ตอนที่ 34 การเลือก

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

ซีอวี่เฝ้าดูอู๋เลี่ยนเยี่ยนคอยรับใช้อย่างจงรักภักดี และไม่กล้าออกไปโดยพลการแม้สักเค่อ[1]เดียว แม้ซีอวี่จะมีเพียงแค่

วรยุทธ์แมวสามขา[2] แต่อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่มีวรยุทธ์ ซีอวี่จึงขังนางไว้ในห้องได้อย่างง่ายดาย

อู๋เลี่ยนเยี่ยนเดินไปมาในห้องประหนึ่งสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก กระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่อยากยอมรับชะตากรรมเช่นนี้ นางไม่ต้องการตำแหน่งอนุภรรยา แต่ตอนนี้นางไม่มีโอกาสขอความช่วยเหลือจากหลิงหลงด้วยซ้ำ นางต้องตัดสินใจเลือก นางเริ่มคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง และเริ่มหวนนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางเข้าจวนมา…

เมื่อเข้าจวนซั่งกวนครั้งแรก นางค่อนข้างระมัดระวังตัว แทบจะถือว่าเสมือนเดินบนน้ำแข็งที่เปราะบางหากไม่มีคำเตือนจากท่านป้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางจึงได้รู้ว่าครอบครัวชนชั้นสูงเช่นนี้ ย่อมมีกฎเกณฑ์รายละเอียดยิบย่อยมากมาย ตอนที่นางอยู่กับหลิงหลง จึงระมัดระวังตัว กลัวว่าจะมีใครมาจับผิดนาง แล้วขับไล่นางออกไป ดังนั้นนางจึงจงใจสังเกตพฤติกรรมของตัวเอง และเจตนาเลียนแบบหลิงหลง หวังว่าอากัปกิริยาของนางจะเหมือนบุตรีตระกูลสูงศักดิ์

หากพูดอย่างเคร่งครัด มารยาทของซั่งกวนหลิงหลงยังไม่ผ่านเกณฑ์ นางหละหลวมเกินไป มักจะประมาทเล็กน้อย แต่หลิงหลงเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซั่งกวน นางเกิดมาเพื่อเป็นคนเหนือกว่า ชีวิตที่อยู่ดีกินดีมาตั้งแต่อายุยังน้อยไม่เพียงทำให้นางพิถีพิถันทางด้านวัตถุ แต่ยังบ่มเพาะการเอาแต่ใจมาตั้งแต่เกิดอีกด้วย ความไม่สนใจไยดีของนางทำให้นางดูสับสนและน่าเอ็น ในขณะเดียวกัน ความสะเพร่าของนางก็สะท้อนให้เห็นในการติดต่อกับผู้อื่นด้วย นางจะไม่จงใจโอ้อวดชาติตระกูลของตนเอง แต่จะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาดูแคลนง่ายๆ ดังนั้นนางจะใช้ท่าทีระดับเดียวกันกับคนอื่นๆ โดยเฉพาะกับคนที่มีความประทับใจอยู่บ้าง แต่ระดับเดียวกันในบางครั้งก็จะไม่สุภาพเกินไป และไม่มีใครคิดว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลซั่งกวนต้องรับปากกับใครก็ได้ หากท่าทางจัดการเรื่องราวแบบนั้นไปอยู่กับซั่งกวนหลิงหลง นั่นคือเป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่าย แต่ถ้าไปอยู่กับอู๋เลี่ยนเยี่ยนล่ะ? นั่นเป็นเรื่องตลกแล้ว

อู๋เลี่ยนเยี่ยนฉลาด นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ไม่ว่าจะเป็นความงามหรือเทือกเถาเหล่ากอของนางนั้นไปไม่ถึงจุดที่จะทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยแต่งงานด้วยได้ แต่เดิมคิดจะยืมใช้ความสะดวกสบายที่ว่า ‘ศาลาใกล้น้ำย่อมจะได้รับแสงจันทร์ก่อน[3]’ เพื่อสร้างความผูกพันกับซั่งกวนเจวี๋ย เพื่อไม่ให้ซั่งกวนเจวี๋ยปล่อยนางไป ถ้าเป็นเช่นนั้นนางจะมีโอกาสเป็นภรรยารองผิงชีของตระกูลซั่งกวน แต่นับจากที่นางปรากฏตัวที่ตระกูลซั่งกวนจนถึงบัดนี้ ซั่งกวนเจวี๋ยไม่เคยเห็นนางโดยตรง และไม่มีโอกาสได้อยู่กับซั่งกวนเจวี๋ย ตามลำพัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้ซั่งกวนเจวี๋ยมีใจกับนาง เพราะมีคนครอบครองตำแหน่งในใจของซั่งกวนเจวี๋ย นางจึงอยู่เคียงข้างหลิงหลงอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว นางรู้ว่า ต่อให้ซั่งกวนเจวี๋ยจะไม่ได้แสดงออกว่าเข้าข้างหลิงหลง เขาก็จะไม่เพิกเฉยต่อน้องสาวคนนี้เด็ดขาด นางหวังว่าสักวันหนึ่ง ซั่งกวนเจวี๋ยจะรู้ว่านางเป็นคนดีจากปากของหลิงหลง ครั้นแล้วจึงให้เกียรตินางเป็นพิเศษ ดังนั้น นางจึงทุ่มเทความพยายามมากมายไปกับหลิงหลง

อู๋เลี่ยนเยี่ยนก็โง่เช่นกัน ความโง่เขลาของนางอยู่ที่นางไม่เคยเห็นตัวตนของนางชัดเจน หยิ่งทะนงตัวมากเกินไป หรือที่เรียกว่ามักใหญ่ใฝ่สูง ชีวิตมักอาภัพ ก็คือคนอย่างนาง พ่อแม่ของนางเป็นเพียงบ่าวไพร่ต่ำต้อยในตระกูลหวงฝู่ ไม่เคยผ่านโลกมามากนัก จึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าอนุภรรยาอู๋เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในใต้หล้าแน่นอน…มิฉะนั้น สาวใช้ที่เป็นสินเดิมของหวงฝู่เยวี่ย เอ้อจะไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน เหตุใดนายท่านซั่งกวนที่สูงศักดิ์จึงถูกใจนาง เลื่อนขั้นให้นางเป็นอนุภรรยา ทั้งยังเอื้อประโยชน์ให้คนในครอบครัวของนาง? ดังนั้น อู๋เลี่ยนเยี่ยนจึงถูกปลูกฝังด้วยความคิดนี้มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ก็คือท่านป้าของนางเป็นสตรีที่ดีที่สุดในใต้หล้า เมื่อนางค่อยๆ เติบโตขึ้น ท่านป้าหมายมั่นปั้นมือจะปลูกฝังนาง ส่วนนางก็เริ่มมีรูปร่างหน้าตาสวยสะพรั่งไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ไม่มีใครเทียบความรู้กับนางได้ (นางก็ไม่อยากคิดว่า ในตระกูลอู๋จะมีสักกี่คนที่ได้ร่ำเรียนเป็นพิเศษ)

และในเวลานั้น บิดาพูดมาคำหนึ่ง จึงส่งผลต่อการเลือกของนาง ท่านพ่อบอกว่า ‘เลี่ยนเยี่ยนยิ่งโตยิ่งสวย เก่งกว่าน่ง อวิ๋นในตอนนั้นเสียอีก จะใช้ชีวิตแบบอนุภรรยาได้อย่างไร อย่างน้อยต้องมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับนายหญิงที่ดูแลครอบครัวได้’ และในขณะนั้นเอง ภาพของท่านป้าที่เทิดทูนอยู่ในใจก็พังทลายลงมาจนหมด นางดีกว่าท่านป้า ย่อมจะมีฐานะที่ดียิ่งกว่า

สิ่งที่ทำให้อู๋เลี่ยนเยี่ยนมีความคิดที่แตกต่างออกไป นั่นคือทัศนคติของหลิงหลงที่มีต่อนาง หลิงหลงโดดเดี่ยวมาตลอด และมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวน้อยเกินไปที่จะเข้าด้วยกันได้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าอนุภรรยาอู๋มีหลานสาวที่อายุน้อยกว่านางหนึ่งปี

และหวังว่าจะเข้าจวนมาเป็นสหายกับนางได้ หลิงหลงก็ตอบตกลงด้วยความยินดี อู๋เลี่ยนเยี่ยนรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี นางจะคล้อยตามหลิงหลงอย่างมีชั้นเชิง และยกย่องนางในระดับสูง ยิ่งไปกว่านั้น อู๋เลี่ยนเยี่ยนยังแสดงความสนใจในสิ่งที่หลิงหลงชื่นชอบ ด้วยเหตุนี้ ในยามที่หลิงหลงต้องการเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมากที่สุดนั้น อู๋เลี่ยนเยี่ยนก็จะปรากฏตัวขึ้น และเห็นดีเห็นงามสรรเสริญหลิงหลงไปเสียทุกอย่าง หลิงหลงจึงดึงนางมาเป็นคนสนิท และทำให้นางอยู่ในฐานะเดียวกัน

คนมีค่าย่อมรู้จักตัวเองดี! เห็นได้ชัดว่าอู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่รู้จักเจียมตัวเอง เมื่อไปมาหาสู่กัน นางมองว่าตัวเองเป็นคนสนิทของหลิงหลงจริงๆ แต่ปากยังไม่ลืมที่จะพูดจาให้เกียรติ ทว่าเบื่อหน่ายที่จะทำมากกว่า นางจึงเริ่มวางมาดกับบรรดาบ่าวไพร่ของตระกูลซั่งกวน แต่ไม่คำนึงถึงว่ามันจะไม่เหมาะสมเพียงใด แม่นมหนิงที่ใจร้ายที่สุดเคยวิพากษ์วิจารณ์ไว้อย่างเหมาะเจาะว่า ‘เป็นเพียงสิ่งรื่นรมย์ที่ช่วยคลายความหงอยเหงาของคุณหนูในยามว่าง แล้วยังคิดจะตั้งตัวเป็นหญิงสูงส่งจริงหรือ?’

อย่างไรก็ตาม ตระกูลซั่งกวนได้เห็นสิ่งนี้อย่างละเอียดแล้ว ไม่เพียงแต่บอกว่านางไม่ใช่…นางเป็นคนแบบไหน เพียงแต่เป็นคนนอก จำเป็นต้องพูดกับคนนอกไปเพื่ออะไรหรือ? ทว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทนดูไม่ได้ เคยสั่งสอนนางอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แม่นมเหมยที่อยู่ข้างกายนางซึ่งเป็นคนเก่งและมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็ห้ามไว้ แม่นมเหมยบอกว่า ‘นางไม่ใช่คนของฮูหยิน คุ้มที่จะสั่งสอนนางแล้วมีปัญหากับคุณหนูใหญ่งั้นหรือ? ถ้ามีวันหนึ่ง นางกลายเป็นอนุภรรยาของคุณชายใหญ่ ย่อมจะมีภรรยาของคุณชายใหญ่เป็นผู้คอยกำหนดกฎเกณฑ์ให้นาง หากคุณชายใหญ่ไม่ชอบนาง การกระทำของนางเช่นนี้ เมื่ออยู่ในมือของผู้เป็นนาย มันจะไม่ดี ท่านสอนนางตอนนี้ นั่นคือการช่วยนาง ควรปล่อยนางต่อไปเรื่อยๆ ให้นางหาเรื่องใส่ตัวเองจะดีกว่า!’

สำหรับอนุภรรยาอู๋นั้น เดิมทีนางเป็นคนที่มีมุมมองคับแคบ เมื่อเห็นว่าหลานสาวของตนสวยเหมือนบุตรีของตระกูลผู้มั่งมีขึ้นเรื่อยๆ นางก็เพียงแค่ดีใจอยู่ในอก แต่แม่นมที่อยู่ข้างๆ นางก็เคยเตือนเรื่องนี้ กลับถูกอนุภรรยาอู๋ดุว่าไปคราหนึ่งว่า… ‘เลี่ยนเยี่ยนเป็นเช่นนี้มีอะไรไม่ดี? เหมือนกับคุณหนูใหญ่ กิริยาท่าทางล้วนมีสง่าราศี ดูแล้วสบายใจ ไม่ช้าก็เร็วนางจะเป็นคน

ในห้องของคุณชายใหญ่ ถ้ายังเป็นเหมือนแต่ก่อน งอมืองอเท้า ต่อให้คุณชายใหญ่ชอบนางแต่ถ้าไม่ให้นางปรากฏตัวในโอกาสสำคัญ เจ้าดูหวังชิ่นเซียนผู้หญิงคนนั้น นางก็เป็นเมียบ่าวของนายท่านเช่นกัน ยามนายท่านออกงานเข้าสังคม ถ้าไม่อยู่กับฮูหยิน คิดหรือผู้หญิงคนนั้นจะตามไปด้วย นางมีอะไรดี แค่รับมือได้ดีกว่าข้านิดหน่อยไม่ใช่หรือ? เลี่ยนเยี่ยนทำเช่นนี้ได้ และจะดีขึ้นในอนาคต!’

ด้วยเพราะเหตุนี้ ทุกคนตั้งใจปล่อยไม่ยุ่งเกี่ยวและรู้เห็นเป็นใจอย่างไม่ตั้งใจ อู๋เลี่ยนเยี่ยนจึงเดินมาถึงตำแหน่งที่น่าอับอายอย่างในวันนี้ ตอนนี้กำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากที่สุด ภายใต้คำขาดปานฟ้าผ่าของอนุภรรยาอู๋ ในที่สุดนางก็รับรู้ถึงความเป็นจริง แม้นางจะใส่เสื้อคลุมตัวสวย แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนความเป็นจริงที่ว่านางเป็นแค่นกกระจอกได้

ไม่ว่าจะไปหรืออยู่ อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่ได้พิจารณาหรือเลือก นางไม่อยากออกจากตระกูลซั่งกวน ถึงแม้นจะตาย นางก็จะตายที่ตระกูลซั่งกวน ไม่ต้องพูดถึงว่านางทนไม่ได้ที่จะกลับไปหาตระกูลอู๋ที่ยากจนข้นแค้นอีกแล้ว ไม่มีทางปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่ต้องวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบได้ แต่ท่านป้า นางทุ่มเทแรงกายแรงใจและเงินทองมากแค่ไหนให้กับตน หากไม่มีผลตอบแทนที่เหมาะสม นางจะปล่อยตัวเองไปหรือ?

อู๋เลี่ยนเยี่ยนหัวเราะเย้ยหยัน เลือกหนึ่งในสอง? นางมีโอกาสเลือก แต่ไม่มีสิทธิ์เลือก! กลับไปตระกูลอู๋อย่างเชื่อฟัง

รอคอยท่านป้าจัดหาคู่ครองที่ดีให้นาง ไม่ว่าจะแต่งงานกับพ่อค้าที่มีอันจะกิน หรือเป็นขุนนางที่น่าเคารพเกรงขาม หรือมีผู้ให้ราคาที่สูงขึ้น? นางเชื่อว่าท่านป้าจะหากินกับการแต่งงานเป็นแน่ จะหักเงินสองเท่าที่นางลงทุนไปเพื่อหารายได้กลับมา นางไม่มีลูก จึงกังวลมาตลอดว่านายท่านซั่งกวนจากไปแล้ว หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะไม่ปล่อยนางไป ถ้านางมีเงิน และยังมีสิ่งต่างๆ อยู่ใกล้ตัว อย่างมากก็แค่ใช้เงินทองพวกนั้นซื้อเรือนหลังเล็กอยู่อาศัย ยังคงใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุขได้เหมือนเดิม

รูปร่างหน้าตาของนาง ความรู้ของนาง พรสวรรค์ของนาง และที่สำคัญยิ่งกว่าคือสถานะของนางอยู่ในฐานะคนสนิทของคุณหนูใหญ่ตระกูลซั่งกวน จะทำให้ค่าตัวของนางเพิ่มเป็นสองเท่า ตราบใดที่นางแต่งงานออกไป เงินบำนาญของป้าก็เพียงพอแล้วสินะ!

นางจึงต้องอยู่ต่อ แม้จะเป็นเพียงแค่หญิงเมียบ่าวที่ต่ำต้อยที่สุด นางก็ต้องอยู่ต่อไป ถ้านางอยู่ต่อไป นางถึงจะมีทางรอดได้!

เพียงแต่ นางมีแค่วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายจริงหรือ?

ก่อนถึงเวลาอาหารเย็น อนุภรรยาอู๋ก็กลับมา รอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้าของนางอันตรธานหายไปทันทีที่ย่างก้าวเข้ามาในห้อง นางมองไปที่อู๋เลี่ยนเยี่ยน ในดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ท่านป้า?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนสะดุ้งกลัวด้วยความตกใจ

“เจ้าเป็นนังตัวร้ายที่มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ!” อนุภรรยาอู๋ก่นด่าอย่างไม่เกรงใจ ครั้นแล้วก็ระงับความเกรี้ยวโกรธที่กำลังจะระเบิดไว้ กัดฟันพูดว่า “เจ้าคิดดีหรือยัง? จะอยู่หรือไป?”

“คุณหนูไม่ได้ไปขอร้องนายท่านกับฮูหยินให้ข้าหรอกหรือ? นางบอกว่า ข้าเป็นคนสนิทของนาง ข้าเป็นคนที่เข้าใจนางดีที่สุด นางไปขอความเมตตาจากนายท่านกับฮูหยิน ขอให้ข้าอยู่ต่อใช่ไหม?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนถามอย่างร้อนใจ ตอนนี้ซั่งกวนหลิงหลงคือฟางเส้นสุดท้ายของนาง

“ขอความเมตตา? เจ้ายังคิดจะให้คุณหนูอ้อนวอนให้เจ้าอีกหรือ?” อนุภรรยาอู๋อยากจะกินนางแล้วพูดว่า “เจ้ามันโง่เขลาเบาปัญญา! เมื่อไม่เข้าใจเส้นสนกลในของอีกฝ่าย ก็ทำผลีผลาม เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าไม่ฟังคำเตือนของข้า การยุยงให้คุณหนูไปที่เรือนสดับวายุจะมีผลร้ายแรงมากแค่ไหน? เจ้าถูกสั่งให้ออกจากจวนเป็นเรื่องเล็กน้อย สิ่งสำคัญคือคุณหนูเริ่มสงสัยว่าทั้งเจ้าและข้ามีเจตนาแอบแฝงกับนาง สิ่งที่โง่กว่านั้นคือเจ้าอยู่กับคุณหนูตลอด นึกไม่ถึงเลยจะไม่พบว่าคุณหนูเปลี่ยนไป ขณะที่อยู่ต่อหน้าคุณหนู ยังแข่งกันยักคิ้วหลิ่วตากับแม่นมหวังจนคุณหนูเห็น ข้าโมโหเจ้าเสียจริง!”

“แล้วตอนนี้ควรทำอย่างไรดี?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้จะคิดอ่านประการใด

“ทำอย่างไรดี? ข้าปลอบคุณหนูใหญ่แล้ว แม้นางจะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่บ้าง แต่มันจะไม่เกิดอะไรขึ้นในเวลาอันสั้นนี้แน่” เมื่อครู่นี้อนุภรรยาอู๋เพิ่งใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ถึงจะปลอบใจหลิงหลงให้สงบได้ แต่นางก็รู้ว่า หลิงหลงมีหนามในใจอยู่แล้ว นางจึงพินิจพิเคราะห์และแอบสังเกตเป็นระยะๆ ด้วยความฉลาดของนาง นางจะมองเห็นพิรุธในไม่ช้าก็เร็ว แต่นั่นเป็นเรื่องจัดการภายหลัง สิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้คืออู๋เลี่ยนเยี่ยนจะเลือกอย่างไรกันแน่

“เจ้าคิดว่าอย่างไร? จะไปหรืออยู่? ถ้าไปละก็ ป้าจะส่งเจ้าออกไปพรุ่งนี้เช้า” อนุภรรยาอู๋มองอู๋เลี่ยนเยี่ยน ไม่ให้โอกาสนางได้หอบหายใจ สำหรับการจะส่งไปที่ใดนั้น นางไม่ได้เอ่ย แต่จะไม่ใช่ตระกูลอู๋เด็ดขาด

“ข้าอยากอยู่ต่อ!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพูดยืนยัน “แต่ว่า ท่านป้า ตอนนี้ยังมีที่ให้ข้าอยู่ในตระกูลซั่งกวนอีกหรือไม่?”

“เจ้าคิดออกก็ดี!” อนุภรรยาอู๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดอย่างขมขื่นว่า “ถ้าเจ้าคิดออกแต่เนิ่นๆ จะไม่มีเรื่องอะไรมากมายเช่นนี้ ตอนนี้เจ้าเป็นเยี่ยงนี้ แน่นอนว่าตระกูลซั่งกวนจะไม่มีที่พักพิงให้เจ้า แต่ถ้าเจ้ากลายเป็นคนของคุณชายใหญ่ ตระกูลซั่งกวนก็ต้องมีที่ว่างให้ ไม่ว่างก็ต้องว่าง!”

“เจ้าหมายความว่าจะให้ข้าขึ้นเตียงของคุณชายใหญ่หรือ?” อู๋เลี่ยนเยี่ยนมองไปที่อนุภรรยาอู๋ด้วยความประหลาดใจ

“ไม่อย่างนั้นเจ้าจะทำอะไรได้อีก?” อนุภรรยาอู๋เจ็บใจที่หลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้แล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าล้มเลิกความตั้งใจก่อนหน้านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องวางแผนด้วยวิธีนี้ แต่ตอนนี้เล่า? ต่อให้จะเป็นเมียบ่าวหรืออนุก็ต้องวางแผนให้ดี ทั้งยังต้องเสียแผนจัดการของหลายปีนี้อีกด้วย”

“แต่ว่า…” อู๋เลี่ยนเยี่ยนสองจิตสองใจอีกครั้งหนึ่ง

“แต่อะไรอีก? ตอนนี้เจ้าต้องไปทำตามที่ข้าบอกอย่างว่านอนสอนง่าย เจ้าอย่าคิดว่าแม้เจ้าจะไม่ได้อยู่ที่ตระกูลซั่งกวน แล้วจะกลับบ้านได้หรอกนะ?” อนุภรรยาอู๋ปิดกั้นความโชคดีสุดท้ายในใจของอู๋เลี่ยนเยี่ยน

“ข้าเข้าใจแล้ว!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนพยักหน้ายอมรับชะตากรรมอย่างระทมทุกข์

“อย่าให้ข้าทำเยี่ยงนั้นเลย” อนุภรรยาอู๋ก่นด่าว่า “เจ้าคิดว่าการขึ้นเตียงคุณชายใหญ่เป็นเรื่องง่ายงั้นหรือ? ถ้าง่ายดายขนาดนั้น ผู้หญิงสามคนในเรือนทางใต้ก็คงทำสำเร็จไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ฉะนั้นต้องวางแผนให้รอบคอบ!”

———————————-

[1] เค่อ เป็นคำระบุช่วงเวลาประมาณสิบห้านาที

[2] วรยุทธ์แมวสามขา อุปมาว่ามีความรู้เท่าหางอึ่ง มีฝีมือแต่ไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น เหมือนแมวสามขา คือเดินได้แต่เดินไม่ดี

[3] ศาลาใกล้น้ำย่อมจะได้รับแสงจันทร์ก่อน อุปมาว่า อาศัยความได้เปรียบที่ได้อยู่ใกล้ ฉกชิงผลประโยชน์ก่อนคนอื่น