ตอนที่ 681 ผมคิดว่าผมควรให้คุณได้เจออะไรที่มันตาต่อตาฟันต่อฟัน

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

บอดีการ์ดพวกนั้นถึงขนาดพาฮว่าเหวินเฟิ่งไปยังไห่รุ่ยเพื่อระบุตัวผู้หญิงคนนั้น แต่กระนั้น หลังจากฮว่าเหวินเฟิ่งมองดูทุกคนอย่างละเอียด ก็ยังไม่อาจหาคนที่ปั่นหัวเธอเจอ

 

 

หลังการซักถามจบลง ฮว่าเหวินเฟิ่งก็คาดว่าพวกบอดีการ์ดจะปล่อยเธอไป เพราะดูไม่เหมือนว่าถังหนิงจะต้องการเอาชีวิตของเธอ

 

 

แต่ฮว่าเหวินเฟิ่งคิดผิด…

 

 

เธอคิดจริงอย่างนั้นหรือว่าหลังจากทรมานไป๋ลี่หวามานานหลายปีและเป็นสาเหตุให้ถังหนิงและลูกเกือบเสียชีวิต เธอจะถูกปล่อยไปได้ง่ายๆ

 

 

พวกบอดีการ์ดพาฮว่าเหวินเฟิ่งกลับไปยังบ้านหลังเล็กอันมืดสนิทที่ซึ่งพวกเขากักคุมตัวเธอไว้ก่อนหน้านี้ ภายในบ้านหลังนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากหน้าต่างที่ถูกเปิดแง้มไว้เล็กน้อย…

 

 

“ปล่อยฉันนะ พวกแกกำลังทำเรื่องผิดกฎหมาย!” ฮว่าเหวินเฟิ่งตะโกนพลางมองไปรอบๆ แต่ไม่ว่าเธอจะตะโกนมาเพียงใดก็ไม่มีเสียงใดตอบรับ ซ้ำร้ายในขณะที่ความมืดมาเยือน ฮว่าเหวินเฟิ่งคุกเข่าอยู่กับพื้นและพลันได้กลิ่นไหม้ ชั่วครู่หลังจากนั้น เปลวไฟก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ ทำให้เธอร่างกายของเธออ่อนเปลี้ยด้วยความหวาดกลัว เธอรีบลุกขึ้นและเริ่มตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ “มีใครอยู่ไหม ไฟ… มีบางอย่างกำลังไหม้!”

 

 

ไม่มีใครสนใจเธอ แต่ไฟยังคงลุกโหมแรงขึ้น ฮว่าเหวินเฟิ่งรู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาขณะที่ร่างกายของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทว่าในพื้นที่ปิดเช่นนี้ เธอทำได้เพียงขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและร้องไห้

 

 

“ช่วยด้วย… ช่วยด้วย! ฉันผิดไปแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ ได้โปรด” ฮว่าเหวินเฟิ่งอ้อนวอนแต่เธอไม่รู้เลยว่าในเวลานั้นใครจะช่วยเธอได้…

 

 

ขณะที่เปลวเพลิงเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เธอก็นึกสงสัยว่าเธอจะต้องตายในวันนี้ใช่ไหม

 

 

อย่างไรก็ตาม ชั่วขณะที่ไฟกำลังจะถึงเท้าของฮว่าเหวินเฟิ่ง กลอนที่ล็อกประตูเอาไว้ได้ถูกเปิดออกและบอดีการ์ดสองคนได้เข้ามาลากเธอออกไป จากนั้นจึงโยนเธอลงกันพื้น

 

 

“ขอบคุณ…” ฮว่าเหวินเฟิ่งนอนกองอยู่กับพื้นอย่างอ่อนแรงขณะที่เธอพยักหน้าด้วยความขอบคุณ ทว่าเสียงอันเยือกเย็นดังก้องมาจากด้านบนตัวเธออย่างฉับพลัน

 

 

“ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งตัวสั่นขณะที่ความหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วไขสันหลังของเธอ เธอเพิ่งจะถูกลากออกมาจากกองเพลิงและร่างกายของเธอยังคงร้อนระอุ แต่… ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเธอได้ยินเสียงนี้ เธอรู้สึกหนาวเย็น

 

 

เพราะคนที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเธอ ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘ลูกชายแสนดี’ ของเธอเอง โม่ถิง!

 

 

“บทเรียนที่คุณเพิ่งได้เจอเป็นการเอาคืนจากเหตุระเบิดที่คุณก่อเมื่อสิบเก้าปีก่อน แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่คุณเจอมันเทียบไม่ได้กับหนึ่งในพันของที่แม่ผมต้องเจอ…

 

 

“แน่นอน อย่ามารื้อฟื้นความหลังกันดีกว่า แต่… เรื่องที่ถังหนิงถูกวางยาพิษ…”

 

 

เมื่อได้ยินคำว่ายาพิษ ฮว่าเหวินเฟิ่งรีบถอยหนีทันที เธอพอเดาคร่าวๆ ได้ว่าโม่ถิงต้องการจะทำอะไร

 

 

“ผมคิดว่าผมควรให้คุณได้เจออะไรที่มันตาต่อตฟันต่อฟัน!”

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งส่ายศีรษะด้วยความกลัว “ไม่ ไม่! ไม่นะได้โปรด”

 

 

กระนั้นฮว่าเหวินเฟิ่งกลับได้ยินเพียงแค่เสียงหัวเราะที่เย็นชา “เหอะ!”

 

 

จากนั้นบอดีการ์ดสองคนเดินเข้าหาฮว่าเหวินเฟิ่ง คนหนึ่งคว้าตัวเธอไว้ ส่วนอีกคนจับขาเธอทั้งสองข้าง จากนั้นก็มีเสียงของน้ำที่สาดกระเซ็นแล้วร่างกายครึ่งบนของฮว่าเหวินเฟิ่งก็ชุ่มโชกไปด้วยน้ำ

 

 

“โม่ถิง… โม่ถิง! ถ้าฆ่าฉัน แกจะต้องติดคุก” ฮว่าเหวินเฟิ่งกรีดร้องด้วยเสียงแหบแห้งขณะที่เธอนอนกองอยู่กับพื้น

 

 

“ฆ่าคุณงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!” โม่ถิงย่อตัวลงมองฮว่าเหวินเฟิ่งด้วยสายตาอันทิ่มแทง “ผมทนคุณมานานแค่ไหนแล้ว แต่คุณกลับไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง! คุณจะทำร้ายใครก็ได้ แต่คุณก็ยังเลือกที่จะทำร้ายถังหนิง…”

 

 

ว่าแล้วโม่ถิงก็ลุกขึ้นยืนและปัดเศษฝุ่นออกจากร่างกาย “ไม่ต้องห่วง ผมทำธุรกิจในวงการบันเทิง แต่ไม่ใช่แก๊งใต้ดิน ผมจะไม่ทำอะไรคุณ แต่ก่อนที่คุณจะไปอยู่ในมือตำรวจ เรายังมี ‘เรื่องสนุก’ แบบที่เราเล่นวันนี้อีกเยอะแยะเลย

 

 

“ผมอยากจะเห็นว่าคุณจะเลือกถูกผมทรมานหรือเลือกที่จะไปอยู่ในคุก!”

 

 

พูดจบ โม่ถิงก็หันกลับไปออกคำสั่งพวกบอดีการ์ด “ปล่อยมันไป พรุ่งนี้เราจะเล่นเกมสนุกๆ กันใหม่”

 

 

บอดีการ์ดทั้งสองคนไม่ได้ติดตามโม่ถิงมาเป็นระยะเวลานาน แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นเขาโกรธขนาดนี้ กระนั้นพวกเขาก็เข้าใจดีว่าฮว่าเหวินเฟิ่งได้ทำร้ายคนที่สำคัญที่สุดของโม่ถิง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งรู้สึกราวกับอยู่ในนรก โดยเฉพาะเมื่อเธอคิดว่าตัวเองเกือบจะถูกเผาและถูกราดด้วยตัวยาบางอย่างไปทั่วตัว ณ เวลานี้ เธอได้แต่หวังให้ตัวเองวิ่งเอาหัวกระแทกผนังแล้วสิ้นสุดความเจ็บปวดนี้เสีย

 

 

“คุณฮว่า เราแนะนำให้คุณไปมอบตัวเถอะ วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องถูกทรมาน”

 

 

“โม่ถิง แกมันโหดเ**้ยมอำมหิต”

 

 

ที่จริงไม่มีใครเคยเห็นด้านที่โหดเ**้ยมเช่นนี้ของโม่ถิง แม้เขาจะบอกทุกคนอยู่เสมอว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนโยนก็ตาม

 

 

แต่แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับว่าฮว่าเหวินเฟิ่งผลักเขาไปไกลแค่ไหน…

 

 

 

 

คืนนั้น ถังหนิงไม่ได้สังเกตว่าโม่ถิงไม่ได้อยู่ข้างกายเธอชั่วขณะหนึ่งในเวลากลางดึก สิ่งที่เธอรู้คือในวันตอนมาเมื่อเธอตื่นนอน เธอได้รับข่าวว่าฮว่าเหวินเฟิ่งได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ

 

 

เธอยอมแพ้!

 

 

ฮว่าเหวินเฟิ่งจะทำอะไรแบบนี้อย่างนั้นหรือ อยู่ๆ เธอจะสำนึกได้ได้อย่างไร

 

 

แม้ฮว่าเหวินเฟิ่งจะไม่อาจหาตัวคนที่ปั่นหัวเธอพบ… อย่างน้อยเธอก็ได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำ

 

 

ถังหนิงรู้สึกว่าโม่ถิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เธอไม่อาจระบุได้ว่าเขาทำมันได้อย่างไร

 

 

เช่นเดียวกับคนที่กำลังซุ่มตัวอยู่ในเงามืด…

 

 

…ถังหนิงระวังตัว แต่เธอรู้ว่าความจริงจะต้องถูกเปิดเผยในที่สุด!

 

 

การยอมแพ้ของฮว่าเหวินเฟิ่งไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน ดังนั้นสื่อจึงไปรายล้อมอยู่รอบสถานีตำรวจ แต่เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ แม้สื่อจะรีบไปเพียงใด พวกเขาก็ไม่อาจได้เห็นฮว่าเหวินเฟิ่งแม้แต่เงา โดยเฉพาะเมื่อเธอจะต้องใช้เวลาที่เหลืออีกหลายปีอยู่หลังกำแพงเรือนจำ

 

 

กระนั้นก็ตาม การมอบตัวของฮว่าเหวินเฟิ่งกระตุ้นให้ผู้ช่วยของซ่งซินรีบทำการแปลงโฉม

 

 

ตำรวจเข้าสืบสวนในไห่รุ่ย แต่ผู้ช่วยของซ่งซินนั้นเจ้าเล่ห์และสงบนิ่งอยู่ตลอดช่วงเวลานั้น ดังนั้นเธอจึงรอดพ้นข้อสงสัยทั้งหมดอย่างง่ายดายและติดตามซ่งซินทำงานชิ้นต่อไป

 

 

“ฮว่าเหวินเฟิ่งนี่มันทำอะไรไม่ได้เรื่อง ใช้ไม่ได้จริงๆ!” ซ่งซินบ่น “ถึงขนาดทิ้งเรื่องวุ่นวายให้ฉันต้องมาจัดการอีก”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก คนพวกนั้นแค่เข้ามาสอบสวนครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีทางสงสัยอะไรพวกเราอีก” ผู้ช่วยพูดปลอบ “ไปกันเถอะ การสัมภาษณ์กำลังจะเริ่มแล้ว เราไม่ควรเสียเวลามาโกรธคนแบบนั้น”

 

 

แน่นอนว่าโม่ถิงและถังหนิงไม่มีทางยืนยันได้ว่าคนที่พวกเขากำลังตามหานั้นมาจากไห่รุ่ยจริง แต่ด้วยนิสัยอันเข้มงวดของโม่ถิง ตราบใดที่มีร่องรอยน่าสงสัย เขาจะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปได้ เขาเพียงแต่ต้องรองและดูว่าคนร้ายจะซ่อนตัวไปได้อีกนานแค่ไหน…

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ตัวตนของเฉินซิงเยียนในฐานะ ‘เจ้าหญิงแห่งไห่รุ่ย’ ได้ถูกเปิดเผย

 

 

เธอได้กลายเป็นน้องสาวของนายใหญ่แห่งวงการบันเทิงโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว ดังนั้นทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอจึงมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

 

 

กระนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงเรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด

 

 

เป้าหมายสูงสุดของเธอคือการได้เป็นสตันต์

 

 

แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนมันแทบจะเป็นไปไม่ได้

 

 

หลินเซิงสังเกตเห็นความไม่สบายใจของเฉินซิงเยียนได้จากระยะไกล จึงคลี่ยิ้มขณะเดินเข้าไปหาเธอ “อะไร ไม่ดีใจหรือไงที่ได้เป็นน้องสาวของโม่ถิง”

 

 

“ทำไมฉันต้องดีใจด้วย จากนี้ไปเวลาคนพูดถึงชื่อฉัน ทุกคนก็จะชี้มาที่ฉันแล้วถามว่าฉันเป็นน้องสาวของโม่ถิงใช่ไหมน่ะสิ” เฉินซิงเยียนกลอกตา “ฉันชอบทำตัวติดดินมากกว่า”

 

 

“ดูเหมือนอันจื่อเฮ่าจะทุ่มเทหัวใจช่วยเธอโดยเปล่าประโยชน์สินะ…” หลินเซิงถอนหายใจ