ตอนที่ 34 รับโชคใหญ่

ลืมรักเลือนใจ

หลังจากออกจากห้องพักฟื้น สีหน้าของหลินเยียนก็ดูเหม่ออย่างชัดเจน  

 

 

           เธอสงสัยว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า 

 

 

           แต่ความจริงทุกอย่างยืนยันว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน ประสาทของเธออาจจะมีปัญหาจริงๆ  

 

 

           หากเพียงแค่ความจำเสื่อมชั่วขณะ แล้วที่เธอคุยกับตัวเองได้จะอธิบายอย่างไร… 

 

 

           เธอกลายเป็นคนสองบุคลิกไปแล้วจริงๆ เหรอ? 

 

 

           ความจริงเธอรู้สึกผิดปกติตั้งแต่ตอนที่บุกเข้าไปในงานเลี้ยงวันเกิดของหลินซูหย่า และตอนที่เมาแล้ววิ่งไปทำเสียมารยาทกับเผยอวี้เฉิงบนเตียง 

 

 

           ดูเหมือนว่าเธอจำเป็นต้องไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้วจริงๆ… 

 

 

           เพิ่งจะลงจากตึก หลินเยียนก็เห็นป้ายโฆษณาที่ดูเด่นชัดมากในห้องโถงโรงพยาบาล 

 

 

           ‘ศาสตราจารย์เฮ่อรุ่ยยวน จิตแพทย์ชื่อดังให้คำปรึกษาฟรีวันนี้ ตรวจฟรีทุกรายการ’ 

 

 

เมื่อเห็นป้ายโฆษณานี้ หลินเยียนก็อึ้งไปเล็กน้อย จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชื่อดังและตรวจฟรีด้วยงั้นเหรอ? 

 

 

           ฝนตกทันกาลจริงๆ! 

 

 

           อีกอย่างชื่อของเฮ่อรุ่ยยวนก็ดูคุ้นๆ  

 

 

           หลินเยียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา พิมพ์ชื่อของเฮ่อรุ่ยยวนเข้าไปในหน้าเว็บไซต์ 

 

 

           ‘เฮ่อรุ่ยยวน ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในด้านสุขภาพจิต’ 

 

 

           หลินเยียนตาเป็นประกาย ถึงว่าทำไมชื่อของเฮ่อรุ่ยยวนถึงคุ้นหู ที่แท้ชื่อของเฮ่อรุ่ยยวนก็เคยมีคดีที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก  

 

 

ตอนที่เธอเป็นนักแข่งรถในต่างประเทศ เคยเห็นรายงานที่เกี่ยวข้องของวงการแพทย์ต่างประเทศ 

 

 

อาชญากรคนหนึ่งในต่างประเทศป่วยเป็นโรคหลายบุคลิก นอกจากบุคลิกเดิมของเจ้าตัวแล้ว ยังแยกเป็นอีกหกบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป โดยมีสามบุคลิกที่ก้าวร้าวมาก  

 

 

           สุดท้ายอาชญากรต่างชาติก็ได้รับการรักษาจนหายขาดโดยเฮ่อรุ่ยยวน 

 

 

           “เธอ…รับโชคใหญ่เข้าแล้ว?” 

 

 

           หลินเยียนพึมพำ 

 

 

           เฮ่อรุ่ยหยวนคนนี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าในด้านจิตวิญญาณของโลก กลับมาประจำการที่ปักกิ่ง ทั้งยังตรวจฟรีทุกรายการ! 

 

 

           ช่างสมกับคำพูดที่ว่า  

 

 

           หมอรักคนไข้เยี่ยงลูก! 

 

 

           หลินเยียนก้าวเท้ายาวเข้าโรงพยาบาลไปทันที  

 

 

           “คุณหลิน ขาของคุณเหมือนจะไม่ได้นัดตรวจวันนี้” 

 

 

           เพิ่งจะก้าวเข้าโรงพยาบาลไป หลินเยียนก็เจอกับหัวหน้าพยาบาลที่รู้จักกัน 

 

 

           เธอเข้ารักษาอาการบาดเจ็บที่ขาในโรงพยาบาลปักกิ่งมาสักระยะแล้ว จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่หลายคน 

 

 

           “เปล่า” หลินเยียนส่ายหน้า จ้องหัวหน้าพยาบาล “วันนี้ฉันมาแผนกจิตเวท” 

 

 

           “ตรวจสุขภาพจิตงั้นเหรอ?” พยายาลถามด้วยสีหน้าแปลกใจเต็มประดา  

 

 

           “ไว้ค่อยคุยกันนะ” หลินเยียนรีบทักทาย พลันกลัวว่าจะพลาดโอกาส จึงรีบวิ่งไปเข้าคิวกับหมายเลขผู้เชี่ยวชาญของเฮ่อรุ่ยยวน 

 

 

…… 

 

 

           หน้าห้องทำงานห้องหนึ่งบนชั้นสาม หลินเยียนเคาะประตู  

 

 

           หลังจากอีกฝ่ายตอบรับ หลินเยียนจึงผลักประตูเข้าไป  

 

 

           “คุณคือศาสตราจารย์เฮ่อ…” 

 

 

           หลินเยียนจำเฮ่อรุ่ยยวนได้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็น 

 

 

           “ใช่แล้ว สวัสดีครับ ไหนลองเล่าอาการของคุณ” คนชราหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมแล้วหันมองหลินเยียน 

 

 

           “ศาสตราจารย์เฮ่อ คืออย่างนี้ ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นโรคประสาท!” หลินเยียนจ้องเฮ่อรุ่ยยวนพร้อมกระซิบเบาๆ  

 

 

           ได้ยินเช่นนี้ เฮ่อรุ่ยยวนกลับหัวเราะ “คุณวินิจฉัยตัวเองมาแล้วเหรอ มีปัญหาทางจิตหรือไม่ ไม่ใช่ว่าคุณจะเป็นคนตัดสินเองได้ คุณผู้หญิงแซ่อะไร” 

 

 

           “แซ่หลิน” หลินเยียนพูดไปตามความจริง 

 

 

           “โอเคคุณหลิน ทำไมคุณถึงบอกว่าตัวเองมีปัญหาทางจิต?” คนชรายิ้มถาม  

 

 

           หลินเยียนท่าทางหมดอาลัยตายอยาก “ฉันมักจะหมดสติ และในช่วงที่หมดสติฉันจะทำบางอย่างที่ผิดปกติมาก แต่ฉันไม่รู้อะไรเลย! เหตุการณ์วันนี้ยิ่งแปลก! ฉันเหมือนตระหนักได้ว่ามีอีกหนึ่งจิตสำนึกอยู่ในร่างกายทั้งที่ยังมีสติดีอยู่ ทั้งยังคุยโต้ตอบกับจิตใต้สำนึกนั้นด้วย!” 

 

 

           จากนั้น หลินเยียนก็เผยสีหน้าตกใจ “ศาสตราจารย์เฮ่อ ฉันเคยเห็นรายงานกรณีคลาสสิกของคุณในต่างประเทศ ซึ่งเหมือนกับโรคหลายบุคลิกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!”