ตอนที่ 41 ไปกันได้หรือยัง?

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่ 41 ไปกันได้หรือยัง?

หวังเทียนหังได้แต่ยืนนิ่งด้วยความงงงวย..

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’

‘ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?’

เนี่ยจิงที่รีบวิ่งตามเข้าไปในห้องสอบสวน เมื่อได้เห็นภาพที่ปรากฏต่อหน้า ก็มีสภาพงุนงงไม่ต่างจากหวังเทียนหัง เขาเคยพบเจอเรื่องราวในลักษณะนี้มาก็มาก แต่ไม่เคยพบเห็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ

“นั่งลงสิวะ! นั่งลงให้หมดทุกคนะเลย!”

ในขณะที่ผู้กำกับตังนั้นก็กำลังสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง ให้นั่งลงตามคำสั่งของเนี่ยจิง หลังจากที่ทุกคนได้เห็นเนี่ยจิงปรากฏตัว พวกเขาต่างก็พากันนั่งนิ่ง และไม่มีใครกล้าขัดขืนคำสั่งเลยแม้แต่คนเดียว

“เลขาหวังครับ คุณช่วยอธิบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังด้วย คุณรู้มั๊ยว่าจดหมายที่คุณให้คนนำมาให้ผมนั้น เกือบจะฆ่าผมแล้ว!”

ทันทีที่หวังเทียนหังเปิดประตูเข้ามาในห้อง ฉีเล่ยก็รีบลุกขึ้นยืน พร้อมกับร้องบอกเขาทันที

“นี่ถ้าวันนี้คุณไม่มา ผมคงต้องนอนในคุก!”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหวังเทียนหังก็สามารถสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้ และแอบคิดอยู่ในใจว่า ดีที่สุดแล้วที่ฉีเล่ยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร!

หลังจากคิดได้ว่า ตนเองมาที่สถานีตำรวจหลงซินด้วยวัตถุประสงค์อะไร ใบหน้าของหวังเทียนหังก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเคร่งเครียด พร้อมกับเดินเข้าไปด้านหน้า และตบโต๊ะเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง

ปัง!

จากนั้น หวังเทียนหังก็ได้หันไปถามผู้กำกับตังเสียงดัง “ทำไมแพทย์พิเศษของกรมอนามัย ถึงได้ถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจได้? ผู้กำกับตัง! เรื่องนี้คุณต้องมีคำอธิบายที่ดีให้กับผม!”

ตังผินถึงกับขนหัวลุก และเวลานี้เหงื่อเม็ดโตก็ได้ผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเขา สีหน้าของผู้กำกับตังเวลานี้ บ่งบอกว่ากำลังรู้สึกผิดอย่างมาก และได้แต่อธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คือ.. ทางเรา.. ได้รับแจ้งจากสำนักงานสุขภาพ ให้นำตัวแพทย์พิเศษมาสอบสวนครับ..”

“สอบสวนงั้นเหรอ?! ทำไมต้องสอบสวน? แล้วจะสอบสวนคุณหมอฉีเรื่องอะไร?”

หลังจากได้ฟังคำตอบของผู้กำกับตัง หวังเทียนหังก็ถึงกับโมโหจนควันออกหู และร้องตะโกนถามกลับไปเป็นชุด เห็นได้ชัดว่า เวลานี้หวังเทียนหังกำลังเดือดดาลใจอย่างที่สุด!

“ในเมื่อคุณหมอฉีก็ถือจดหมายที่ออกโดยสำนักงานประจำมณฑลมาด้วย มิหนำซ้ำยังมีตราสัญลักษณ์ของกรมอนามัยประทับอยู่ในจดหมายด้วย การที่พวกคุณเพิกเฉยต่อเอกสารสำคัญของทางราชการแบบนี้ นี่ไม่เท่ากับว่า เป็นการดูถูกสำนักงานต้นสังกัดที่ออกจดหมายอย่างนั้นเหรอ? ผมเพิ่งรู้ว่าสถานีตำรวจหลงซินทำงานชุ่ยแบบนี้!”

หลังจากตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ผู้กำกับตังก็แทบจะเป็นลมหมดสติ และเวลานี้เขาก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก และรีบระล่ำระลักตอบหวังเทียนหังกลับไปว่า

“มะ.. ไม่ใช่แบบนั้นนะครับคุณเลขาหวัง! ผมยอมรับผิดที่ทำงานประมาทเลินเล่อ เลขาหวังอย่าเพิ่งโมโหไปเลยนะครับ ได้โปรดอภัยให้ผมสักครั้งนะครับ!”

จากนั้น ผู้กำกับตังก็รีบหันไปทางฉีเล่ย พร้อมกับโน้มศรีษะลงด้วยความนอบน้อม ปากก็ร้องตะโกนออกไปว่า

“คุณหมอฉีครับ ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!” ในระหว่างที่พูดนั้น เหงื่อเย็นก็ได้ไหลออกมาเต็มใบหน้าของผู้กำกับตัง

หวังเทียนหังจ้องมองตังผินด้วยสีหน้า และแววตาเย็นชา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผู้กำกับตัง ครั้งนี้คุณคงต้องได้รับบทเรียนครั้งใหญ่แน่! เพราะเรื่องนี้เป็นคำสั่งโดยตรงของท่านผู้ว่าไต่คุน!”

เนี่ยจิงที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขารู้เพียงแค่ว่าต้องมาช่วยใครบางคนที่สำคัญมาก และเมื่อมาถึงก็ได้รู้แค่ว่าเป็นแพทย์พิเศษคนหนึ่งเท่านั้น แต่เพิ่งจะรู้ว่า เป็นคำสั่งของท่านผู้ว่าไต่คุนโดยตรง!

หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์กระจ่างแจ้งแล้ว เนี่ยจิงจึงได้หันไปสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของตนที่ยืนอยู่ด้านหลังทันที

“โทรหาซันหยงเกอ สั่งให้เขามารายงานตัวกับผมภายในสิบนาที!”

หลังจากได้ยินคำสั่งของเนี่ยจิง ผู้กำกับตังถึงกับเจ็บแปลบที่ก้นกบขึ้นมาอีกครั้งทันที นั่นเพราะซันหยงเกอมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาอีกที ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า การที่เนี่ยจิงสั่งให้ซันหยงเกอมารายงานตัวนั้น คงจะต้องมีคำสั่งให้จับกุมตนเองแน่ๆ

ตังผินถึงกับร่างกายสั่นเทิ้มหนักกว่าเดิม และได้หันไปอ้อนวอนขอร้องฉีเล่ย..

“นายแพทย์พิเศษฉีครับ.. ผมผิดไปแล้ว! ได้โปรดช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้กับหัวหน้าเนี่ยเข้าใจด้วยเถอะนะครับ! ช่วยขอร้องหัวหน้าเนี่ยแทนผมที อย่าให้หัวหน้าซันมาที่นี่เลยนะครับ ถ้าหัวหน้าซันมา ผมคงไม่รอดแน่ๆ! ผมสัญญาว่า นับจากวันนี้ไป จะไม่กล้าทำอะไรแบบนี้กับท่านหมอฉีอีกเลย!”

ฉีเล่ยได้แต่บ่นพึมพำอยู่ในใจ ‘คุณเป็นฝ่ายจับตัวผมมาที่นี่ แต่กลับกลายเป็นว่า ผมต้องกลายเป็นฝ่ายช่วยเหลือคุณอย่างนั้นเหรอ? เฮ้อ..’

แต่ฉีเล่ยก็อดสงสารไม่ได้ จึงได้แต่หันไปพูดกับเนี่ยจิงว่า “ผู้กำกับตังเพียงแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้นครับ หลังจากได้รับแจ้งมาแบบนั้น ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาย่อมไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้ แต่หลังจากนำตัวผมมาที่สถานี ก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายผม เพียงแค่สอบสวนไปตามหน้าที่เท่านั้น..”

“คุณก็เห็นกับตาแล้วนี่ครับ.. ผมนั่งอยู่ในห้องสบายๆ มีทั้งน้ำชา มีทั้งบุหรี่มาคอยบริการเป็นอย่างดี แล้วก็ไม่ได้ใส่กุญแจมือด้วย เห็นมั๊ยครับ?”

ความจริงแล้ว เนี่ยจิงต้องการที่จะจัดการกับตังผินขั้นเด็ดขาด แต่เมื่ออีกฝ่ายได้พูดออกมาเช่นนั้น เนี่ยจิงจึงจำเป็นต้องให้หน้า และล้มเลิกความคิดที่จะลงโทษตังผินขั้นรุนแรง

เขาหันไปชี้หน้าตังผินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เห็นแก่คุณหมอฉี ผมจะไม่ปลดคุณจากตำแหน่ง แต่ถึงยังไง คุณก็ต้องได้รับบทเรียนบ้าง พรุ่งนี้ไปพบซันหยงเกอ แล้วไปขอรับโทษกับเขาด้วยตัวเอง!”

“ครับๆ ขอบคุณครับหัวหน้าเนี่ย ขอบคุณครับเลขาหวัง ขอบคุณครับท่านหมอฉี!”

ตังผินจ้องมองฉีเล่ยด้วยสีหน้า และแววตาสำนึกผิดอย่างมาก เขาเป็นฝ่ายเข้าใจฉีเล่ยผิด และเกือบจะใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกายชายหนุ่ม แต่ฉีเล่ยกลับไม่ถือโทษ มิหนำซ้ำยังยอมช่วยพูดให้กับเขาด้วย

ด้วยความรู้สึกผิดที่มีต่อฉีเล่ย ตังผินจึงได้ยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองเสียงดัง พร้อมกับประกาศต่อหน้าทุกคนว่า

“ท่านหมอฉีครับ ผมขอประกาศต่อหน้าหัวหน้าเนี่ยว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป หากท่านหมอมีเรื่องอะไร ได้โปรดเรียกใช้ผมได้ทันที ผมยินดีที่จะรับใช้ท่านหมอทุกอย่าง หากผมไม่รักษาคำพูด ผมจะขอเป็นคนถอดเครื่องแบบตำรวจนี้ทิ้งด้วยตัวเอง!”

แต่ฉีเล่ยกลับไม่ได้สนใจคำพูดของตังผินนัก เขาหันไปพูดกับหวังเทียนหังว่า “เลขาหวัง ในเมื่อความจริงทั้งหมดก็กระจ่างแล้ว ไม่ทราบว่าพวกเราจะไปจากที่นี่กันได้หรือยัง?”

หลังจากที่ได้ยินคำถามของฉีเล่ย หวังเทียนหังถึงกับดีใจอย่างบอกไม่ถูก ความจริงเขากำลังรู้สึกกังวลใจว่า ฉีเล่ยอาจจะดึงดันที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป และต้องการให้เรื่องนี้ไปถึงหูของผู้ว่าไต่คุนกับภรรยา

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ รับรองได้ว่า ทั้งเขาและทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะต้องถูกสายฟ้าฟาดลงกลางศรีษะอย่างแน่นอน!

ก่อนที่จะเดินทางมาถึง หวังเทียนหังได้วาดภาพความหายนะที่จะต้องเกิดขึ้นกับตนเองไว้แล้ว และได้ทำใจยอมรับกับผลลัพธ์ที่จะตามมาได้แล้ว แต่ในเมื่อเหตุการณ์กลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ จะไม่ให้เขาดีอกดีใจได้อย่างไรกันเล่า?

หวังเทียนหังก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตนเอง และเมื่อเห็นว่า ยังไม่เลยเวลาทำงานของสำนักงานสุขภาพ เขาจึงได้บอกกับฉีเล่ยไปว่า

“ครับคุณหมอฉี! เดี๋ยวผมจะไปที่สำนักงานสุขภาพกับคุณหมอฉีด้วย ดูสิว่า ยังจะมีใครกล้ากล่าวหาว่าคุณเป็นมิจฉาชีมาแอบอ้างอีกหรือเปล่า?”

หลังจากพูดจบ หวังเทียนหังกับเนี่ยจิงก็ได้เดินประกบฉีเล่ยลงไปชั้นล่างทันที คนหนึ่งอยู่ข้างขวา ส่วนอีกคนอยู่ข้างซ้าย โดยมีผู้กำกับตังเดินตามไปข้างหลังอย่างเงียบๆ

แต่ทันทีที่ทั้งหมดเดินลงไปถึงชั้นล่างของสถานีตำรวจหลงซิน พวกเขาก็เห็นเกาว่านฮุยที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

และเมื่อเห็นหวังเทียนหยางเข้า เกาว่านฮุยก็รีบระล่ำระลักพูดออกไป พร้อมกับเหงื่อที่ไหลอาบเต็มใบหน้า

“เลขาหวังครับ ได้โปรดฟังผมอธิบายก่อน..”

หวังเทียนหังไม่แม้แต่จะปรายตามองไปทางเกาว่านฮุย เขาเดินผ่านเกาว่านฮุยไปราวกับว่าเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ ในขณะเดียวกันก็หันไปพูดกับฉีเล่ยด้วยสีหน้าท่าทางนอบน้อม

“เชิญทางนี้ครับคุณหมอฉี รถของผมจอดอยู่ตรงนั้น!”

เนี่ยจิงเองก็เดินไปขึ้นรถของสำนักงานรักษาความมั่นคง และตั้งใจว่าจะขับตามหวังเทียนหังไปที่สำนักงานสุขภาพด้วย ไหนๆเขาก็เสียเวลากับเรื่องนี้ไปแล้ว คงต้องตามไปดูให้เห็นกับตาว่า เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร?

ส่วนเกาว่านฮุยก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอกหนักใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่รถของตนเอง และขับตามไปด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจอย่างมาก!

ผู้กำกับตังได้แต่ยืนมองรถสองสามคัน ที่แล่นออกจากสถานีตำรวจหลงซินไปด้วยความโล่งใจ วันนี้เขาเกือบจะต้องหลุดจากตำแหน่งโดยไม่รู้ตัว มิหนำซ้ำอาจถูกสั่งขังเป็นการทำโทษอีกด้วย

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ นับเป็นเรื่องที่เขาคงไม่อาจลืมเลือนไปได้ตลอดชีวิต! นั่นเพราะจะมีสักกี่คนที่เป็นอย่างหมอหนุ่มคนนี้ ทั้งหัวหน้าสำนักงานเลขา และหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคง ถึงกับต้องมารับถึงสถานีตำรวจด้วยตัวเอง!

นับเป็นความโชคดีของตังผิน ที่เนี่ยจิงเห็นแก่หน้าฉีเล่ย ไม่อย่างนั้นแล้ว วันนี้ตังผินคงต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน!

แต่เมื่อหันหลังจะเดินกลับเข้าไปในสถานีตำรวจ จู่ๆ ตังผินก็เริ่มรู้สึกปวดแปลบบริเวณก้นกบขึ้นมาอีกครั้ง อาจเป็นเพราะถูกเนี่ยจิงเตะเข้าเมื่อครู่นี้ แต่เป็นเพราะความตกใจกลัว ทำให้เขาลืมเรื่องความเจ็บปวดนี้ไปเสียสนิท!