เล่มที่ 2 บทที่ 37 มือลอบสังหาร

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“น้าจิ่นเยว่ ท่านไปขอเตาเล็กๆ มาจากเถ้าแก่ถงมาให้ข้าที ชาในถ้วยเย็นหมดแล้ว แม้แต่กลิ่นหอมสักนิดก็ไม่มี”

    อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็หันไปพูดกับจิ่นเยว่ จิ่นเยว่รีบเข้าไปจัดการตามคำสั่งอย่างคล่องแคล่ว หลินเมิ้งหยาหันหน้ากลับมาอีกครั้งพลางจ้องมองถังหวังสื่อ

    “ครอบครัวของเจ้ามีใครบ้าง?” หลินเมิ้งหยายกแก้วชาด้านหน้าขึ้นจิบเล็กน้อย สีหน้าของนางยังคงเป็นปกติ

    “ตอบนายหญิง ครอบครัวของข้าน้อยยังมีลูกชายที่ไม่ได้ความอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ” ถังหวังสื่อยังคงตอบคำถามด้วยความระมัดระวัง ทว่าสมองเริ่มปรากฏให้เห็นถึงความยินดี

    “โอ้? แต่งงานมีเมียแล้วหรือ?” จิ่นเยว่มองหลินเมิ้งหยาอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เหตุใดพระชายาจึงเอ่ยถามถึงครอบครัวของทาสผู้นี้?

    “ตอบนายหญิง ครอบครัวของข้าน้อยยากจน ดังนั้นลูกชายจึงยังไม่ได้แต่งงานเจ้าค่ะ”

    ลูกตาของหลินเมิ้งหยากลอกไปอีกทาง นางไม่หันไปมองถังหวังสื่ออีก

    “เอาล่ะ เจ้าออกไปได้” ก้มหน้ามองน้ำในถ้วยชา ราวกับว่าหลินเมิ้งหยาไม่คิดจะเอ่ยอันใดออกมาอีก

    ถังหวังสื่อโขกศีรษะลงบนพื้นเพื่อถวายคำนับอีกครั้ง ขณะที่หยาผอกำลังจะหมุนตัวออกไปเรียกสาวรับใช้คนต่อไป นางกลับได้ยินเสียงแก้วชาร่วงหล่นลงพื้น

    “แกร๊ง” เสียงดังขึ้น ประตูภายในห้องถูกปิดลง ทหารองครักษ์สิบกว่าคนพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดาบในมือถูกยกขึ้นขณะปิดล้อมพื้นที่

    “ห้ามขยับเขยื้อน!” เสียงเย็นชาดังขึ้น ผู้หญิงภายในห้องที่ได้เห็นสถานการณ์น่าหวั่นเกรงลืมแม้กระทั่งเสียงร้องไห้โวยวาย พวกนางพากันหลบซ่อนทั้งที่ตัวสั่นงันงก

    หลังจากควบคุมสถานการณ์เอาไว้แล้ว ร่างของหลินขุยปรากฏขึ้นในห้อง

    ห้องที่เคยกว้างขวางกลับเต็มไปด้วยองครักษ์ที่สวมใส่ชุดเกราะพร้อมทั้งอาวุธครบมือ หลินเมิ้งหยาถูกกลุ่มคนปกป้องไว้ทางด้านหลังเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ

    สาวใช้นามถังหวังสื่อผู้นั้นขดตัวอยู่บนพื้น มิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีเช่นไร

    “เข้ามา หักคางของเขาซะ เอาน้ำเย็นมาสาดให้เขาตื่น!” หลินเมิ้งหยาผลักองครักษ์ออกขณะจ้องมองคนที่กำลังสลบอยู่บนพื้น

    พ่อบ้านเติ้งเงียบขรึมลงไป บังอาจนัก คิดจะลอบปลงพระชนม์พระชายาต่อหน้าเขา ไม่รักตัวกลัวตายหรืออย่างไร

    เมื่อครู่หลังจากที่ถังหวังสื่อโขกหัวลงกับพื้น ขณะที่ทุกคนไม่ทันระวัง อยู่ๆ เขาก็สร้างปัญหา

    ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นหยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน สายตาของเขาพลันเห็นคนคนนั้นพุ่งมีดเข้าไปทางตำแหน่งหน้าอกของพระชายา

    แต่ราวกับว่าพระชายาระมัดระวังตัวเอาไว้อยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น พระนางรีบเอี้ยวตัวเพื่อหลบการโจมตี

    เหล่าองครักษ์ที่เตรียมพร้อมอยู่ด้านนอกจึงรีบพุ่งตัวเข้ามา ก่อนจะเข้าไปทำร้ายเพื่อหยุดการกระทำของนักฆ่าผู้นั้นทันที หลังจากถูกกระทืบ คนคนนั้นจึงสลบไป

    พ่อบ้านเติ้งรีบนำเชือกเข้าไปมัดตัวเขาเอาไว้ ขณะเดียวกัน เขายกกาชาขึ้นแล้วราดน้ำชาร้อนๆ ที่เพิ่งออกจากเตาลงบนแผ่นหลังของนักฆ่าผู้นั้น

    หลังจากได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมานแล้ว ดวงตาของถังหวังสื่อลืมขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยว ทว่าปลายคางกลับมีน้ำลายฟูมปาก ปากไม่อาจยกขึ้นประกบกันได้

    “ฟื้นแล้วหรือ? ข้าเดาว่าเจ้ามิใช่ถังหวังสื่ออะไรนั่นหรอกใช่หรือไม่?” หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นจากที่นั่งของตนเอง ก่อนจะใช้หางตามองนักฆ่าที่กำลังเจ็บปวดทรมานอยู่บนพื้น

    “อีกทั้งเจ้ายังไม่ใช่ผู้หญิง แต่เจ้าเป็นนักฆ่าที่ปลอมกายเป็นหญิงใช่หรือไม่?” หลินเมิ้งหยาหยุดยืนข้างกายของนักฆ่า ก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วก้มลงไปหยิบมีดที่ตกลงบนพื้น

    ตอนที่คนผู้นี้เข้ามา สมองของนางพลันปรากฏรายชื่อยาพิษหลายชนิด

    อย่าว่าแต่นำมาใช้เลย ครอบครัวปกติธรรมดาทั่วไปมิอาจหาซื้อได้ด้วยซ้ำ

    ข้อสันนิษฐานเดียวที่สามารถเป็นไปได้คือ คนคนนี้เป็นนักฆ่าที่ต้องการลอบสังหารตนเอง!

    โชคดีที่ได้กลิ่นยาพิษก่อน ไม่เช่นนั้นตอนนี้ไม่รู้นางจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร

    “มีดเล่มนี้ หากข้าถูกแทงเข้าแม้เพียงเล็กน้อย ลมหายใจของข้าก็คงหมดลงใช่หรือไม่? ขอบคุณที่เจ้าให้ความสำคัญกับข้ามากถึงเพียงนี้ เพราะฉะนั้นข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างสาสม พ่อบ้านเติ้ง ไปยังที่ว่าการของหยาเมิน ข้าต้องการยืมใช้ห้องทรมานของพวกเขา”

    ภายใต้แสงแดด สีหน้าของหลินเมิ้งหยากลับเย็นชาจนน่าขนลุก

    พ่อบ้านเติ้งและหลินขุยรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของพวกตนกำลังเย็นวาบ

    พระชายาต้องการจะทำอะไรกันแน่?

    “ฮูหยินได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าน้อยไม่รู้เรื่องว่าเจ้านี่เป็นนักฆ่า ฮูหยินได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ!” หยาผอที่กำลังตกอกตกใจกลัวว่าฮูหยินท่านนี้จะลงโทษตัวเอง

    ต้องโทษความโลภของนางที่ไปรับส่วยจากถังหวังสื่อสามตำลึง แต่ใครจะรู้เล่าว่าอีกเพียงนิดเดียวชีวิตของนางก็จะหามีไม่!

    “ข้าไม่โทษเจ้าหรอก แต่เจ้าต้องบอกข้ามาตามความจริง ยังมีใครที่อยู่ด้านนอกใช้วิธีเดียวกันกับชายผู้นี้หรือไม่?” หลินเมิ้งหยากลอกสายตาเย็นชา หยาผอรีบโคกศีรษะลงพื้น

    “ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ! ไม่มีแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ! แต่ว่า…ในกลุ่มคนเหล่านั้น ยังมีสาวใช้อีกหนึ่งคนที่มักจะพูดคุยกับคนผู้นี้ ข้าน้อยเคยลองถามดู แต่พวกเขาทั้งสองอ้างว่าไม่รู้จักกันมาก่อน ดังนั้นข้าน้อยจึงไม่ได้ใส่ใจเจ้าค่ะ”

    หยาผอพูดตามความจริงทุกประการ ไม่รอให้หลินเมิ้งหยาออกคำสั่ง พ่อบ้านเติ้งรีบออกไปลากตัวสาวใช้คนนั้นมา

    “นายหญิง คนผู้นี้เองก็เป็นชายปลอมตัวเป็นหญิงพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กุมตัวเอาไว้แล้ว!”

    “เอาตัวไปยังห้องทรมานของที่ทำการหยาเมิน ส่วนคนอื่นๆ ให้ลงนามในสัญญารับรองความตายของตำหนัก จากนั้นมอบเงินคนละสองตำลึงเพื่อปลอบขวัญ” สัญญารับรองความตาย ถ้าเช่นนั้นคนเหล่านั้นก็กลายเป็นบ่าวรับใช้ของจวนแล้ว

    อำนาจในการตัดสินความเป็นความตายของพวกเขาจะตกอยู่ในกำมือของเจ้านายประจำจวน หากกล้าเอาเรื่องภายในออกไปป่าวประกาศให้ภายนอกรู้ นั่นไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย

    แน่นอนว่าคนเหล่านี้ล้วนถูกพูดคุยเรื่องสัญญาฉบับนั้นเอาไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้น พวกเขาจึงได้เข้าไปทำงานในตำหนักที่มีคนธรรมดามากมายพยายามอ้อนวอนร้องขอเข้าไป แต่ก็มิอาจเข้าไปได้

    “พ่ะย่ะค่ะนายหญิง” มองดูจิ่นเยว่และพ่อบ้านเติ้งพาสาวรับใช้เหล่านั้นกลับไป หลินเมิ้งหยาและองครักษ์พากันมายังห้องทรมาน

    เหตุเพราะทำการแจ้งล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ถูกห้ามปราม

    ภายในห้องขังมืดมิดและอับชื้น ทว่าใบหน้าของหลินเมิ้งหยาไร้ซึ่งความหวาดกลัว

    ไร้สาระ เมื่อก่อนตอนเป็นนักเรียนแพทย์ เพื่อฝึกฝนความกล้า นางจึงต้องเข้าไปใช้เวลาเรียนรู้ยามค่ำคืนที่ห้องเก็บอาจารย์ใหญ่เสมอ

    ความหวาดกลัวจนตัวสั่นงันงกในตอนแรก กลับกลายเป็นความหฤหรรษ์เพราะแอบเล่นไพ่ยามค่ำคืนภายในห้องเก็บศพ แล้วแบบนี้ยังจะมีที่ใดที่นักเรียนแพทย์อย่างพวกนางไม่กล้าเข้าไปกันเล่า?

    ระหว่างทาง หลินขุยอดไม่ได้ที่จะลอบมองพระชายาผู้กล้าหาญ เพราะเหตุนี้ท่านอ๋องจึงพึงใจในตัวพระนางสินะ ที่แท้ก็มิใช่หญิงสาวธรรมดาทั่วไป

    ภายในห้องทรมานคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าและคาวเลือด

    ห้องไม่ใหญ่มาก แต่สามารถบรรจุเครื่องทรมานหลายสิบชนิดเอาไว้ นักฆ่าทั้งสองถูกมัดเอาไว้ด้วยกัน สายตาโกรธเกรี้ยวจ้องมองทางหลินเมิ้งหยา ราวกับว่าอยากจะฉุดกระชากวิญญาณของนางออกมา

    “พวกเจ้าคิดว่าข้าจะทรมานพวกเจ้าเพื่อหาคำสารภาพเช่นนั้นหรือ?” หลินเมิ้งหยาเยื้องย่างเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าทั้งสอง

    ยาพิษที่ถูกอมไว้ในปากของพวกเขาถูกองครักษ์เอาออกไปแล้ว แม้แต่คางก็ถูกตีจนแตก คนที่แต่งกายเป็นหญิงรับใช้อายุน่าจะราวสามสิบกว่าๆ เหตุเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนกับความเจ็บปวดทรมาน

    มุมปากหยักยกขึ้น รอยยิ้มของหลินเมิ้งหยาเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา

    “ข้า…แค่ต้องการจะฆ่าพวกเจ้าเท่านั้น เอาล่ะ บอกข้าสิว่าใครอยากตายก่อน?”

    หลินเมิ้งหยานั่งลงบนเก้าอี้ จ้องมองชายทั้งสอง ท่าทางของนางเสมือนหมาป่ากำลังมองดูลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด

    “เจ้า” หลินเมิ้งหยาชี้นิ้วไปทางชายวัยกลางคน “หรือว่าเจ้า?” จากนั้นเลื่อนนิ้วไปทางเด็กหนุ่ม สีหน้าเผยให้เห็นความลำบากใจ

    “ช่างเถอะ ข้าไม่อยากคิดให้เปลืองสมอง เริ่มจากเจ้าก็แล้วกัน” หลินเมิ้งหยาชี้นิ้วไปทางชายวัยกลางคน ก่อนจะมีคนลากตัวเขาออกไป

    ภายในห้องทรมานจึงเหลือเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ลูกตากลอกไปมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

    “วางใจเถิด อีกเดี๋ยวก็ถึงตาเจ้าแล้ว บอกมาสิว่าเจ้าอยากตายแบบไหน?” หลินเมิ้งหยาหัวเราะจนตัวงอ น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสุขสนุกสนาน ไม่เหมือนกับคนที่กำลังฆ่าผู้อื่นตาย แต่เหมือนคนที่กำลังเลี้ยงข้าวและกล่อมนอนเสียมากกว่า

    “โอ้ จริงสิ ข้าลืมไปเลยว่าเจ้าพูดไม่ได้” ปากของเด็กหนุ่มถูกผ้าปิดเอาไว้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เขาไม่อาจพูดหรือแม้แต่กัดลิ้นของตนเองได้

    อยู่ๆ กลิ่นหอมของเนื้อย่างจากห้องเผาก็ฟุ้งกระจายออกมา

    กลิ่นหอมนั้นคือกลิ่นเนื้อที่กำลังย่างจนสุกหอม ทุกคนที่อยู่ภายในห้องเวลานี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

    “ได้กลิ่นหรือไม่ มันคือกลิ่นความตายของเพื่อนเจ้าอย่างไรเล่า” หลินเมิ้งหยาลุกขึ้น จากนั้นหยุดยืนตรงหน้าเด็กหนุ่มแล้วเอ่ยออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น

    “ข้าสั่งให้คนไปหากระดานตะปูมา ด้านล่างโรยถ่านที่ถูกเผาจนร้อนฉ่าเอาไว้ จากนั้นข้าสั่งให้เพื่อนของเจ้ากลิ้งไปกลิ้งมาบนแผ่นไม้นั้น เมื่อใดที่กระดานตะปูเหล่านั้นร้อนจัดจนกลายเป็นสีแดง ข้าจะสั่งให้คนราดน้ำเย็นลงไป จากนั้นอีกสี่ห้าชั่วโมงต่อมา เพื่อนของเจ้าก็จะถูกย่างจนใกล้สุกแล้วตายจากไป ข้าเรียกวิธีทรมานนี้ว่านิพพาน ฟังดูน่าสนใจมากเลยใช่มั้ยล่ะ!”

    แม้ห้องทรมานจะน่ากลัว แต่ก็ยังไม่อาจน่ากลัวกว่าน้ำเสียงของหลินเมิ้งหยาเลยแม้แต่น้อย

    เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการฆ่าคนตาย แต่น้ำเสียงของนางประหนึ่งคนกำลังเล่นเกมสนุกๆ อย่างไรอย่างนั้น

    เด็กหนุ่มไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้ อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินวิธีทรมานเช่นนี้ ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองหญิงสาวหน้าตางดงามตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ร่างกายแข็งทื่อราวกับน้ำแข็ง

    “หากถึงตาเจ้าแล้วละก็…” หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ราวกับว่ากำลังหาวิธีที่เหมาะสมที่สุด

    “เอาไหมล่ะ ลองดูไหม? แต่ว่าข้าจะเปลี่ยนจากถ่านร้อนเป็นก้อนน้ำแข็ง เท่านั้นเจ้าก็จะไม่ตาย แต่จะกลายเป็นของเล่นสนุกๆ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่?”

    หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามไร้เดียงสา กลับเอ่ยประโยคที่ทำให้แม้แต่ชายหนุ่มต่างหวาดกลัว

    เด็กหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึง บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเนื้อไหม้ ราวกับว่าหากกลิ่นยังส่งมามากกว่านี้ เขาอาจจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายวัยกลางคนผู้นั้น

    ไม่! เขาไม่อยากตายด้วยความทรมานเช่นนั้น ผู้หญิงคนนี้จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป!

    “เข้ามา เอาตัวเขาไปยังห้องทรมาน ข้าอยากเห็นกับตาตัวเอง” อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกสนอกสนใจ องครักษ์สองคนจึงรีบกระชากตัวเขาขึ้นมา

    ความหวาดกลัวทวีคูณยิ่งขึ้น ก่อนจะพยายามสะบัดตัวดิ้นหนี บนพื้นพลันปรากฏร่องรอยของน้ำที่น่าสงสัย

    “เจ้าอยากพูดอะไร ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสของเจ้าในการสั่งเสีย” หลินเมิ้งหยาสั่งให้คนปลดผ้าปิดปากของเขาออก เด็กหนุ่มจึงรีบแผดเสียงร้อง

    “ฮูหยินได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้า…ข้าจะบอกท่านเดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง”

    ทว่าราวกับหลินเมิ้งหยาไม่สนใจอีกต่อไป นางเบือนสายตาหันมามองเด็กหนุ่ม “รู้แล้วอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้ ข้ายังไม่ตาย แถมยังมีคนส่งมาให้ข้าฆ่าทุกวันอีก เอาตัวไปได้!”

    “ไม่ ไม่ ไม่! ฮูหยิน ได้โปรดไว้ชีวิตข้า ข้าสามารถเป็นคนสอดแนมให้กับท่านได้ ท่านชอบฆ่าคนมิใช่หรือ? ข้าสามารถทำให้พวกเขาทั้งหมดติดกับและส่งมาให้ท่านฆ่าได้!”

    เด็กหนุ่มอ้อนวอนร้องขอต่อหลินเมิ้งหยาไม่หยุด องครักษ์ยังคงรอคำสั่งจากหลินเมิ้งหยา

    นางหมุนตัว ทว่าเด็กหนุ่มกลับได้เห็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก

    ปลา…ติดเบ็ดแล้ว