บทที่ 40 พิษ

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 40

พิษ

หมอผีจะให้อะไรกับพวกเขานั้น ก่อนที่พวกเขาจะได้ถาม พวกเขาก็ถูกโรยผงสีขาวใส่แล้วจากนั้นก็พากันกุมท้องแล้วรีบวิ่งไปหาห้องน้ำ

หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว หลินซีเหยียนก็ไม่อยากที่จะอยู่ดูเหตุการณ์น่ารังเกียจนี้ต่อ นางจึงได้พาเยี่ยจุนเจี๋ยไปที่บ้านของท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อทันที

มองไปที่คน ที่เขาดูคุ้นหน้ายิ่งนัก เยี่ยจุนเจี๋ยคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาเคยพบชายผู้นี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

ส่วนเจียงหวายเย่ที่ถูกหลินซีเหยียนลืม ก็มองไปทางทิศที่ทั้งสองคนจากไปด้วยสีหน้าซีดเซียวและไม่ได้พูดอะไรออกมา

“องค์ชาย ท่าน….” ทันทีที่อันอี้เห็นสีหน้าขององค์ชายแล้วเขาก็รู้สึกตกใจ แล้วก็หันไปมองรอบๆแล้วกล่าว “ให้ข้าไปตามแม่นางหลินนะขอรับ”

เจียงหวายเย่ที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโมโหอะไรอยู่นั้น ก็ได้จับชายเสื้อของอันอี้เอาไว้แล้วห้ามเขาโดยไม่ได้พูดอะไร

“องค์ชาย” อันอี้รู้สึกยุ่งยากใจยิ่งนัก เดิมทีพิษในร่างกายของเขานั้นก็แย่มากพออยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขากำลังพยายามอดกลั้นเช่นนี้ด้วย

“กลับ…..กันเถอะ” ด้วยความหยิ่งทะนงของเจียงหวายเย่แล้ว เขาไม่อาจที่จะทำตัวเป็นอ่อนแอต่อหน้าหลินซีเหยียนได้

ส่วนอันอี้ก็ได้แต่กัดฟันทนและจำยอมทำตามคำสั่งเท่านั้น

มีดอกไม้และพันธุ์ไม้ไม่มากนักอยู่บ้านของท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อ ซึ่งการตกแต่งบ้านเองก็ดูเรียบง่ายใช้งานสะดวกตามแบบทหาร

“เขาคือใครเหรอขอรับนายน้อย?” เยี่ยนหนานพ่อบ้านของท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อ เมื่อเห็นนายน้อยกลับมาจึงได้ออกมาต้อนรับ หลังจากที่เขาเห็นหลินซีเหยียนจึงได้ถามอย่างสุภาพ

“ลุงหนานขอรับ คนคนนี้ชื่อว่าหลินอวิ๋นเซวียนเป็นหมอขอรับ” เยี่ยจุนเจี๋ยไม่คิดจะบอกไปว่าหลินซีเหยียนนั้นคือหมอผี เพราะเขากลัวที่จะทำให้คนอื่นต้องผิดหวังหลังจากที่พวกเขามีความหวังอีก ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาไม่มั่นใจในวิชารักษาของอวิ๋นเซวียน แต่เป็นเพราะอาการป่วยของท่านปู่ของเขานั้นมันแปลกประหลาดมากต่างหาก

“นายน้อยช่างมีจิตใจงดงามยิ่งนัก” เยี่ยนหนานรู้สึกดีใจมากกับความพยายามของเยี่ยจุนเจี๋ย อย่างไรเสียหากว่าเขายังไม่ยอมแพ้ ท่านแม่ทัพเฒ่าจะต้องกลับมาดีขึ้นแน่นอน

ภายใต้การนำทางของเยี่ยจุนเจี๋ย หลินซีเหยียนก็เดินตามเขามายังห้องของท่านแม่ทัพเฒ่า และพบว่าอากาศภายในห้องนี้อับชื้นมาก

“พี่เยี่ย ยังไม่ดึกเสียหน่อยทำถึงได้ไม่เปิดหน้าต่างให้อากาศได้ถ่ายเทเสียหน่อยล่ะ?” หลินซีเหยียนถามด้วยเสียงค่อยๆ

เยี่ยจุนเจี๋ยถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้มีหมอท่านหนึ่งได้บอกว่าให้ทำเช่นนี้เพื่อป้องกันท่านปู่มีอาการหมดสติฉับพลันน่ะ”

หลินซีเหยียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้เดินไปหาท่านแม่ทัพเฒ่า ท่านแม่ทัพเฒ่านั้นป่วยติดเตียงมานาน 3 เดือนแล้วร่างกายจึงผอมแห้งราวกับไม้เสียบผี นางจึงได้ยืนมือของนางไปแล้วจับชีพจรของแม่ทัพเฒ่าอย่างตั้งใจ

ถึงแม้ว่าชีพจรจะอ่อนมากแต่ก็ปกติดี แต่ก็เพราะชีพจรที่เป็นปกตินี่แหละซึ่งแสดงให้เห็นว่าแปลกประหลาด แต่ก็ไม่เป็นไรที่จะเปิดหน้าต่างออกเพื่อหายใจบ้าง

หากหมอผีเป็นคนพูดเองก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเยี่ยจุนเจี๋ยนั้นทนไม่ได้ที่ปู่ของเขาที่ชื่นชอบการอาบแสงแดดนั้น จะต้องมาอาศัยอยู่ในห้องที่ไร้กลิ่นของอากาศสดชื่นเช่นนี้

เมื่อเปิดหน้าต่างออก สายลมก็ได้พาดผ่านเข้ามาพัดเอาอากาศที่อับชื้นออกไป และพระอาทิตย์เองยังช่วยขับไล่อากาศที่เย็นของห้องนี้และนำพาอากาศที่อบอุ่นเข้ามา

ราวกับว่าท่านแม่ทัพเฒ่ารู้สึกได้ ก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมา

เมื่อเยี่ยจุนเจี๋ยเห็นเขาลุกขึ้นมา ก็ได้รีบลงไปคุกเข่าที่ข้างเตียงแล้วมองไปที่ท่านแม่ทัพเฒ่าด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ ข้ากลับมาแล้ว”

ท่านแม่ทัพเฒ่าที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนกับมีเสมหะติดอยู่ที่คอ ทำให้เขาไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน

เยี่ยจุนเจี๋ยที่เห็นท่านแม่ทัพเฒ่าที่กำลังพยายามจะพูด ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแต่เขาก็ไม่สามารถร้องได้ จึงได้แต่ทำหน้ายิ้มแย้ม “ท่านปู่ ท่านบอกข้ามาได้เลยว่าท่านต้องการอะไร ข้าจะตั้งใจฟังท่านเองขอรับ”

หลินซีเหยียนที่ทนดูต่อไม่ไหว ก็ได้เอายาหนึ่งยัดใส่ปากของท่านแม่ทัพเฒ่า

ท่านแม่ทัพเฒ่าที่ไม่ทันระวังตัว แม่ทัพอย่างเขานั้นจะกินสิ่งของที่เอามาให้เขาสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร? ท่านแม่ทัพเฒ่าจึงได้พยายามที่จะคายออกมา แต่ยาตัวนี้ได้ละลายในปากของเขาเรียบร้อยแล้วทำให้เขาไม่สามารถที่จะถุยออกมาได้ เหลือเอาไว้แต่ตัวยาที่อยู่เต็มปากของเขา

เมื่อรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของท่านแม่ทัพเฒ่า หลินซีเหยียนก็ได้ยักไหล่ “ท่านแม่ทัพเฒ่าอย่าได้มองข้าเช่นนั้น ยานั้นเป็นยาที่ดีหาใช่ยาพิษไม่”

เยี่ยจุนเจี๋ยเองก็ได้รีบแนะนำตัว “ท่านปู่ นี่คือน้องชายแสนดีของข้าที่ได้พบในวันนี้ ชื่อของเขาคือหลินอวิ๋นเซวียนขอรับ”

“ไม่เคยมีอะไรดีกับคนแซ่หลิน” ท่านแม่ทัพเฒ่ามองไปที่หลินซีเหยียนอย่างโมโหและตกใจ ที่เสียงของเขากลับมาพูดได้ชัดอีกครั้ง

“ท่านผู้เฒ่ารู้สึกตกใจและอยากจะขอบคุณข้าบ้างไหม?” หลินซีเหยียนนั้นโมโหนิดหน่อยที่ท่านแม่ทัพเฒ่านั้นดุนางว่าไม่มีอะไรดี

แน่นอนว่าท่านแม่ทัพเฒ่านั้นจะปล่อยให้เสียหน้าเช่นนี้ไม่ได้ เขาจึงได้แอบไปหยิกแขนของเยี่ยจุนเจี๋ยแล้วยักคิ้วให้เขา

เยี่ยจุนเจี๋ยนั้นเคยวิ่งเล่นกับท่านแม่ทัพเฒ่ามาตั้งแต่เขายังเด็ก เขาย่อมรู้ว่าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร จากนั้นเขาก็ได้หันไปมองหลินอวิ๋นเซวียนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นเซวียน ขอบใจเรื่องยาของเจ้ามาก และที่ท่านปู่พูดน่ะท่านไม่ได้ว่าเจ้า แต่ท่านว่ามหาเสนาบดีหลินและตระกูลของพวกเขาน่ะ”

หลินซีเหยียนก็รู้สึกอ้ำอึ้ง ตัวนางเองก็ถูกเรียกว่าเป็นสมาชิกของบ้านมหาเสนาบดีหลินมาตลอดชีวิต แบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ากำลังว่าตัวนางอยู่เหรอ? แต่อีกฝ่ายก็ไม่รู้นี่นาเขาคงคิดว่าเขาอธิบายดีแล้ว

หลินซีเหยียนจึงได้ยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก “ข้าเข้าใจ”

หลังจากที่พูดคุยกันจบ ชายชราก็ได้เริ่มไออย่างรุนแรง หลินซีเหยียนจึงได้หยุดยิ้มแล้วหยิบเอาเข็มเงินออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง และรีบปิดลงไปที่มือของชายชรา

ไม่นานนักชายชราก็เริ่มไอหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สีหน้าของเขาก็เริ่มม่วงเพราะเขาไม่สามารถหายใจได้ทัน

“อวิ๋นเซวียน ท่านปู่เป็นอะไรไป?” เยี่ยจุนเจี๋ยถามอย่างกระวนกระวาย และมือของเขาก็สั้นอย่างเห็นได้ชัด

ส่วนหลินซีเหยียนนั้นก็กำลังง่วนกับการใช้เข็มอย่างตั้งใจ จึงไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเยี่ยจุนเจี๋ย ไม่นานนักเข็มเงินก็ปักตามตัวของชายชรามากขึ้นเรื่อยๆ และชายชราก็ไอมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

เยี่ยจุนเจี๋ยก็เริ่มรู้สึกตัวอย่างช้าๆว่าชายชราที่ไออย่างรุนแรงนั้นเป็นเพราะเข็มเงินของหลินอวิ๋นเซวียน เขาจึงได้มองไปที่หลินอวิ๋นเซวียนด้วยสายตาที่น่ากลัวแล้วตะโกนขึ้นมา “หลินอวิ๋นเซวียนหยุดเดี๋ยวนี้”

ทำไมเขาถึงได้โง่ที่ไปหลงเชื่อคนที่เพิ่งได้พบเจอเป็นครั้งแรก ถ้าเกิดว่านี่เป็นแผนที่จะมาฆ่าท่านปู่ของเขาแล้วล่ะก็ เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตของเขา

หลินซีเหยียนนั้นไม่รู้ว่าเยี่ยจุนเจี๋ยนั้นกำลังเข้าใจนางผิด และเข้าใจผิดมากด้วย ในเวลานี้นางคิดแต่เพียงจะช่วยท่านตาของนางเท่านั้น

เยี่ยจุนเจี๋ยที่เห็นว่าหลินอวิ๋นเซวียนนั้นไม่หยุดมือจึงได้ใช้ฝ่ามือซัดมาที่ตัวของนาง

แต่หลินซีเหยียนนั้นไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมมากะทันหันเช่นนี้ นางจะไม่สามารถหลบได้ทันทำได้แค่เพียงเบี่ยงตัวของนางเพื่อลดแรงกระแทก

“พี่เยี่ย ท่านคิดจะทำอะไรน่ะ?”

หลังจากที่ปักเข็มสุดท้ายลงไปที่ตัวของชายชราแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้นวดไหล่ของนางและมองไปที่เยี่ยจุนเจี๋ยอย่างไม่พอใจ

เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่ดวงตาหงส์ไฟของหลินซีเหยียนที่ใสซื่อบริสุทธิ์แล้ว เขาก็คิดว่าหรือว่าตัวเขาจะคิดมากไป แต่ท่านปู่ก็ไออย่างรุนแรงเพราะหลินอวิ๋นเซวียนนี่นา

“หลินอวิ๋นเซวียน เจ้าเข้าหาข้าทำไมกัน หรือว่าเจ้าคิดที่จะฉวยโอกาสทำร้ายท่านปู่ของข้าอย่างนั้นรึ?” เยี่ยจุนเจี๋ยกล่าวด้วยดวงตาที่หรี่มองมาที่นาง

หลินซีเหยียนก็ได้เบ้ปากของนางอย่างเสียใจ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร นางก็ได้ยินเสียงชายชราที่อาเจียนออกมา แล้วจากนั้นเขาก็ได้กระอักเลือดออกมาคำโต

“ท่านปู่” เยี่ยจุนเจี๋ยก่อนท่านแม่ทัพเฒ่าแน่และมองไปที่หลินซีเหยียนอย่างระแวดระวัง

มองดูเขาที่สงสัยในตัวของนาง หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวดอย่างไม่พอใจมากและทำหน้าบึ้ง นางที่รู้สึกเสียใจมากขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางก็ได้หยิบเอาขวดหยกสีขาวออกมาและโรยลงผงดำลงไปที่กองเลือดของชายชรา

เมื่อเลือดโดนเข้ากับผงสีดำนั้น ก็ปรากฏควันสีขาวขึ้นมาราวกับว่าเลือดได้ระเหยออกไป แล้วจากนั้นก็พบซากของหนอนสีขาวจำนวนหนึ่ง

“มองเห็นหนอนพิษที่อยู่ในนั้นไหม?” หลินซีเหยียนก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี หลังจากนั้นนางก็ได้ยืนถอยห่างออกมาและมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับจะบอกว่า นางกำลังหงุดหงิดมาก อย่ามารบกวนนาง