไม่มีทางลืมตาอ้าปากไปตลอดชาติ” อู๋เลี่ยนเยี่ยนอู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้เลือกแต่อย่างใด นางมีทางเลือกของตัวเองอยู่ก่อนแล้ว

“เจ้ายังมองสถานการณ์ไม่ออกอีกหรือ? ถ้าเจ้าถูกส่งกลับบ้าน จะไม่มีทางเข้าประตูของตระกูลซั่งกวนได้อีกเลย!” อนุภรรยาอู๋พูดอย่างขมขื่นว่า “เจ้าอย่าคิดถึงเรื่องที่เพ้อฝันพวกนั้นอีกต่อไป ตอนนี้ เจ้าจงคิดทบทวนอย่างเชื่อฟัง แล้วให้คำตอบกับข้าก่อนมื้อเย็น หากไม่กลับไปก็เป็นอนุภรรยาเสีย ไม่มีทางเลือกที่สาม!”

“ข้า…” อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ต้องการเลือก ไม่ว่าอันไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ!

“เจ้าทำให้ข้าได้สติขึ้นมาบ้าง! ในหัวใจของคุณชายใหญ่ไม่มีเจ้าอยู่ในสายตา เป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานกับเจ้า ต่อให้จะรับเจ้าเป็นอนุภรรยา ก็ต้องคาดการณ์อย่างรอบคอบ เจ้าก็อย่าคิดอะไรส่งเดชพวกนั้น ยังมีเจ้าอยู่ก็อย่าคิดว่าจะวางแผนสำเร็จ เจ้าก็จะได้เป็นอนุภรรยาหรืออาจจะเป็นแค่เมียบ่าวก็เท่านั้น” อนุภรรยาอู๋พูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย บัดนี้ไม่มีเวลาให้นางยืดเยื้ออีกแล้ว

“อะไรนะ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนสะเทือนใจอย่างหนัก เมียบ่าว? ไม่! ไม่มีทาง! นางจะยอมรับชะตากรรมเช่นนั้นได้อย่างไร!

“นอกจากนี้ ข้าได้ขอความเห็นชอบจากนายท่านกับฮูหยินแล้ว วันนี้จะให้เจ้าอยู่ได้ชั่วคราว พรุ่งนี้เช้าค่อยส่งเจ้าออกไป ถ้าจนถึงอาหารค่ำแล้วเจ้ายังไม่ได้คิดให้ถ่องแท้ เช่นนั้น ก็ต้องออกไปสถานเดียว!” วาจาของอนุภรรยาอู๋นั้นไม่ด้อยไปกว่าสายฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ฟาดฟันอู๋เลี่ยนเยี่ยนจนอกสั่นขวัญหาย

“ไม่ ข้าจะไปขอร้องคุณหนู นางจะต้องช่วยข้า!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนตื่นตระหนกตกตะลึงไปหมดแล้ว

“นางช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว!” อนุภรรยาอู๋มองนางพลางกล่าวว่า “ข้าพูดได้เท่านี้ เจ้าคิดให้ดี! ซีอวี่ ดูนางไว้ อย่าปล่อยให้นางออกจากห้องนี้แม้แต่ก้าวเดียว!”

“ท่านป้า ท่านจะทำอะไร?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนตื่นตระหนก

“ข้าแค่อยากให้เจ้าไตร่ตรองให้ดีเท่านั้นเอง” อนุภรรยาอู๋มองนางแล้วพูดขึ้นว่า “จำไว้ว่า นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า ถ้าพลาดไป จะเรียกคืนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว!”

———————————