ตอนที่ 35 แน่นอนว่าต้องเช็ดแป้งเยอะหน่อย

อันโหรวเคยคิดอย่างมั่นใจแล้วว่าตัวเองนั้นได้ปล่อยวางลงไปบ้างแล้ว แต่เมื่อเห็นฉากนี้เข้า ภายในใจของเธอนั้นก็พลันเต้นรัวๆ และมือของเธอก็เผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว

ก่อนหน้านี่แม้ว่าเขาจะแต่งงานกับเหลียวเว่ย แต่เขากับเหลียวเว่ยก็ไม่ได้ทำตัวสนิทสนมต่อหน้าเธอแบบนี้มาก่อน

แต่ทว่าตอนนี้…

ดวงตาของอันโหรวพลันเย็นลงเรื่อย ๆ มือของเธอก็กำหมัดแน่นมากขึ้นมากขึ้น

ด้วยฉากนี้ ถูกพบเห็นโดยสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง ความสงสัยภายในใจที่ฝังลึกนั้นพลางปรากฏขึ้นมาโดยทันที

ถ้าหากสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่นี้ ว่าตัวของเธอนั้นตรวจสอบโอวหยางลี่มาก่อน แต่ทว่าด้วยกิริยาท่าทางของเธอในยามนี้ มันช่างใส่ใจ ราวกับ….

จิ่งเป่ยเฉินเฝ้ามองดูอันโหรวที่กำลังจดจ้องโอวหยางลี่ ดวงตาที่แทบจะไม่กระพริบตาบนใบหน้าของเธอ มันเริ่มจะสังเกตให้เห็นถึงความผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นาน เขาก็ยกมือขึ้นมาและโบกสลับไปมาผ่านตาของอันโหรวและเอ่ยขึ้น “นี่คุณไม่เคยเห็นชายหญิงแสดงความรักกันหรอกเหรอ? ถึงได้จดจ้องโดยไม่กระพริบตาออกมาเลยแบบนี้?”

ในไม่ช้า อันโหรวก็ได้สติขึ้น และรีบฟื้นฟูจิตใจของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ และเอ่ยตอบเขาไปว่า “ฉันมีลูกแล้วนะคะ แน่นอนว่าต้องเคยสัมผัสแสดงความรักชายหญิงเช่นนี้มาก่อน” เมื่อพูดจบ เธอก็เดินไปเปิดประตูรถ และเข้าไปในนั้น พร้อมกับปิดประตูรถด้วยแรงกระแทกที่บ่งบอกถึงความน่ารำคาญออกมาได้

หากมองในสายตาคนธรรมดาแล้ว พนักงานคนนี้จะดูหยิ่งยโสต่อหน้าบอสของตัวเองเกินไปรึเปล่านะ?

จิ่งเป่ยเฉินหรี่ดวงตาลงมาเล็กน้อย ไม่ช้าภาพความคิดก็ปรากฎผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีนิสัยที่เย่อหยิ่งผยอง  ท่าทางลักษณะก็คล้ายกับเย็นชาอยู่บ้าง….

ก็อดไม่ได้ที่จะเผยอรอยยิ้มในมุมปากขึ้นมา บนใบหน้าก็แทบจะมีความสุขเขียนออกมาเต็มๆ

รูปร่างลักษณะแบบนี้ แน่นอนว่าอันโหรวที่นั่งอยู่ในรถเหลือบเห็น พลางคิดในใจไปว่า นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่? ทำไมถึงได้ทำหน้ามีความสุขแบบนั้น?

เมื่อจิ่งเป่ยเฉินเข้ามาในรถ ก็รีบเอ่ยพูดด้วยความรวดเร็วไปว่า “เป็นอะไรไป?”

“ประธานจิ่ง ฉันกับเสี่ยวหยางนั่งรอคุณอยู่ในรถตั้งนาน แต่คุณกับหัวเราะคิดคักอยู่นอกรถคนเดียวแบบนี้ต้องถามว่ามีอะไรยังงั้นเหรอค่ะ?”

ดวงตาของคนขับรถเสี่ยวหยางพลันเบิกกว้างโต เขาแทบจะหดหัวกลับทันที ไม่รู้เพราะว่าอะไรอันอีหานถึงได้นำชื่อของตนไปเอ่ยออกมาแบบนั้น? นี่เธอกล้ามากเลยนะที่ได้พูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าประธานจิ่ง!

เมื่อได้ยินคำว่าหัวเราะคิกคักออกมา จิ่งเป่ยเฉินก็พลันทำสีหน้าดำดิ่งมืดครึ้มลงทันที และรีบเอ่ยออกไปว่า “เสี่ยวหยางออกรถเถอะ”

เสี่ยวหยางพยักหน้าตอบกลับด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะใช้เท้าเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถ

เมื่อรถลีมูซินได้ขับออกมาได้สักพักนึง จิ่งเป่ยเฉินก็เขยิบเข้ามาใกล้อันโหรว พร้อมเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เธอนั้นตกใจเขยิบถอยหลังลงไปทันที

“อันอีหาน เธอกับโอวหยางลี่รู้จักกันเหรอ?”

“คำถามเดิมสองครั้งสองครา ทำไมต้องถามคำถามเดิมสองครั้งแบบนี้ด้วย?” อันโหรวเอามือของเธอดันไปที่หน้าอกของเขา เพราะว่าตัวของเขานั้นเขยิบเข้ามาใกล้เธออีกแล้ว!

“ก็ง่ายนิดเดียว ตัวเธอนั้นดูน่าสงสัย” สายตาที่บ่งบอกของเขา มันเหมือนกับว่าเขานั้นมองเห็นจนหมดเปลือก สายตาที่เย็นชาพลันดูเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

“ฉันไม่รู้จักประธานโอวหยาง อีกอย่างเขาเองก็ไม่น่ารู้จัก นอกจากนี้ ฉันจำเป็นที่ต้องโกหกคุณด้วยเหรอค่ะ?” เมื่อพูดจบ เธอก็ใช้แรงทั้งหมดของเธอผลักไปที่อกของจิ่งเป่ยเฉินเพื่อให้เขาถอยออกไป

แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาคู่นั้นของเขากำลังจับจ้องไปที่อันโหรว และพลางคิดในใจว่า ดวงตาของเธอนั้น มันช่างคล้ายกันมาก

เขาจับมือของเธอและใช้แรงเล็กน้อย เพื่อกดมือของเธอ แล้วจากนั้นจึงใช้มืออีกข้างเข้าไปสัมผัสบนใบหน้าของเธอเข้าอย่างช้าๆ

ไม่ช้าเท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงดัง ปัง อันโหรวเผลอเอาหัวตัวเองไปกระแทกเข้ากับหลังคารถ ไม่นานบนศีรษะของเธอก็ปรากฎรอยแดงขึ้นมาให้เห็น

จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะพิจารณาไปที่แป้งฝุ่นที่อยู่บนใบหน้าของอันโหรว จากนั้นจึงใช้นิ้วของตนค่อยๆสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธอในยามนี้

“บอกความจริงกับคุณก็ได้ ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึงค่ะ เธอเป็นแฟนเก่าของเขา ถูกหักหลัง และถูกคนๆนั้นไปแต่งงานกับคนอื่น ตอนนั้นฉันเห็นเพื่อนร้องไห้จนแทบตาบวม และต้องใช้เวลานานสักพักนึงถึงจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ เมื่อฉันได้เห็นประธานโอวหยาง แน่นอนว่าก็ต้องคิดถึงเพื่อนของฉันขึ้นมาทันที ก็เลย…” อันโหรวพูดจบในความรวดเร็ว ก่อนจะถอนหายใจเฮือกนึงออกมา มันเป็นความจริงที่ผสมออกไปยากที่ผู้คนจะแยกแยะออก

ตอนที่เธอไปยังประเทศอังกฤษ สองเดือนก่อนหน้านั้น เธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงโอวหยางลี่ คิดถึงตระกูลอัน คิดถึงพ่อแม่ กลางดึกก็ต้องหดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและร้องไห้ออกมา จนกระทั้งเธอรู้ตัวเองว่าตัวเองนั้นกำลังตั้งท้อง ด้วยความที่เห็นแก่เด็ก เธอก็ได้สลัดภาพที่น่าทุเรศภายในใจของเธอออกไป

“แต่ท่าทางแบบนี้ มันไม่เหมือนกับว่าจะเกิดกับเพื่อนของคุณเลยนะ มันเหมือนกับว่าคนที่ประสบพบเจอกับตัวเองเท่านั้น ถึงจะทำแบบนั้นได้” จิ่งเป่ยเฉินตอบกลับอย่างเย็นชา มันเป็นการตอกกลับที่คล้ายดั่งตะปูที่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจ

เมื่อคิดถึงจุดที่เธอเคยเอ่ยมาว่าเรื่องสามี แน่นอนเธอคงไม่มีทางอยู่ในขั้นตอนการเตรียมงานแต่งแน่ๆ อาจจะเป็นไปได้มากกว่า ที่เธอนั้นกลับถูกผู้ชายทิ้ง

“คุณไม่ใช่ผู้หญิง แน่นอนคุณไม่มีทางเข้าใจในหัวอกของเพื่อนฉันหรอกค่ะ ผู้หญิงทุกคนมักมีหัวใจที่สื่อถึงกันได้”อันโหรว ไม่ชอบให้เขามองเธอด้วยสายตาเช่นนี้ มันเหมือนกับถูกมองทะลุปรุโปร่งราวกับไม่มีเสื้อผ้าขวางกั้น

ดังนั้นด้วยความคิดที่ค่อนข้างระวังของตัวเธอเอง หากเผชิญหน้ากับเขามันก็แทบเหมือนจะไม่มีอะไรซุกซ่อนเอาไว้ได้

จิ่งเป่ยเฉินถูไปที่แป้งบนใบหน้าของเธอ ก่อนที่จะขมวดคิ้วและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปว่า “มีแป้งเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ต้องยอมรับนะว่า เขาคนนี้เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนาที่ค่อนข้างไวมากนัก

อันโหรวก้มศีรษะลงโดยไม่มองแม้แต่ตัวเขา “ฉันน่าเกลียด แน่นอนว่าต้องทาแป้งเยอะ”

หากตีความหมายนัยๆ ก็ประมาณว่า ตัวของฉันนั้นน่าเกลียด คุณอย่าได้เข้ามาใกล้นักเลย! อย่าเลือกอาหารไปทั่วเวลาคุณหิว!

……….

ตอนที่ 36 เหมือนเธอมาก

จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองเธอและเอ่ยคำพูดอย่างเฉยเมย “ดวงตาของคุณสวยจริงๆ”

มันคล้ายกับประกายท้องฟ้าในยามค่ำคืน เป็นระยิบระยับ เหมือนเธอมากนัก

เมื่อคิดถึงจุดนี้ จิ่งเป่ยเฉินก็เอ่ยวาจาที่ดูนุ่มนวลขึ้นมาอีกครั้ง

ทั้งสองคนแทบไม่ได้พูดคุยกันในรถ อันโหรวที่นั่งอยู่ทางซ้ายสุด ที่ห่างไกลกว่าเขาหน่อย เพราะในรถนั้นมีขนาดค่อนข้างกว้าง

จนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น ทำลายความเงียบงันที่อยู่ในรถ จิ่งเป่ยเฉินมองไปยังรายชื่อผู้ที่โทรเขา ก็พบว่าเป็นฉีเซิ่งเทียนที่โทรเข้ามา

“หมิ่นลี่ เด็กคนนี้กลับมาจากเยอรมันแล้ว พี่น้องทุกคนรวมตัว ห้ามมาสาย เที่ยงตรง สถานที่เก่า โรงแรมไค่ฮวา”

“อืม” คำสั้น ๆที่บอกเป็นนัยๆว่า เขาไปแน่นอน

“อย่าได้แค่อืม จะต้องมาให้ได้นะ ไม่อย่างงั้นจะโดนหมิ่นลี่ถลกหนังแน่ๆ”

“อืม” จิ่งเป่ยเฉินพูดจบก็พลันวางโทรศัพท์ลงไป เขาพูดเพียงแค่สองคำแรกตั้งแต่ต้นยันจบ ล้วนแล้วแต่เป็น อืม

เมื่อปลายสายโทรศัพท์ได้รับสิ่งที่ตนเองถูกวางสายใส่ ฉีเซิ่งเทียนก็พลันระเบิดอารมณ์ แต่ก็ไม่มีประโยคอะไร เฮ้อ จิ่งเป่ยเฉินตั้งแต่เด็กจนโตล้วนเป็นแบบนี้ตลอด เพียงแต่มีแค่คนๆเดียว ที่หยุดรั้งเขาไว้ได้ นั้นก็คือผู้หญิงคนเดียวที่หายตัวไปเมื่อห้าปีก่อน

เฮ้อ พูดไปแล้วก็น้ำตาเล็ด!

“ไปที่โรงแรมไค่ฮั่ว”

เมื่อได้รับคำสั่งจากประธานจิ่ง เสี่ยวหยางก็พงกหัว พร้อมหมุนพวงมาลัย และเลี้ยวไปเส้นทางอื่นโดยทันที

อันโหรวรู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้กำลังจะเข้าสู่สังคมเพื่อคุยงาน ภายในใจก็เริ่มที่จะเข้าใจและเอ่ยออกไปว่า “เสี่ยวหยาง รบกวนคุณช่วยจอดให้ฉันที่สี่แยกข้างหน้าที”

“เธอ ก็ไปกับฉันด้วย” เมื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติของเขา

เธอไม่เข้าใจจริงๆ นี่เขาจะเข้าสังคมเพื่อออกงานนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?

“ประธานจิ่งหากคุณต้องการเกี่ยวกับประชาสัมพันธ์เรื่องบริษัท ฉันว่าให้พนักงานไปมันจะดูไม่เหมาะ ฉันว่าฉันไม่ไปดีกว่าค่ะ….”อันโหรวเอียงหัวเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมาพร้อมเอ่ยอย่างตรงๆเพื่อปฏิเสธ แต่เขาก็ถูกชายคนนั้นยกมือขัดห้ามไว้

“ฉันแค่แจ้งให้คุณทราบ ไม่จำเป็นต้องเสนอความคิด”

เสี่ยวหยางมองไปยังประธานจิ่งผ่านกระจกหลัง เมื่อเห็น ท่าทางเช่นนี้เขาเองก็แทบตกใจ! ประธานจิ่งมองดำดิ่งทำสีหน้ามืดครึ้มลงไปเล็กน้อย ส่วนอันอีหานเองก็แทบเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง

เมื่อเห็นประธานจิ่งด้วยท่าทางเช่นนี้ เขาไหนเลยจะกล้าหยุดรถ ทำได้เพียงจ้องมองผ่าน และฉายแววด้วยสายตาที่โศกเศร้า ก่อนจะเหยียบคันเร่ง และตรงไปยังโรงแรมไค่ฮั่ว

นับว่าเป็นเรื่องที่แปลก ประธานจิ่งไม่ได้มาที่โรงแรมไค่ฮั่วมานานแล้ว ประธานจิ่งส่วนใหญ่หากจะมาเข้าสังคมเพื่อออกงาน ก็แทบไม่เหยียบย้ำที่โรงแรมไค่ฮั่วเลยด้วยซ้ำ

นอกเสียจากประธานจิ่งกำลังยุ่งเรื่องเกี่ยวกับเรื่องธุระส่วนตัวเท่านั้นถึงจะไปยังไค่ฮั่ว หรือไม่ก็ประธานจิ่งคิดอยากจะแนะนำผู้หญิงคนนี้ให้ยังงั้นเหรอ? หรือไม่ก็ต้องมีเหตุพาอันอีหานไปยังที่แห่งนั้นแน่ๆ?

ว่าแต่อันอีหานนี่จะโชคดีเกินไปแล้ว!

เพียงแต่ว่า คนที่เสี่ยวหยางพูดอย่างเงียบๆ ตอนนี้ภายในใจนั้นรู้สึกไม่ได้อึดอัดใจ รู้สึกรำคาญอย่างยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังดึงเธอออกไปด้วยท่าทีเชิงบังคับทั้งสิ้น!

จิ่งเป่ยเฉินขมวนคิ้วเล็กน้อย พร้อมเหยียดเบาะลงไปอย่างสบายสบายๆ ก่อนจะทำท่าพึงพอใจตัวเองนัก

รถลีมูซีนสีดำได้มาจอดที่ตรงหน้าประตูหมุนของโรงแรมไค่ฮั่ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนต่างก็มาที่ข้างหน้าด้วยความเคารพ

ทุกคนต่างก็จำเลขทะเบียนรถของพวกเขาได้ นั้นก็คือรถของประธานจิ่ง ประธานจิ่งที่ไม่ได้มาโรงแรมไค่ฮั่วนานแล้ว ก่อนหน้านั้นผู้จัดการยังเอ่ยอยู่เมื่อครู่นี้นี่เอง

อย่างไรก็ตาม ผู้คนเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่คิดไม่ถึง ว่าภายในรถจะมีผู้หญิงคนนึงออกมาด้วย! ทั้งยังเป็น…ผู้หญิงที่ขี้เหร่ และน่าเกลียดจนเบ้าตาแทบจะทะลุ

“ฉันไม่ไป” อันโหรวเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา เมื่อพูดจบก็ก้าวหันหลังกลับมา พร้อมเดินไปข้างหน้าด้วยรองเท้าส้นสูง

การเคลื่อนไหวครึ่งก้าวเมื่อครู่ ก็ทำให้เสี่ยวหยางและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแทบจะตาย พวกเขาแทบไม่อยากจะเห็นหน้าด้วยซ้ำ

จิ่งเป่ยเฉินโบกมือยาวๆของเขา และดึงมือของเธอไปด้วย ช่วงเวลานั้น ทำให้อันโหรวแทบขยับไม่ได้

เขามองที่เธอเพียงหนึ่งครั้ง ก่อนจะที่บิดข้อมือไปมา และใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อที่จะเอื้อมแขนของเขา

“ที่แท้คุณก็ชอบแบบนี้นี่เอง” ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็โอบแขนของเธอไว้และก้าวไปยังโรงแรมไค่ฮั่ว

อันโหรวแทบจะระเบิดอารมณ์ขึ้น ใครจะรู้ว่าชอบแบบนี้ เธอรู้ว่าดีว่า เปลี่ยนเขาเปลี่ยนได้เปลี่ยนสันดานนั้นเปลี่ยนยาก[1] ใครจะคิดล่ะว่าบุคลิกของเขาจะเปลี่ยนไปแบบนี้

ด้วยท่าทีที่หยิ่งผยองและเมื่อตัดสินใจอะไรแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง

ในเมื่อช่วยอะไรไม่ได้ อันโหรวก็ทำได้แค่เดินตามเขาเข้าไป

แต่ทว่า เธอคิดไม่ถึงเลยว่า นี่จะไม่ใช่แค่การเข้าสังคมแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการรวมตัวกันของพี่น้องเสียมากกว่า

แม้แต่คนที่เธอคิดไม่ถึงก็อยู่ที่นี้ด้วย

“พี่เฉิน” เสียงของผู้หญิงแผ่วเบาขึ้นมา มันคล้ายกับเสียงที่เหมือนราดน้ำผึ้ง น้ำเสียงหวานช่วยลุ่มหลง

อันโหรวตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงของเธอ เมื่อหันไปดู ก็ทำให้ร่างกายของเธอพลันนิ่งเงียบ

เป็นเธอ….ถังซือเถียน