ขณะที่แคลร์เดินไปช้าๆ เสียงของวัลโดก็ดังขึ้นในหัวของนาง 

 

 

“แคลร์ ไม่เอาน่า เจ้าจะสู้จริงๆ หรือ?” วัลโดกระวนกระวายใจ 

 

 

“อืม” แคลร์ตอบเรียบๆ ตั้งแต่ที่นางวางแผนว่าจะลงมือ นางก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว 

 

 

“คนผู้นั้นแข็งแกร่งมากนะ เขาแข็งแกร่งมากๆ เจ้าเอาชนะเขาได้หรือ?” วัลโดรอฟังคำตอบของแคลร์ด้วยความหวังที่เพิ่มขึ้นเล็กๆ ในใจ 

 

 

“เอาชนะไม่ได้หรอก” แคลร์ตอบไปตามความจริง 

 

 

“โธ่! แล้วเจ้ายังจะตัดสินใจเช่นนี้อีก!” วัลโดร้องโหยหวนราวกับภูเขาไฟจะระเบิดและรู้สึกโมโหในทันที แคลร์ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ทันใดนั้นวัลโดก็คิดขึ้นได้ “หรือว่าเจ้าจะรอจนคลิฟผู้เป็นอาจารย์ของเจ้าออกแรงช่วย?” พอพูดจบ วัลโดก็ละทิ้งความคิดของเขาทันที ปีศาจน้อยตัวนี้จะไม่มีวันปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด หากถามหาเหตุผล ก็อาจจะไม่มีเหตุผลใดๆ แต่นี่คือแคลร์ที่วัลโดรู้จัก 

 

 

แคลร์ยิ้ม นางค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนแท่นสูงจนมายืนตรงข้ามกับเฟิงอี้เซวียน 

 

 

“ข้าไม่อยากตายนะแคลร์” วัลโดเหงื่อแตก ตอนนี้เขาเป็นเพียงร่างวิญญาณที่ติดอยู่กับหินจิตวิญญาณ ชายหนุ่มผู้น่ากลัวตรงหน้าสามารถฆ่าแคลร์ได้อย่างแน่นอน แน่นอนว่าชะตากรรมของเขาที่เป็นหินนั้นย่อมมืดมนยิ่งกว่า 

 

 

“เจ้าไม่ตายหรอก” แคลร์พูดอย่างเย็นชา 

 

 

“เจ้าไม่สามารถเอาชนะเขาได้นี่” วัลโดตัวสั่น ในใจของเขารู้สึกเศร้า 

 

 

เฟิงอี้เซวียนมองไปที่สาวผมทองตรงหน้าของเขาอย่างเย็นชา ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเขาถึงมีทั้งความตื่นเต้นและความสงสัยปะปนอยู่ด้วย แม้ว่าจะแค่เล็กน้อยแต่เขาก็มีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ 

 

 

“ขอโทษนะที่เมื่อกี้ข้าทำผิดกฎ แต่ข้าไม่สามารถนั่งมองเจ้าฆ่าน้องสาวของข้าได้จริงๆ” แคลร์ยิ้มขอโทษ แต่น้ำเสียงของนางไม่ได้มีขอโทษแต่อย่างใด 

 

 

“หึ” เฟิงอี้เซวียนส่งเสียงอย่างไม่แยแส เขาไม่สนใจเลยสักนิดที่แคลร์มองจุดประสงค์ของเขาออก เฟิงอี้เซวียนสังเกตหญิงสาวตรงหน้า แม้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขาจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับราเซีย แต่ทั้งสองไม่ใช่คนประเภทเดียวกันเลย หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ามีดวงตาที่ลึกและน่ากลัว มีกลิ่นอายที่อันตรายเล็กน้อย หญิงผู้นี้น่าจะเหมือนกับตัวเขาเอง นางอาจมีความเชี่ยวชาญในการสังหาร! ถ้าเป็นเช่นนี้เขาจะต้องระวังตัวแล้วล่ะ 

 

 

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว มาเริ่มกันเถอะ” เฟิงอี้เซวียนยิ้มเยาะแล้วเริ่มเปิดศึก ถึงแม้เด็กสาวตรงหน้าจะมีความเชี่ยวชาญในการสังหารแล้วยังไงล่ะ? ในสถานการณ์เช่นนี้นักฆ่าไม่มีข้อได้เปรียบใดเลย นักฆ่าจะประสบความสำเร็จในการลอบฆ่าเท่านั้น ตอนนี้หญิงผู้นี้ที่มีเพียงพลังเวทย์อ่อนๆ ที่เปิดเผยอยู่ต่อหน้าตนเอง การโจมตีทางจิตใจงั้นหรือ เหอะๆ คนอย่างเขาจะหลงกลวิธีเดิมๆ อีกเช่นนั้นหรือ? แต่ว่าก็น่าแปลกใจจริงๆ ที่หญิงผู้นี้สามารถโจมตีทางจิตใจได้! 

 

 

แม้ว่าเขาจะรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เฟิงอี้เซวียนก็รู้สึกว่าเขาเอาชนะนางได้ อีกอย่างเขาจะต้องทำให้หญิงสาวที่กล้าแอบโจมตีเขาชดใช้! ชดใช้ด้วยชีวิตของนาง 

 

 

เฟิงอี้เซวียนลองหยั่งเชิงท่องคาถาพื้นฐานสั้นๆ ส่งแท่งน้ำแข็งสองสามอันออกไป แคลร์ก็ปล่อยโล่ไฟออกมาเพื่อสกัดไว้ทันที 

 

 

ไม่มีอาการบาดเจ็บเลยทั้งคู่ 

 

 

แต่ในตอนนี้นี้ ทั้งสองฝ่ายได้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งของกันและกันได้อย่างชัดเจนขึ้นแล้ว 

 

 

มุมปากของเฟิงอี้เซวียนมีรอยยิ้มเย็นชาเกิดขึ้น พลังเวทย์ของนางไม่ได้ดีมากนัก แค่ฆ่าโดยถอยออกห่างและร่ายเวทมนตร์ระดับสูงก็จบแล้ว เฟิงอี้เซวียนจึงถอยหลังห่างออกไปจากแคลร์ จากนั้นจึงท่องคาถาอย่างรวดเร็ว 

 

 

ทุกคนมองสถานการณ์บนแท่นสูงด้วยความประหม่า พวกเขาเห็นเฟิงอี้เซวียนร่ายมนตร์ในขณะที่แคลร์ยังคงยืนอยู่เช่นนั้น ทุกคนก็มีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป 

 

 

นักเรียนของไรซิ่งซันกัดฟันแน่น สีหน้าดูซับซ้อนมาก พวกเขามีความขัดแย้งอยู่ในใจ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มที่ชื่อเฟิงอี้เซวียนจึงขอให้แคลร์ออกมาประลองด้วย หากเขาชนะ เขาก็สามารถรักษาหน้าเอาไว้ได้ แต่ว่าถ้าคนงี่เง่าไร้การศึกษาแบบแคลร์ชนะ… แล้วพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะ? 

 

 

เหล่าขุนนางบนอัฒจันทร์ต่างตั้งตาคอยและกลั้นใจรอดูภาพตรงหน้า เมื่อได้เห็นสถานการณ์ในตอนนี้ ทุกคนก็แสดงสีหน้าเหมือนว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้แล้วจริงๆ แคลร์ขึ้นไปทำให้พวกเขาเสียหน้าจริงๆ นางจะเอาชนะคนที่ชนะราเซียได้อย่างไรล่ะ?! 

 

 

เฟิงอี้เซวียนท่องคาถาเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะจู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ นี่เป็นสัญชาตญาณของนักฆ่า ไม่ผิดแน่! 

 

 

เฟิงอี้เซวียนเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของแคลร์อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่เยือกเย็นแต่อันตรายมากๆ 

 

 

“เฟิงอี้เซวียน เจ้าก็หน้าตาดีมากจริงๆ นะ ข้าว่าข้าเริ่มรู้สึกหลงใหลเจ้าแล้วล่ะ” ใบหน้าที่สดใสและสวยงามของแคลร์ปรากฏรอยยิ้มที่สดใส พูดความหลงใหลที่มีต่อเฟิงอี้เซวียนออกมา ท่าทางของนางกลายเป็นที่สนใจในทันที 

 

 

เฟิงอี้เซวียนถึงกับผงะจนท่องคาถาไม่จบประโยคสุดท้าย 

 

 

ในเวลานั้นเอง แคลร์ก็มีแสงสีเขียวออกมาทั่วร่างของนาง แสงประกายแวววาวทำให้ผู้คนสนใจ นางรีบเข้าไปหาเฟิงอี้เซวียนที่ยังไม่ฟื้นคืนสติในทันที 

 

 

พลังยุทธ์! 

 

 

นี่คือพลังยุทธ์! 

 

 

นี่คือพลังยุทธ์สีเขียวที่เป็นสัญลักษณ์ของนักดาบระดับสูง! 

 

 

นักเวทย์กับนักรบงั้นหรือ?! 

 

 

แคลร์บ้าผู้ชายคนนั้นเป็นทั้งสองอย่างงั้นหรือ?! 

 

 

พลังเวทย์กับพลังยุทธ์เชื่อมเข้าด้วยกันอย่างนั้นหรือ?! 

 

 

สถานที่นั้นเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง พระเจ้า นั่นมันคือพลังยุทธ์! หากนักเวทย์ยอมให้นักรบเข้ามาใกล้ตัว ไม่มีใครสามารถรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาได้เลย 

 

 

ทุกคนอ้าปากค้าง บางคนก็หยิกแขนของตัวเองไม่หยุดจนกระทั่งช้ำแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด บางคนรู้สึกว่าฟ้าจะถล่มลงมา ดยุกกอร์ตั้นมองแสงสีเขียวพราวในสนามด้วยความตะลึง สีหน้าขององค์หญิงแมริสเต็มไปด้วยความตื่นเต้น องค์ชายสองหันไปมองจินเหยียนที่อยู่ด้านหลังสุด มุมปากของจินเหยียนยกยิ้มขึ้นแบบแทบมองไม่เห็น 

 

 

บนอัฒจันทร์พิเศษ ดวงตาของจักรพรรดิเบิกกว้างแต่ไม่มีการแสดงออกมากจนเกินไป คลิฟขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ใบหน้าของท่านทูตเปลี่ยนเป็นขาวซีด มือของเขาจับที่เท้าแขนไว้แน่นและไม่พูดอะไร พระสันตะปาปาเหล่มองไปที่แท่นสูงแล้วนิ่งเงียบ มีเพียงฮองเฮาเท่านั้นที่แสดงสีหน้ามีความสุข 

 

 

บนแท่นสูงในเวลานี้ เฟิงอี้เซวียนตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักเวทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นนักรบที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหารอีกด้วย! ร่างกายของเขามีความยืดหยุ่นและสามารถหลบหลีกการโจมตีของนักรบได้สักพัก แต่ว่าแท่นสูงมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และก่อนหน้านี้เขาจงใจถอยออกไป ตอนนี้ด้านหลังของเขาจึงไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว แม้แต่นักเวทย์ที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหารก็ไม่สามารถต้านการโจมตีที่รุนแรงของนักรบตรงๆ ได้ 

 

 

วัลโดที่อยู่ในหัวของแคลร์ตะโกนจนฟ้าแทบพลิก หน้าด้าน ไร้ยางอาย! ปีศาจน้อยตัวนี้ไร้ยางอายถึงขีดสุด ความร้ายกาจของปีศาจน้อยไปถึงจุดสูงสุดแล้ว! นางช่างไร้ยางอายเหลือเกินที่พูดจาคลุมเรือขณะที่ผู้อื่นกำลังร่ายคาถาเพื่อก่อกวนจิตใจ! พูดอะไรกัน เฟิงอี้เซวียน ที่จริงเจ้าก็หน้าตาดีมากจริงๆ นะ ข้าว่าข้าเริ่มรู้สึกหลงใหลเจ้าแล้วล่ะ ไร้สาระ! เป็นไปได้หรือ? ปีศาจน้อยจะตกหลุมรักชายผู้เย่อหยิ่งที่พบกันครั้งแรกงั้นหรือ? ตามที่คาดไว้เลย เมื่อปีศาจน้อยตัวนี้พูดออกมา ฝ่ายตรงข้ามก็ถูกโจมตีจิตใจอย่างหนัก! ปีศาจน้อยผู้น่ารังเกียจและไร้ยางอายผู้นี้! นางใช้วิธีการที่ร้ายกาจและน่าอับอายเกินไปจริงๆ 

 

 

สุ่ยเหวินโม่เข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้ของเฟิงอี้เซวียนดี เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายราวกับไก่บินหมาวิ่งพล่านเลยก็ว่าได้ เฟิงอี้เซวียนถูกต้อนจนต้องหนีวนไปรอบๆ แต่ไม่มีที่ว่างให้เขาหนีไปไหนแล้ว วิธีการโจมตีของแคลร์นั้นร้ายกาจแต่แข็งแกร่งมาก แม้ว่านางจะมือเปล่าไม่มีอาวุธใดๆ แต่ก็ทำให้เฟิงอี้เซวียนลุกลี้ลุกลนได้ สุ่ยเหวินโม่ที่เดิมทีนั่งอยู่บนเก้าอี้ตอนนี้ลุกออกจากที่นั่งแล้ว เขายืนขึ้นอย่างตื่นเต้นและมองเฟิงอี้เซวียนที่ลุกลี้ลุกลนแล้วหัวเราะเสียงดังในใจ เขาเพิ่งได้เห็นเฟิงอี้เซวียนถูกไล่ล่าเหมือนหมาตกน้ำเป็นครั้งแรก น่าสนใจจริงๆ 

 

 

หัวใจของเฟิงอี้เซวียนนิ่งอึ้งไปเลย แคลร์สกัดกั้นการล่าถอยของเขาได้ทุกครั้งและโจมตีใส่เขาได้เสมอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขาไม่มีเวลาร่ายคาถาเลย แต่การหลบหลีกยังเป็นไปได้ยากแม้ว่าร่างกายของเขาจะยืดหยุ่นได้ดีก็ตาม เขาเจ็บมากทุกครั้งที่ถูกโจมตี เขาไม่เหลือความหยิ่งผยองแบบเมื่อกี้แล้ว หญิงที่สมควรตายผู้นี้โจมตีเขาได้ตรงจุดทุกครั้ง เขาคิดผิด เขาคิดผิดไปอย่างมาก หญิงสาวผู้นี้รู้วิธีใช้พลังยุทธ์ 

 

 

“อย่ามากเกินไปนักสิ! ” เฟิงอี้เซวียนหลบการโจมตีด้วยพลังยุทธ์ของแคลร์อีกครั้งพร้อมหายใจหอบ 

 

 

แคลร์สีหน้าเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับสกัดการถอยหนีของเฟิงอี้เซวียนต่อไป 

 

 

นักเวทย์ที่ถูกนักรบไล่ต้อนนั้นเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก เฟิงอี้เซวียนสามารถอยู่ได้นานขนาดนี้เพราะเขามีความเชี่ยวชาญในการสังหาร แต่ว่าความแข็งแกร่งทางกายของเขากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สีหน้าของแคลร์ยังคงเหมือนเดิม แม้แต่ผมของนางก็ไม่ยุ่งเลยด้วยซ้ำ 

 

 

วัลโดรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นคนที่ยิ่งยโสอย่างเฟิงอี้เซวียนถูกแคลร์ไล่ต้อนจนเป็นแบบนี้ แต่เขายังอดถอนหายใจกับความตั้งใจอย่างหนักของแคลร์ไม่ได้ ช่วงที่แคลร์มีแผลทุกวัน นั่นก็เป็นเพราะแคลร์เรียนพลังยุทธ์กับจินเหยียนอย่างลับๆ รอยแผลเหล่านั้นเกิดจากการฝึกซ้อมของจินเหยียนและแคลร์ การเรียนรู้และการพัฒนาของพลังยุทธ์ในการต่อสู้ของแคลร์ทำให้จินเหยียนและวัลโดประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

 

 

สถานการณ์บนแท่นสูงเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่มีใครคาดคิดเลย 

 

 

แล้วผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรนะ? 

 

 

ทุกคนมองเห็นสถานการณ์บนแท่นสูงได้อย่างชัดเจน เฟิงอี้เซวียนถูกแคลร์ไล่ต้อนและไม่มีทางหนีไปไหนได้แล้ว เขารู้สึกอับอายมาก 

 

 

องค์หญิงแมริสหน้าแดงและกำหมัดแน่น นางอยากจะตะโกนเรียกชื่อแคลร์ แต่ด้วยฐานะของนางเองนั้น นางไม่สามารถทำเรื่องเช่นนั้นได้ ในขณะที่องค์หญิงแมริสรู้สึกตื่นเต้นและไม่อาจห้ามใจได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังออกมาจากข้างหูของนาง 

 

 

“แคลร์!” 

 

 

……………………………………………………………………………..