บทที่ 42 กลับบ้าน!

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นตื่นเต้นดีใจเสียจนกระแอมไอออกมาสองทีและเอาแต่ถามว่า ‘เขามีลูกแล้วหรือ? มีลูกแล้วจริง ๆ เหรอ?’ อยู่อย่างนั้น

 

ซูตานหงได้ยินแล้วก็อยากจะอาเจียน คุณตื่นเต้นที่จะมีลูกถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

 

“ค่ะ ถ้าคุณไม่กลับบ้าน เด็กคนนี้ก็จะจำคุณไม่ได้แน่นอน” แม้ซูตานหงจะกล่าวออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเธอก็บังเกิดรสหวาน ก่อนจะเอ่ยต่อ “ยิ่งกว่านั้นสวนผลไม้ของเรายังเกิดขึ้นแล้วนะคะ กินรัศมีกว้างทีเดียว การที่เรามีสวนอยู่ในหมู่บ้านและเมืองนี้แน่นอนว่าจะต้องมีขโมย เราก็เลยวางแผนก่อกำแพงอิฐล้อมสวนของเราไว้น่ะค่ะ สูงเกือบ 2 เมตร คุณพ่อเองก็อายุเกือบ 60 ปีแล้ว คงจะเฝ้าไม่ไหว ถ้าคุณกลับมาแล้วก็มาช่วยเรื่องนี้ด้วยนะคะ”

 

“ต้นกล้าผลไม้พวกนั้นเจริญเติบโตดีงั้นเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นได้รับข่าวดีอีกเรื่องหนึ่งก่อนที่เขาจะคืนสติจากเรื่องตัวเองมีลูก

 

“ค่ะ คุณไม่ได้อ่านจดหมายที่ฉันเขียนไปถึงคุณเหรอคะ? ฉันบอกไปในจดหมายว่าต้นกล้าไม้ผลที่เราปลูกล้วนรอดชีวิตหมดทุกต้น แล้วฉันเองก็วางแผนว่าจะทำฟาร์มไก่เมื่อถึงตอนนั้นด้วย จากนั้นก็ค่อยเข้าเมือง ตั้งร้านค้าที่ขายไก่และไข่โดยเฉพาะขึ้นมาร้านหนึ่ง” ซูตานหงกล่าว

 

“มันจะไม่ยุ่งเกินไปเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยอย่างอดไม่ได้

 

“ค่ะ อีกไม่นานฉันก็จะท้องแก่จวนคลอดแล้ว เลยจัดการเรื่องนอกบ้านได้ไม่เยอะนัก ถ้าคุณกลับมาได้ก็ได้โปรดกลับมาเถอะนะคะ”ซูตานหงบอก

 

เธอรู้ว่าสามีของเธออยากทำงานรับใช้ชาติ แต่ครอบครัวเล็ก ๆ นี้ก็ต้องการเขาเช่นกัน การไม่มีสามีอยู่ในครอบครัวนับว่าเป็นเรื่องไม่ค่อยดีนัก และเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทช้างเท้าหน้า ดังนั้นเธอจึงอยากให้สามีมาอยู่กับตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่เธอกำลังตั้งครรภ์ ท้องของเธอใหญ่มากแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดที่จะกลับมาดูสักหน่อยหนึ่งเลย

 

แม้เธอจะไม่ได้พูดออกไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอคิดถึงเขาและอยากให้สามีกลับมาที่บ้านมากแค่ไหน

 

ทั้งสองไม่ได้เขียนจดหมายโต้ตอบกันหลายเดือนแล้ว และเขาก็ไม่ได้เขียนตอบเธอเลยเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อได้คุยโทรศัพท์กันแล้วก็ต้องคุยยาวหน่อย หากมีความคับข้องใจประการใดจะได้เป็นการระบาย เพราะในหมู่บ้านมีบรรดาชายหนุ่มโสดที่คอยแต่จะผิวปากทำท่าเจ้าชู้ไก่แจ้ทุกครั้งที่เห็นเธอ ซึ่งสร้างความโมโหให้เธอแทบจะบ้า

 

แน่นอนว่าสิ่งที่เธอเล่าออกมามันออกจะเกินจริงสักเล็กน้อย แต่เธอจะแสดงความคับข้องใจให้เห็นชัดได้อย่างไรหากไม่เติมแต่งเรื่องบ้าง?

 

อย่างไรก็ตามเธอไม่คิดเลยว่าเขาจะเกษียณตัวเองด้วยการลาออก เธอแค่บอกว่าครอบครัวนี้จะไม่ทอดทิ้งเขา แต่ไม่รู้เลยว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะตัดสินใจลาออก คำพูดเหล่านี้จึงทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกแย่

 

“ตานหง อดทนไว้ก่อนนะ ผมจะกลับไปภายในสองวันนี้แหละครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยในทันที

 

“คุณจะกลับมาภายในสองวันเหรอคะ?” ซูตานหงอึ้งไป เธออยากให้เขากลับมาก็จริง แต่ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาด่วนขนาดนี้

 

“ใช่ครับ เดี๋ยวผมจะนั่งรถกลับมา แล้วจะกลับมาถึงในเร็ว ๆ นี้ครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยอย่างรวดเร็ว

 

“ค่ะ คุณกลับมาเร็วจังนะคะ พอลูกชายเราได้ยินว่าคุณจะกลับมาก็เตะท้องฉันอีกแล้ว เขามีความสุขน่ะค่ะ” ซูตานหงเอ่ยรัวเร็ว

 

ความจริงแล้วเจ้าตัวน้อยไม่ได้เตะท้องเธอหรอก แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นที่ได้ยินดังนั้นก็หักห้ามความรักเอาไว้ไม่อยู่ เขาบอกเธอในหลาย ๆ เรื่องก่อนจะวางสายด้วยท่าทางอิดออด

 

เมื่อมองเวลา ซูตานหงก็พบว่าเธอคุยโทรศัพท์นานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอคิดว่ามันน้อยกว่า 5 นาทีเสียอีก

 

“เจี้ยนอวิ๋นจะกลับมาเหรอจ๊ะ?” พี่สาวใหญ่สวี่ถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ค่ะ เขาจะกลับมาดูลูกในอีกสองวันนี้” ซูตานหงยิ้ม

 

“ขากลับเดินระวังด้วยนะจ๊ะ” พี่สาวใหญ่สวี่บอก

 

“ค่ะ เมื่อไหร่ผลไม้ออกแล้ว ฉันจะเอามาให้ชิมนะคะ”ซูตานหงบอก

 

“เยี่ยมไปเลยจ้ะ” พี่สาวใหญ่สวี่ยิ้ม

 

ตอนนี้ภาพลักษณ์ของซูตานหงในหมู่บ้านเป็นไปในทิศทางที่ดีแล้ว โดยเฉพาะสวนผลไม้อันกว้างใหญ่ไพศาลที่ทำให้ใคร ๆ ต่างอยากเป็นมิตรกับเธอ

 

ซูตานหงพาต้าเฮยกลับบ้านไปด้วยความพึงพอใจและตื่นเต้น

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นที่อยู่ในกรมก็กำลังเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วเช่นกัน รวมถึงพัสดุและจดหมายที่ภรรยาเป็นผู้ส่งมาให้ เขาอ่านจดหมายแล้วก็แบ่งของกินให้สหายทั้งหลาย แต่รองเท้าที่ภรรยาของเขาทำให้เขาโดยเฉพาะนั้นเขายังไม่ได้ลองนำมาใส่ดู

 

“ทำไมนายถึงรีบกลับปานนั้นล่ะ? นายต้องพักฟื้นอยู่ที่นี่เดือนหนึ่งไม่ใช่เรอะ!” สหายของเขาพูด

 

“ฉันต้องรีบกลับน่ะ ภรรยาของฉันกำลังท้อง แล้วหล่อนก็อยู่อย่างไม่สงบถูกรังแกอยู่เป็นประจำ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

 

เมื่อสหายของเขาได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกดีใจ “ถึงว่าล่ะว่าทำไมจู่ ๆ นายถึงร้อนใจแบบนี้!”

 

เงินบำนาญหลังลาออกของจี้เจี้ยนอวิ๋นถูกอนุมัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีจำนวน 2,000 หยวน

 

“ทำไมได้เยอะขนาดนี้ล่ะ? ไม่ใช่ 800 หรอกเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นอึ้งไปและเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้รับเงินบำนาญแล้ว

 

 

“เป็นต้าเว่ยที่ขอให้นายได้มากขึ้นน่ะ”สหายคนหนึ่งเอ่ย

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นย่นคิ้ว “คืนเงินส่วนเกินไป…”

 

“เจี้ยนอวิ๋น นายนี่มันโง่เสียจริง นายไม่อยากได้เงินทั้งที่นายได้มาเนี่ยนะ ถ้านายตัวคนเดียวก็ยังมีน้องสะใภ้คอยดูแลเรื่องนี้อยู่ แต่นี่น้องสะใภ้ท้องแล้ว จะไม่ต้องใช้เงินได้ยังไง?”

 

“ใช่ และถ้าไม่เป็นเพราะเขา นายก็เป็นคนฝีมือดีที่สุดของที่นี่! ตอนนี้ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเขา เขาก็เลยอยากจะใช้เงินตรงนี้จ่ายแทนหนี้บุญคุณที่มีต่อนายและไม่ให้นายเอาความกับเขา!”

 

“ใช่!”

 

สหายแต่ละคนพากันพยักหน้า

 

ในตอนนี้เอง เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

 

“ต้าเว่ย นายมาทำอะไรที่นี่?” เมื่อเห็นเขาแล้ว สหายคนหนึ่งก็ย่นคิ้ว

 

“ผมเป็นหนี้ชีวิตคุณแล้ว เงินน้อยนิดเท่านี้คงไม่อาจช่วยอะไรได้ แต่ถ้าในภายหน้ามีเรื่องอะไรที่คุณต้องการความช่วยเหลือ บอกผมได้ทุกเมื่อนะครับ ไม่มีอะไรในอำเภอนี้ที่ผมจะช่วยไม่ได้ อีกอย่างผมได้ยินว่าพี่สะใภ้ตั้งท้องเหรอครับ ลูกชายของคุณจะเป็นลูกชายอุปถัมภ์ของผมได้ไหมครับ?” โจวต้าเว่ยพูด

 

อย่ามองเพียงชื่อแสนเชยของโจวต้าเว่ยเลย เขาเป็นคนหน้าตาหล่อเหลามาก และไม่ต้องพูดถึงตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเขา

 

สหายหลายคนเหลือบมองโจวต้าเว่ยแล้วก็ไม่พูดอะไรมากนัก

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นเหลือบมองเขา “ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้หรอก ฉันต้องถามภรรยาของฉันก่อน”

 

“ครับ ถ้าผมมีเวลากลับไปแล้วผมจะตามหาคุณนะครับ” โจวต้าเว่ยเอ่ย

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า

 

หลังจากที่โจวต้าเว่ยจากไปแล้ว สหายของเขาก็เอ่ยขึ้น “อย่างน้อยเจ้าเด็กนั่นก็มีความเป็นคนบ้าง!”

 

“เจี้ยนอวิ๋น นายรับไว้พิจารณาก็ได้นะ นายก็รู้สถานะของตระกูลโจวในอำเภอนี้ แล้วมันก็จะพัฒนาดีขึ้นเพื่อลูกหลานของนาย”สหายอีกคนหนึ่งพูด

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “ตอนนี้จะเป็นลูกสาวหรือลูกชายก็ยังไม่รู้เลย แล้วภรรยาของฉันต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้ก่อน”

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่มีของอะไรมากนัก แค่เสื้อผ้าที่ใช้เปลี่ยนบางชุด เขาจึงไม่ต้องแบกอะไรไปมากเวลาขึ้นรถ ครั้งนี้เขาซื้อที่นอนนุ่ม ๆ มาแล้ว และสหายก็ให้ผลไม้มาเป็นจำนวนมาก เขาจึงกินมากกว่าเดิมโดยที่ไม่ต้องกั๊กไว้

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นอำลาทีละคน ก่อนจะนั่งรถกลับไปยังบ้านเกิดท่ามกลางสายตาของสหายของเขา

 

อีกฝั่งหนึ่ง ซูตานหงก็ตื่นเต้นเหลือเกินจนลงมือทำความสะอาดบ้านที่แต่เดิมก็สะอาดอยู่แล้ว คุณแม่จี้มาเห็นก็เอ่ยขึ้น “ฉันล่ะละอายตัวเองเหลือเกินเวลาต้องนั่งตรงที่เธอทำความสะอาดไปแล้ว”

 

“คุณแม่พูดอะไรกันคะ คุณแม่อยากนั่งตรงไหนในบ้านก็เชิญนั่งได้เลยค่ะ” ซูตานหงเอ่ยอย่างห้ามความยินดีไว้ไม่อยู่

 

“เจี้ยนอวิ๋นอยากกลับมางั้นเหรอ?” คุณแม่จี้ยิ้ม

 

“ค่ะ เขาคงกลับมาปลอดภัย เมื่อวานนี้เขาขึ้นรถแล้ว และน่าจะมาถึงที่นี่เช้าตรู่วันพรุ่งนี้ค่ะ” ซูตานหงเอ่ยอย่างปิดบังอาการดีใจไม่อยู่

 

คุณแม่จี้เองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน

 

………………………………………………………