บทที่ 40 ภารกิจต่อเนื่องที่สอง

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

ขณะนี้บนโต๊ะภายในห้องทำงานของแผนกฉุกเฉินมีตะกร้าผลไม้หรูหราวางอยู่หลายสิบตะกร้า! แต่ละตะกร้ามีผลไม้ราคาแพงเรียงอยู่เต็มตะกร้า ด้านในมีมังคุด องุ่นแดง สละ ทุเรียน ขนุน เชอรี่ผลใหญ่…ตะกร้าผลไม้วางเรียงเต็มโต๊ะในห้องทำงานของแผนกฉุกเฉิน!

ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานของเวรกลางวันพอดี แต่คนกลุ่มหนึ่งยังไม่ยอมเลิกงาน กลับพากันมาล้อมโต๊ะหยิบของในตะกร้า

เถียนเซียงหลานทอดถอนใจ “เฮ้อ…นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินผลไม้แพงๆ ในห้องทำงานแผนกฉุกเฉินเลยนะคะ!”

ฉางลี่น่าพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ แต่ก่อนฉันตัดใจซื้อทุเรียนไม่ได้ แต่ในนี้มีแต่เนื้อๆ ทั้งนั้น คงหนักหลายจินอยู่นะคะ? ต้องใช้เงินมากเลย!”

ฉินเยว่ปอกมังคุดแล้วกัดไปคำหนึ่ง “ไม่เลวๆ คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้พึ่งบารมีเฉินชางด้วย”

คนกลุ่มนี้คุยกันเสียงดังจ้อกแจ้ก ล้วนกล่าวกันว่าที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นไม่เคยเงียบเหงา

แต่ว่า…

หวังเชียนกลับเป็นเหมือนน้ำนิ่ง เอาแต่เขียนประวัติผู้ป่วย ไม่พูดอะไรสักคำ

ฉินเยว่ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม “พี่เชียน พี่กินผลไม้ไหมคะ? ปกติพี่ชอบกินมากไม่ใช่เหรอ?”

เหล่าเฉินก็พยักหน้ายิ้มๆ “ใช่แล้วเสี่ยวหวัง พวกเรากินไม่หมดหรอก เอากลับไปให้ภรรยาคุณบ้างเถอะ!”

หวังเชียนส่ายหน้า พูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ทุกคนกินเถอะ วันนี้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายท้อง”

สือน่าหัวเราะออกมา “แต่ผลไม้ของแผนกฉุกเฉินมีไม่เยอะจริงๆ สู้ซื้อจากข้างนอกก็ไม่ได้ ส่วนแผนกสูตินารีเวชนั้น…มีแต่ผลไม้ มาเถอะค่ะ? หัวหน้าอัน มากินผลไม้หน่อยเถอะค่ะ”

อันเยี่ยนจวินส่ายหน้า “ไม่ดีกว่าครับ ผมรู้สึกเย็นท้อง ขอไปกินอะไรร้อนๆ หน่อยดีกว่า”

…………

…………

[ติ๊ง! ได้รับภารกิจต่อเนื่อง คำขอร้องของจ้าวหู่ชิว

รางวัล: ค่าความรู้สึกดีของจ้าวหู่ชิว +10

โปรดสำรวจต่อไปเพื่อภารกิจเกี่ยวเนื่อง

ข้อเสนอแนะ: ตามหา NPC ที่เป็นส่วนสำคัญ]

เฉินชางส่ายหน้า NPC ที่เป็นส่วนสำคัญ?

จะเป็นใครได้ล่ะ?

ตอนนี้เฉินชางอยู่บนรถเรนจ์โรเวอร์ เอ่ยถามขึ้นว่า “ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”

จ้าวหู่ชิวยิ้มออกมา “หมอเสี่ยวเฉิน คราวนี้ผมอยากให้คุณช่วยจริงๆ นะครับ วันนี้ลูกสาวของหัวหน้าผมถูกกรีดขาเป็นรอย ต้องเย็บแผล หัวหน้าของผมใช้เส้นสายหาหมอที่เชี่ยวชาญการเย็บแผลมาหลายคนแล้ว แต่พวกเขาไม่รับประกันว่าแผลจะออกมาดูดี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทั้งในมณฑลนอกมณฑลก็หามาหมดแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้เลย”

“ผมก็เลยคิดถึงคุณขึ้นมา ผมว่าด้วยความสามารถของคุณจะต้องทำได้แน่! ผมเห็นแผลที่คุณเย็บให้จางต้าหลงแล้ว สวยจริงๆ! ผมว่าถ้าคุณลงมือต้องไม่มีปัญหาแน่”

เฉินชางส่ายหน้า “ผมก็ไม่กล้ารับประกันหรอกครับว่าจะเย็บออกมาดูดีหรือเปล่า การรักษามีความเสี่ยงและเรื่องเกินความคาดเดาอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่มีใครกล้ารับประกันหรอกครับ! ให้ผมไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากันนะครับ”

จ้าวหู่ชิวพยักหน้า “ได้ครับได้ คุณต้องทำได้แน่!”

“ผมส่งสภาพแผลที่คุณเย็บให้จางต้าหลงไปให้ผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นดูแล้ว หลังจากดูก็เอาแต่พูดว่าเป็นไปไม่ได้ ดูปลอมเกินไป! ฮ่าๆ…ผมรู้ว่าคุณจะต้องทำได้แน่!”

เฉินชางทอดถอนใจ ไม่พูดอะไรอีก

แต่เขาตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่า หลังจากไปดูแล้ว ถ้าไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์จะไม่ยอมลงมือเด็ดขาด!

มิฉะนั้นถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา ตนคงรับผิดชอบไม่ไหว

แม้ภารกิจต่อเนื่องจะมีแรงดึงดูดมาก แต่เมื่อเทียบกับอาชีพแล้ว เฉินชางยังชอบปลอดภัยไว้ก่อน

ตนเพิ่งมีระบบ ควรเติบโตไปดีๆ อย่าไปใกล้พวก “คนใหญ่คนโต” เหล่านี้มากเกินไป

มิฉะนั้นถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา ใครก็ช่วยตนไม่ได้

ไม่ต้องพูดถึงลูกพี่ของจ้าวหู่ชิวเลย แค่จ้าวหู่ชิว เฉินชางก็ล่วงเกินไม่ได้แล้ว

รถเรนจ์โรเวอร์คันนี้ จะอย่างไรก็ต้องใช้เงินสองล้านกว่าหยวนเลยสินะ?

ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังยังมีรถตามมาอีกหลายคัน แม้จะไม่แพงแต่ก็ไม่ได้ถูก

อันหยางไม่ใหญ่ แต่ยังต้องขับรถไปกว่าครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงเป้าหมาย

ที่นี่มีอุทยานอยู่แห่งหนึ่ง ด้านข้างมีหมู่บ้านอยู่แห่งหนึ่ง ทั้งยังมีสนามกอล์ฟตามมาตรฐานนานาชาติเพียงหนึ่งเดียวในตงหยางอยู่ด้วย

ก่อนหน้านี้เฉินชางเคยมาที่อุทยาน เข้าไปเก็บลูกกอล์ฟในสนามกอล์ฟ

ปกติกอล์ฟเป็นกีฬาของคนรวย หลายครั้งที่ตีลูกกอล์ฟไปแล้วไม่เก็บกลับมา

จ้าวหู่ชิวไปลงทะเบียน เมื่อด้านในโทรออกมาจึงค่อยปล่อยให้จ้าวหู่ชิวขับรถเข้าไปเองได้ ส่วนลูกน้องของเขาทำเพียงรออยู่บริเวณประตู

ไม่กล่าวไม่ได้ว่าเขตบ้านเดี่ยวก็ยังสมกับเป็นเขตบ้านเดี่ยว มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและความสะอาดทำให้ผู้คนไม่กล้าโยนกระดาษทิ้งแม้แต่แผ่นเดียว

ใต้ต้นไม้มีรังกระต่ายมากมาย มักมีกระต่ายตัวน้อยโผล่ออกมาวิ่งเล่นบ่อยๆ ทั้งยังมีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยชนิดอื่นอยู่อีกด้วย

เฉินชางมองจนเหม่อ

นี่คือโลกของคนมีเงินหรือ?

เปิดสวนสัตว์ในหมู่บ้านหรือไง?

บนทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์มีเรือยอร์ชจอดอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อดูจากป้ายแล้วดูเหมือนข้างหน้าจะมีเขตตกปลาอยู่ด้วย

จ้าวหู่ชิวยิ้ม “ดูเว่อร์สินะครับ?”

เฉินชางพยักหน้าแรงๆ

“ครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ก็มองจนเหม่อไปเหมือนกัน! พวกคนมีเงินนี่มันรวยจริงๆ!”

ทั้งสองเดินทางมาถึงบ้านเดี่ยวสามชั้นหลังหนึ่ง จากนั้นจึงมีแม่บ้านเดินนำพวกเขาเข้าไป

เมื่อเฉินชางเดินเข้าไปก็พบว่ามีชายอายุประมาณห้าสิบกว่าปีคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องรับแขก รอบๆ ยังมีคนอยู่จำนวนหนึ่ง บ้างนั่งบ้างยืน ส่วนใหญ่สวมเสื้อกาวน์สีขาว

คนเหล่านั้นกำลังสนทนากันอยู่ด้านใน

“ไม่สมเหตุสมผลเลย วิธีการเย็บแผลแบบนี้ลดรอยแผลได้จริงๆ แต่ไม่ค่อยดีต่อการซ่อมรอยสักดั้งเดิมเท่าไหร่”

“ตอนเย็บผิวหนัง จะต้องรักษารายละเอียดของดอกไม้ดอกนี้ไปด้วย ดังนั้นตอนเย็บแผลพวกเราต้องพิจารณาถึงเรื่องรอยแผลเป็นให้ดี ภายหลังค่อยใช้เครื่องมือช่วยรักษาผิว อาจจะดีขึ้นบ้าง”

……

ไม่ว่าคนรอบๆ จะพูดอย่างไร ชายหน้าเหลี่ยมอายุห้าสิบกว่าปีคนนั้นยังคงรู้สึกหงุดหงิดจนไม่พูดอะไร หยิบชาถ้วยชาขึ้นมา ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เฉินชางไม่ได้เป็นหมอเฉพาะทางด้านศัลยกรรมความงาม ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการฟื้นฟูผิวอย่างละเอียดนัก แต่เมื่อฟังจากบทสนทนาของคนเหล่านี้ คิดว่าต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแน่นอน

การมาถึงของเฉินชางไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นนัก ทำเพียงมองครู่เดียวเท่านั้น

จ้าวหู่ชิวเดินมาหน้าชายคนนั้น พูดอย่างนอบน้อมว่า “หัวหน้าครับ นี่คือผู้มีฝีมือที่ผมอยากแนะนำให้คุณ หมอเฉิน!”

ชายคนนั้นส่งเสียงตอบ พยักหน้าอย่างเรียบเฉย จากนั้นจึงเงยหน้าถาม “คนที่คุณบอกว่าเย็บแผลให้เพื่อนคุณน่ะเหรอ?”

จ้าวหู่ชิวพยักหน้า “ผมคิดว่าลองดูก็ได้นะครับ เมื่อวานผมดูแขนของจางต้าหลงแล้ว การฟื้นตัวดีมาก ตอนนั้นผมใช้ขวดเบียร์ทำให้เขาเป็นแผลด้วยมือตัวเอง แต่ตอนนี้ฟื้นตัวได้ดีทีเดียว แล้วยังสวยกว่าเดิมด้วยนะครับ”

ชายกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง?”

จ้าวหู่ชิวส่ายหน้า “หัวหน้าครับ ตอนคุณอายุสามสิบก็ได้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ระดับร้อยล้านแล้ว คนเราไม่อาจดูแค่ภายนอก ผู้มีความสามารถไม่ได้อยู่ที่อายุ! ไม่งั้นคุณให้เขาดูแผลก่อนเป็นไงครับ? ดูก่อนว่าเขาจะพูดยังไง?”

ชายวัยกลางคนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดกับจ้าวหู่ชิวว่า “คุณให้เขาเข้ามาเถอะ ผมจะถามอะไรเขาหน่อย”

จ้าวหู่ชิวพยักหน้า จากนั้นจึงเดินไปหาเฉินชาง “หมอเสี่ยวเฉิน หัวหน้าผมต้องการถามอะไรคุณหน่อยนะครับ”

เฉินชางพยักหน้าแล้วจึงเดินเข้าไป พูดอย่างเรียบเฉยว่า “สวัสดีครับ”

เฉินชางไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือทำอะไรไม่ถูก เขาคิดว่าตนไม่ได้มาขอร้องเขา ทำไมต้องกลัวด้วย?

ชายวัยกลางคนพยักหน้า “สวัสดีครับ ผมชื่อเจิ้งกั๋วถาน”

เฉินชางรู้จักชื่อนี้ เพียงแต่ไม่เคยเห็นหน้า

ผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองอันหยาง

ซึ่งก็คือผู้ที่ทำให้ราคาบ้านในมณฑลตงหยางเพิ่มสูงขึ้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เฉินชางก็อยากหมุนตัวเดินกลับ หากไม่ใช่ว่าบนศีรษะของเจิ้งกั๋วถานมีเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่สีเขียวปรากฏอยู่ล่ะก็นะ…