ตอนที่ 680 อย่าดูถูกความสามารถของสื่อในการเหยียบย่ำใครสักคน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

แต่ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างพวกเขามานานถึงสิบเก้าปีจะกลับกลายเป็นคนลวงโลก ในขณะที่ภรรยาตัวจริงได้ฟื้นคืนมาจากหลุมศพและประสบกับการทรมานอันแสนสาหัสหลังถูกขโมยทุกอย่างไป!

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจคุณพ่อโม่ปวดร้าว เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เห็นหน้าไป๋ลี่หวาอีก

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งถูกบรรดานักข่าวรุมล้อมและไม่อาจหลีกหนีออกมาได้ แต่ถังหนิงและคนของเธอออกจากโรงแรมฮิลตันได้อย่างง่ายดายภายใต้การคุ้มครองของเฉินซิงเยียนและเหล่าบอดีการ์ด

 

 

ถังหนิงในขณะนั้นยังไม่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ฮว่าเหวินเฟิ่งถึงได้ลงมือจู่โจมหลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ จนเมื่อถึงตอนที่เธอรู้สึกตัว สถานการณ์ในปักกิ่งก็เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว…

 

 

 

 

ความโด่งดังของซ่งซินเพิ่มสูงขึ้นเพราะไห่รุ่ยยังคงป้อนงานให้เธออย่างต่อเนื่อง แม้เธอจะมีชื่อเสียงมากขึ้น เธอก็ยังเทียบถังหนิงไม่ได้

 

 

หลังการแถลงข่าวของฮว่าเหวินเฟิ่ง ซ่งซินได้เห็นภาพที่บันทึกไว้จากผู้ช่วยของเธอ เธอเอนหัวไปด้านหลังและหัวเราะเยาะ “ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฮว่าเหวินเฟิ่งจะพ่ายแพ้ได้ง่ายแบบนี้ ฉันคิดว่าผู้หญิงนั่นจะอยู่ต่อไปได้อีกสักหน่อย

 

 

“น่าสมเพชจริงๆ”

 

 

“ทีนี้เราควรทำยังไงดี เรื่องนี้ทำอะไรถังหนิงไม่ได้เลย” ผู้ช่วยคนนั้นเอาภาพที่บันทึกได้ออกไปและจ้องมองไปที่ซ่งซินอย่างระมัดระวัง “เธอยังอยากจะแข่งกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหม”

 

 

“ถังหนิงเป็นคนท้อง รับงานตอนนี้ยังไม่ได้ ในเมื่ออาชีพของฉันกำลังรุ่ง ฉันจำเป็นต้องคว้ามันเอาไว้อีกสองสามเดือน เมื่อถึงตอนที่ถังหนิงประกาศหวนคืนวงการ ยุคสมัยของมันก็จะจบลงไปแล้ว” ซ่งซินยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะหลับตาลงพักสายตา “จับตาดูมันไว้ พวกเราซุ่มอยู่ในที่มืด มันอยู่ในที่สว่าง เราจะต้องหาโอกาสโจมตีมันได้อย่างแน่นอน ระหว่างนั้นเพื่อไม่ให้ฮว่าเหวินเฟิ่งจำเธอได้ เธอรักษาระยะห่างจากฉันไว้ดีกว่า หรือบางทีก็ไปแปลงโฉมสักหน่อย”

 

 

ผู้ช่วยพยักหน้าและวางแทบเล็ตไว้ข้างๆ

 

 

อย่างไรก็ตามต่อให้ซ่งซินไม่เคลื่อนไหว นั่นจะหมายความว่าถังหนิงจะไม่สังเกตเห็นความเกี่ยวโยงของเธออย่างนั้นหรือ

 

 

ไม่จำเป็น…

 

 

หลังการแถลงข่าว ถังหนิงและคนอื่นๆ กลับไปยังไฮแอทรีเจนซี่ แต่ไป๋ลี่หวาสงสัยว่าถังหนิงจัดการเอาหลักฐานออกมาในเวลาอันพอเหมาะพาเจาะได้อย่างไร “ผลเปรียบเทียบดีเอ็นเออะไรเหรอ เสี่ยวหนิง พวกเธอไปตรวจมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

 

 

ถังหนิงนั่งลงบนโซฟาโดยมีเฉินซิงเยียนคอยช่วยเหลือ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ฉันหลอกผู้หญิงคนนั้น… ผลตรวจที่ฉันแสดงถูกสร้างขึ้นมาจากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต”

 

 

ไป๋ลี่หวาตัวแข็งทื่อ เธอไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ถ้าสื่อพวกนั้นเกิดโทรไปที่ศูยน์ทดสอบดีเอ็นเอในปักกิ่งเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ล่ะ”

 

 

“ฉันแค่บอกว่ามันมาจากศูนย์ทดสอบดีเอ็นเอในปักกิ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าที่ไหน สื่อเข้าใจทั้งหมดไปเอง ฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”

 

 

หลังได้ยินคำพูดของถังหนิง ไป๋ลี่หวาต้องยอมแพ้ให้กับคำตอบของเธอ

 

 

“สื่อไม่ต้องการความจริงหรอก พวกเขาแค่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น และทุกอย่างที่พวกเขาเห็นในวันนี้ก็มากพอที่พวกเขาจะเอาไปเขียนเรื่องราวทั้งหมดแล้ว…”

 

 

นี่คือความชาญฉลาดของถังหนิง เธอเข้าใจความคิดของฮว่าเหวินเฟิ่งและเธอยังสามารถควบคุมสื่อได้อีกด้วย

 

 

“เราจะปล่อยมันไปทั้งอย่างนี้งั้นเหรอ” เฉินซิงเยียนถามขณะที่เธอยืนอยู่ข้างถังหนิง “มันทำร้ายแม่แล้วก็ทำร้ายพี่ด้วย!”

 

 

“อย่าดูถูกความสามารถของสื่อในการเหยียบย่ำใครสักคนสิ” ถังหนิงตอบ “แค่กล้องจำนวนมากมายก็เพียงพอที่จะบีบให้ฮว่าเหวินเฟิ่งพังพินาศได้แล้ว”

 

 

แน่นอนว่าถังหนิงไม่คิดจะบอกเฉินซิงเยียนว่าเธอมีแผนการหลังจากนี้อีก เพราะนี่เป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงคนนั้นกับโม่ถิง

 

 

“เสี่ยวหนิง ฉันต้องขอบคุณคุณในเรื่องนี้จริงๆ” พูดจบ ไป๋ลี่หวาก็ดึงแขนเสื้อของเฉินซิงเยียน “ทักทายพี่สะใภ้สิลูก…”

 

 

ใบหน้าเฉินซิงเยียนแดงซ่าน

 

 

เฉินซิงเยียนเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองมีญาติพี่น้อง เฉินซิงเยียนเกาหัวตัวเอง เพราะเธอไม่อาจพูดคำว่า ‘พี่สะใภ้’ ออกมาได้ หรือต่อให้โม่ถิงยืนอยู่ต่อหน้าเธอ เธอก็ไม่อาจเรียกเขาว่า “พี่ชาย” ได้เช่นกัน

 

 

“ยัยลิงน้อย กลับไปกองถ่ายได้แล้ว หยุดสร้างปัญหาให้อันจื่อเฮ่าตามแก้สักที” ถังหนิงหยอกล้อ

 

 

“ฉันเคยขอให้หมอนั่นแก้อะไรให้เมื่อไหร่กัน” เฉินซิงเยียนไม่รู้เลยว่าอันจื่อเฮ่าแอบทำหลายสิ่งหลายอย่างให้เธอ

 

 

กระนั้นเฉินซิงเยียนก็ไม่ได้รีรอที่จะกลับไป แม้เธอจะอยากจะหาวิธีดีๆ ซัดฮว่าเหวินเฟิ่ง แต่เธอจำคำมั่นที่อันจื่อเฮ่าให้ไว้กับผู้กำกับได้ เธอจึงมองไปที่อันจื่อเฮ่า “ไปกันเถอะ”

 

 

“เธอแน่ใจนะ ฉันคิดว่าหลังจากเธอได้เป็นทายาทแล้วเธอจะหัวสูงแล้ววางมาดเสียอีก”

 

 

“นายประสาทหรือไง” เฉินซิงเยียนเดินเข้าหาอันจื่อเฮ่าและลากเสื้อเชิ้ตของเขา

 

 

ขึ้นรถแล้วเธอก็อดถามไม่ได้ “ถ้าฉันอยากซัดใครสักคน พอเป็นไปได้ไหม”

 

 

“เธอคิดว่าไงล่ะ” อันจื่อเฮ่าถามพลางคาดเข็มขัดนิรภัย

 

 

“แต่… ฉันคันมือจริงๆ นะ!”

 

 

“ฉันกลัวว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้ลงมือหรอก” พูดจบ อันจื่อเฮ่าก็สตาร์ตรถและเร่งความเร็วกลับไปยังกองถ่าย เพราะความเสียหายใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นในระหว่างการถ่ายทำอยู่ในความรับผิดชอบของเขา

 

 

เฉินซิงเยียนไม่เข้าใจสิ่งที่อันจื่อเฮ่าสื่อ แต่อันจื่อเฮ่าเข้าใจถังหนิงดี ถังหนิงเป็นประเภทตาต่อตาฟันต่อฟัน

 

 

ขณะซุ่มซ่อนอยู่ภายใต้อากาศยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บ ฮว่าเหวินเฟิ่งก็พยายามหาที่ซ่อน หลังพยายามอย่างหนักในที่สุดเธอก็สามารถหนีจากสื่อมาได้ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เธอก็คลานออกมาจากกองขยะ

 

 

ณ เวลานั้น เธอทั้งหนาวทั้งหิว รูปลักษณ์ภายนอกของเธอดูน่าอดสูอย่างมาก เธอไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว…

 

 

หลังจากนั้นสักครู่ บอดีการ์ดร่างสูงใหญ่สองคนก็ปรากฏตัวขึ้นและลากเธอขึ้นรถก่อนขับพาเธอไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก…

 

 

“พวกแกเป็นใคร จะทำอะไรฉัน”

 

 

“อธิบายทุกขั้นตอนที่คุณใช้วางยาถังหนิงมาซะ ไม่งั้น…ผมจะทำให้คุณได้ใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดอยู่ในความมืดมิด”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งมองไปที่บอดีการ์ดทั้งสองคนและคิดว่าคนพวกนี้เป็นคนของถังหนิง ดังนั้นร่างกายของเธอจึงเริ่มสั่นเทิ่มด้วยความกลัว “อย่าทำร้ายฉันนะ”

 

 

“ไม่หรอก ตราบใดที่คุณให้ความร่วมมือ”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งไม่อาจหนีและเธอกลัวว่าบอดีการ์ดพวกนี้จะทำร้ายเธอ เธอจึงอธิบายวิธีที่เธอทำร้ายถังหนิงโดยละเอียด จากคำอธิบายของเธอ ถังหนิงสามารถหาที่อยู่ของขวดยาที่บรรจุควินิดีนได้

 

 

กลับกลายเป็นว่า ฮว่าเหวินเฟิ่งซ่อนมันรวมไว้กับขวดบรรจุเครื่องปรุงอาหารอื่นๆ ในห้องครัว หากเธอไม่พูดเรื่องนี้ออกมาด้วยตัวเอง ใครจะคิดว่ามันอยู่ในนั้น

 

 

“เป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์จริงๆ”

 

 

แน่นอนว่าระหว่างการซักไซ้ของบอดีการ์ด ฮว่าเหวินเฟิ่งได้พูดบางสิ่งที่เธอไม่ควรพูดออกมาด้วย

 

 

รวมถึงเหตุผลที่เธอตัดสินใจวางยาพิษถังหนิง

 

 

“ผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งบอกฉันว่าได้ยินมาจากในไห่รุ่ยว่าถังหนิงต้องการใช้อวัยวะของฉันในการรักษาลูกของมัน ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลงมือ”

 

 

ถังหนิงบอกบอดีการ์ดให้ถามชื่อและภาพของคนคนนั้น แต่เมื่อพวกเขาค้นพาพนักงานทุกคนของไห่รุ่ยกลับไม่พบคนคนนี้

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งได้อธิบายรูปพรรณสัณฐานของผู้หญิงคนนั้น แต่ไห่รุ่ยไม่มีพนักงานคนไหนหน้าตาแบบนั้นเลย

 

 

แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ…

 

 

…ฮว่าเหวินเฟิ่งโจมตีเธอเพราะถูกใครบางคนปั่นหัว!