เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างกะทันหัน เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนมองสีของท้องฟ้าด้านนอกทันที
ไม่คิดว่าจะดึกขนาดนี้แล้ว คนที่เข้ามาที่นี่เวลานี้ คงเป็นขันทีน้อยผู้นั้นสินะ!
แม้ตอนแรกที่รู้ว่าขันทีน้อยผู้นี้กล้าหาญทำร้ายบุตรชายของรองเสนาบดีกรมพิธีการ เขาโมโหจริง
ทว่าเมื่อเห็นชายที่โง่เขลายโสโอหังนั้นที่ประตูด้านนอก ความไม่พอใจที่เขามีต่อขันทีน้อยพลันสูญหายไป
คล้ายพวกยโสโอหังนี้ เป็นลูกผู้มากลากดีที่อาศัยอำนาจบารมีบิดาตนเอง เขาสมควรถูกคนสั่งสอนซะบ้าง
ดังนั้นเขาจึงปกป้องขันทีน้อยของตน ไม่มอบตัวเขาออกไป
แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าภายในวังอ๋องยังมีกฎวัง ดังนั้นหากครั้งนี้ให้อภัยเขา ครั้งหน้าไม่รู้ว่าเขาจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก หากเขาล่วงเกินคนพวกนั้นอีกครั้ง แล้วถูกคนพบเข้าจะเป็นเช่นไร!?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดถอนหายใจไม่ได้
สำหรับขันทีน้อยผู้นี้ เขาไม่รู้จะใจแข็งตำหนิเขาได้อย่างไร!
ความรู้สึกประเภทนี้ เขาเพิ่งเผชิญเป็นครั้งแรก!
ขณะที่กำลังถอนหายใจ เมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเงาร่างของคนเข้ามาด้านในห้อง อดขมวดคิ้วงดงามคู่นั้นเล็กน้อยไม่ได้
“เจ้าเป็นใคร!?”
น้ำเสียงเย็นชาราวจู่ๆ ลมหนาวในเดือนสิบสองพัดผ่านมา ทำให้คนอดสั่นเทาไม่ได้
และคนที่เข้ามาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รีบเรียกสติตนเอง ก่อนเอ่ยอย่างตะกุกตะกักออกมา
“บ่า บ่าว ชื่อเสี่ยว เสี่ยวหลี่จื่อ เป็น เป็นหัวหน้าขันทีลี่ส่งมาปรนนิบัติท่านอ๋องขอรับ”
ไม่ง่ายกว่าจะเอ่ยประโยคนี้ให้จบ รูปร่างผอมบางของเสี่ยวหลี่จื่อสั่นเทาไม่หยุดเช่นเดิม ราวใบไม้สีเหลืองกลางพายุที่มองแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลี่จื่อ เดิมทีเหลิ่งจวิ้นอวี๋ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อยพลันขมวดแน่นขึ้น นัยน์ตาแฝงด้วยความสงสัย
“เสี่ยวเหยาจื่ออยู่ที่ใด!?”
“เรียน เรียนท่านอ๋อง เสี่ยวเหยาจื่อตอนนี้ถูกหัวหน้าลงโทษให้คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ขอรับ!”
“ลงโทษให้คุกเข่า!?”
เมื่อได้ยินคำนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋กระพริบตาเล็กน้อย ก่อนพลันนึกได้
ภายในจวนหากบ่าวรับใช้ทำผิด ล้วนต้องถูกลงโทษ การลงโทษให้คุกเข่าแม้จะเป็นโทษสถานเบา ทว่าเมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหันมองพายุฝนนอกหน้าต่างไม่ได้
แม้จะเป็นต้นฤดูร้อน แต่อุณหภูมิยามกลางคืนลดต่ำลงอย่างชัดเจน รวมทั้งด้านนอกเวลานี้ยังฝนตกหนัก ตอนนี้ด้านนอกต้องหนาวเย็นอย่างมากเป็นแน่
เมื่อนึกถึงขันทีน้อยแสนน่ารัก บนใบหน้างดงามนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความหวาดกลัว เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันรู้สึกอดกลั้นไม่ได้
ร่างกายบอบบางเช่นนั้น จะทนลมพายุสายฝนได้อย่างไร!?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เองไม่รู้ตัวว่าภายในสายตาของตนปรากฏความห่วงใยขึ้นมา
แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่หากถูกคนรู้จักรู้เข้า วันนี้ต้องคิดว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเป็นแน่
อันที่จริงพญายมที่เย็นชาไร้น้ำใจผู้นี้ เคยปรากฏสายตาดังมนุษย์เช่นนี้ที่ไหน ทั้งยังเกิดขึ้นกับขันทีน้อยผู้หนึ่งอีกด้วย!?
เรื่องนี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เองไม่แน่ใจ ทว่าเขายังไม่ทันคิดอะไร คำพูดของเขาพรั่งพรูออกไปราวมีความรู้สึกนึกคิด
“ไปบอกหัวหน้าขันทีลี่ ให้เสี่ยวเหยาจื่อมาปรนนิบัติข้าอาบน้ำ!”
…
สวรรค์ราวถููกทำลาย พายุฝนนั้นตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา จนเธอเจ็บไปทั้งตัว!
เล่อเหยาเหยาเวลานี้ ร่างกายเหมือนนกตกหม้อแกง ไม่มีที่ใดบนตัวที่แห้งสนิท
เธอยังคิดว่าร่างนี้ราวไม่ใช่ตนเอง (เอ้อ เดิมทีก็ไม่ใช่เธอ) โง่เง่ายิ่งนัก
มือแข็งทื่อ หัวเข่าชา แต่เธอยังไม่กล้าหย่อนยาน ดวงตางดงามที่เต็มไปด้วยน้ำฝนคู่นั้น จ้องไปที่ชายคาด้านหน้าที่บุหรี่กำลังลุกไหม้อยู่ ในใจตะโกนออกมาไม่หยุด
ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ใกล้จะครบสองชั่วยามแล้ว ถ้าเช่นนั้นเธอจะสามารถเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาด กลับไปหดตัวอยู่ในผ้าห่มพักผ่อนได้แล้ว
น่าตายนัก เธอตอนนี้ทั้งหิวและหนาวจริงๆ
สังคมทาสนี้ชั่วช้ายิ่งนัก สมควรตาย สวรรค์ได้โปรดช่วยทำฟ้าผ่าส่งฉันกลับไปที เธอไม่ต้องการอยู่ที่นี่!
เล่อเหยาเหยาร้องตะโกนอยู่ในใจ น่าเสียดายที่แม้ตอนนี้จะมีพายุฝน ทว่าไม่มีสายฟ้าแม้เส้นเดียว ทำให้ความหวังของเธอจบสิ้น
ขณะถอนหายใจอย่างจนใจ พลันมีเสียงคนแก่ชราดังขึ้นมา
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว”
เป็นน้ำเสียงของหัวหน้าขันทีลี่
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนมองยังบุหรี่ที่ยังลุกไหม้ไม่หมดอีกครั้ง ประหลาดใจขึ้นมา
หรือว่าขันทีน่าตายโรคจิตนี้ในที่สุดคิดใจดีปล่อยเธอไป!?
แม้ในใจจะไม่เข้าใจ ทว่าเล่อเหยาเหยาไม่อยากยุ่งยาก เมื่อเขาเอ่ยปาก เธอยังจะโง่คุกเข่าอยู่ตรงต่อไปหรือ!?
รู้หรือไม่ เธอตั้งแต่เด็กจนโตกระทั่งบิดามารดาตนเองยังไม่เคยคุกเข่าให้ พอมาถึงที่นี่กลับต้องคุกเข่าให้ขันทีน่าตายนี้ ดูถูกกันเสียจริง!
นอกจากนี้ถังน้ำที่เธอยกเมื่อครู่ถึงตอนแรกจะมีน้ำเพียงครึ่งเดียว พอฝนตกหนักลงมาน้ำด้านในจึงเต็มถัง น้ำหนักของมันแทบทำให้แขนเธอหัก ยังมีอีกตอนนี้ขาเธอชาจนแทบลุกขึ้นยืนไม่ไหว
สุดท้ายเล่อเหยาเหยาจึงนำถังน้ำในมือลงบนพื้นเบาๆ แล้วกวัดแกว่งแขนขาไม่หยุด รอให้แขนขาฟื้นพลังกลับมา
เดิมทีคิดว่าหลังหัวหน้าขันทีลี่เอ่ยพูดจบ จะปล่อยเธอกลับไปที่พักของตนเอง เมื่อถึงตอนนั้นเธอจะนอนหลับอย่างสบายใจ คิดไม่ถึงว่าประโยคถัดมาของหัวหน้าขันทีลี่กลับเหมือนดึงเล่อเหยาเหยาเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง
“หลังแขนขาหายดีแล้ว อย่าลืมไปปรนนิบัติท่านอ๋องอาบน้ำที่เรือนหย่าเฟิง อย่าลืมล่ะ!”
“อะไรนะ!?”
เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาราวความสงบสุขถูกทำลาย จนยืนตัวแข็งทื่อ
ปรนนิบัติท่านอ๋องอาบน้ำ!?
หลอกลวง!
ช่างเป็นสังคมทาสที่ชั่วช้ายิ่งนัก
…
ค่ำคืนแห่งพายุฝน สายลมด้านนอกกรรโชกแรง ฝนตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดมิด ราวน้ำวนดำมืดหมายจะกลืนกินผืนแผ่นดินทั้งหมดลงไป ทำให้คนที่เห็นล้วนหวาดผวา
เมื่อเทียบกับสายลมและพายุฝนด้านนอก ภายในเรือนหย่าเฟิงแห่งวังรุ่ยอ๋อง กลับมีสภาพที่แตกต่างออกไป
รุ่ยอ๋องเหลิ่งจวิ้นอวี๋ คาบกุญแจทองมาเกิดตั้งแต่เด็ก มีทรัพย์สมบัติและอำนาจให้เสพสุขอย่างไร้ขีดจำกัด ที่อยู่อาศัยก็ไม่ปกติธรรมดา!
โดยเฉพาะภูเขาด้านหลังเรือนหย่าเฟิง ทั่วบริเวณปลูกดอกท้อหลากหลายสายพันธ์ไว้มากมาย
แม้ตอนนี้จะเป็นต้นฤดูร้อน ดอกท้อบางตา มองไม่เห็นทิวทัศน์อันงดงาม แต่ใต้ต้นดอกท้อกลับปลูกมะลิไว้มากมาย
เห็นเพียงใบไม้สีมรกตนั้น แววาวโปร่งใสดั่งหยกเขียว ดอกเล็กๆ สีขาวที่ประดับอยูนั้น น่ารักอย่างยิ่ง
ยังมีกลิ่นหอมหวนโชยมาเตะจมูก ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกสบายใจ
นอกจากนี้กลางภูเขายังใช้หินรูปทรงไข่หานปูบนถนน ตรงกลางของหินรูปทรงไข่หานนั้นปูเป็นรูปวงกลม เกิดน้ำพุร้อนอัดแน่นอยู่ด้านในวงกลม
ศาลาหยก ประดับประดาด้วยภาพวาด วิมานหยกอันงดงาม กลุ่มไม้ดอกหลากหลาย เข้ากับหมอกเบาบางจากน้ำพุร้อน ไอที่ร้อนระอุ ผืนน้ำแววาว บริเวณโดยรอบจึงงดงามประหนึ่งสรวงสวรรค์!
เล่อเหยาเหยาที่ผลัดเปลี่ยนชุดใหม่แล้วเพิ่งมาถึงที่นี่ มองเห็นทิวทัศน์งดงามตรงหน้า แทยไม่เชื่อสายตา อ้าปากกว้างจนนกกระจอกบินเข้าไปได้
ร้องอุทานในใจ
เฮ้อ คนมีเงินคือคนมีเงิน ช่างมีความสุขเสียจริง!
สถานที่นี้มองก็รู้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นน้ำพุร้อนที่ดึงเข้ามาจากด้านนอก
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ต้องใช้เงินเท่าใดกัน!?
ตอนนี้เธอเป็นเหมือนพวกเดือนหนึ่งได้เงินเพียงสองตำลึงเงิน เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่ได้ลิ้มลองความสุขเช่นนี้!?
ขณะที่เล่อเหยาเหยาอุทานในใจ พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกระพริบตาคู่ที่งดงามนั้นลง ก่อนกวาดสายตาไปรอบบ่อน้ำพุร้อนพลางสงสัยในใจ
“เอ๊ะ ทำไมถึงไม่มีคน!?”
เมื่อครู่หัวหน้าขันทีลี่มิใช่พูดว่าท่านอ๋องอยู่ที่นี่หรอกหรือ? แต่เวลานี้ทำไใถึงไม่เห็นเขาล่ะ!?
ขณะที่เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ น้ำพุร้อนที่ผืนน้ำแวววาวพลันมีเสียงดังขึ้น ทันใดนั้นชายหนุ่มที่งดงามราวเทพเซียน ผุดขึ้นมาจากน้ำตรงหน้าเล่อเหยาเหยา
…………………………………….