หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.341 – ความกลัว

 

หลายร้อยเรือรบประจัญบานขนาดเล็กลอยลำปกคลุมหนาแน่นไปทั่วฟ้า

 

น้ำทะเลถูกยกสูงขึ้น ปฏิเสธการเข้าถึงของเขา

 

และสุดท้าย คือเจ้า ‘คนเป็น’ ผู้น่ารังเกียจ ที่กำลังยืนนิ่งอยู่กลางอากาศตรงข้ามกับตน

 

หลังจากผ่านพ้นมานานจนจำไม่ได้แล้วว่ากี่ปี ในที่สุดโครงกระดูกในชุุดคลุมดำก็จดจำถึงสิ่งที่เรียกว่าสิ้นหวัง ไร้ซึ่งหนทางออกขึ้นมาอีกครั้ง

 

เขาอ้าปากค้างอยู่นาน แต่แล้วจู่ๆก็ตะโกนก่นด่าทว่ากลับฟังดูคล้ายร่ำไห้ออกมา “ให้ตายเถอะ! เจ้าจงรีบถามมา! แล้วข้าจะรีบออกไปจากที่นี่ทันทีที่เจ้าถามเสร็จ!”

 

“ต้องอย่างนั้นสิ อันที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ต้องการที่จะไล่ล่าท่านตลอดเวลาหรอก มันคงดีที่สุดถ้าเราไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ประโยคนี้ทำให้อารมณ์คุกรุ่นของโครงกระดูกชุดคลุมดำกลับมามั่นคงขึ้นอีกครั้ง

 

มันเอ่ยว่า “คงจะดีที่สุดจริงๆ เพราะข้าไม่ต้องการที่จะเห็นหน้าตัวอัปมงคลเช่นเจ้าอีกแล้ว”

 

กู่ฉิงซานเอ่ยถามออกไปทันที นี่เป็นคำถามที่เขาได้เตรียมเอาไว้นานมากแล้ว

 

ในชีวิตก่อนหน้า ยามเมื่อนรกเยือกแข็งได้มาถึง มันใช้เวลาแค่เพียงครึ่งวัน โลกทั้งใบก็ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

 

มันรวดเร็วเกินไป และไม่มีใครล่วงรู้ว่าช่วงเวลานั้นทางปรภพก็มีปัญหาเกิดขึ้นเช่นกัน

 

และในชีวิตนี้ นรกเยือกแข็งก็กำลังจะขยายออกไปในไม่ช้า

 

ดังนั้น หากยังรีรอปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปโดยไม่รู้เรื่องราว แล้วในอนาคตจะไปมีวิธีรับมือกับมันได้อย่างไร?

 

กู่ฉิงซานบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในจิตใจ

 

หากปรภพมีปัญหาจริงๆ ถ้าอย่างงั้นสิ่งที่กำลังจะมาเยือนโลกใบนี้ย่อมมิใช่นรกเยือกแข็งเพียงหนึ่งเดียวอย่างแน่นอน

 

“ในปรภพ นอกเหนือไปจากนรกเยือกแข็งแล้ว สมควรที่จะยังมีนรกอื่นๆอยู่อีกถูกต้องไหม?” เขาเอ่ยถาม

 

“ช่างเป็นคำถามที่โง่เง่า  มันย่อมเป็นธรรมดาที่ในปรภพมีจะนรกอยู่อีกเพียบ มันมีจำนวนมากจนนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน”  โครงกระดูกชุดคลุมดำตอบ

 

และสำหรับคำถามนี้ ดูเหมือนว่ามันจะตอบออกไปด้วยความสุข

 

แต่สำหรับกู่ฉิงซาน เขากลับตรงกันข้าม หัวในของเขาดิ่งลงสู่หุบเหวแห่งความสิ้นหวัง

 

เขาสงบอารมณ์ลงและถามว่า “หลังจากนรกเยือกแข็ง มันจะยังมีนรกอะไรอีกที่จะมายังโลกใบนี้”

 

โครงกระโหลกชุดคลุมดำกล่าวประชดประชัน “จำนวนของนรกแต่ละประเภทมันมีเยอะมาก ทว่าข้าก็เป็นเพียงแค่หนึ่งใน ‘คนตาย’ เท่านั้น จะไปตรัสรู้ได้อย่างไร?”

 

“ข้าจะบอกความจริงให้เจ้าได้รับรู้เอาไว้ ว่าข้าน่ะ ไม่เคยไปและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนรกแห่งอื่นเลย”

 

เงื่อนงำบางอย่างปรากฏขึ้นในจิตใจของกู่ฉิงซาน

 

“แล้วในปรภพ แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เขาถาม

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำกล่าวด้วยความหงุดหงิด “ข้าบอกเจ้าไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปรภพ”

 

“จริงหรอ? ถ้าอย่างงั้นก็ก็รอดูผมไล่ล่าท่านไปไปเรื่อยๆไม่มีจบสิ้นก็แล้วกัน” กู่ฉิงซานเหน็บแนม

 

โครงกระดูกคำราม “เจ้ามิอาจสังหารข้าได้!”

 

“แต่ผมจะตามหลอกหลอนท่าน และจะส่งท่านนอนหลับฝันดีอีกครั้ง และอีกครั้ง” กู่ฉิงซานอย่างอย่างสบายๆ

 

“เจ้าสามารถเอ่ยถามถึงเรื่องอื่นๆได้ แต่เฉพาะเรื่องของปรภพเท่านั้นที่ข้ามิอาจพูด!” โครงกระดูกก้าวถอยหลังกลับ

 

“ไม่สามารถบอกความจริงกับผมได้ … ทำไมกัน?” กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงความแน่วแน่ของอีกฝ่าย หลังจากไตร่ตรองเล็กๆน้อยๆ เขาจึงเลือกที่จะใช้ไม้อ่อนเข้าสู้บ้าง

 

“-เอาล่ะ ผมจะไม่ถามถึงเรื่องปรภพแล้ว แต่ขอเปลี่ยนคำถาม เพราะอะไร ทำไมท่านถึงไม่สามารถบอกความจริงกับผมได้”

 

“เพราะหากข้าเอ่ยมันออกไป ข้าจะถูกค้นพบทันที”

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำกล่าวโดยไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ

 

แต่กู่ฉิงซานกลับสัมผัสได้ถึงความกลัวที่มิอาจกลั้นข่มได้ในคำพูดของเขา

 

เรื่องนี้ .. มันทำให้เขาหวาดกลัว

 

“ท่านจะไปกลัวอะไรอีก ในเมื่อคนตายไม่อาจตายได้-” กู่ฉิงซานกล่าวพลางขบคิด

 

แต่แล้วจู่ๆเขาก็สะดุ้งเฮือก ร่างกายแข็งทื่อ ปากเร่งเอ่ยถาม “ไม่สิ – มันต้องไม่เป็นแบบนั้นแน่ๆ เพราะท่านบอกเองว่าหากเอ่ยถึงเรื่องปรภพ ท่านอาจจะจบสิ้นลง”

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำเร่งตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะทรงพลังขนาดไหน  ตราบใดที่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ มันจะหายไปโดยสมบูรณ์”

 

กู่ฉิงซานเงียบ

 

คำพูดนี้ ไม่ใช่ว่ามันฟังดูคุ้นๆรึเปล่านะ?

 

ภาพๆหนึ่งพาดผ่านเข้ามาในหัวของกู่ฉิงซาน

 

ณ เสาทองแดงขนาดยักษ์

 

“ท่านเป็นใครกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 

ร่างยักษ์ใหญ่ตอบ “มันจะดีกว่าถ้าเจ้าไม่รู้ เพราะหากปปปปปปปปชื่อของข้าถูกเอ่ยออกไป ข้าก็จะถูกค้นพบทันที”

 

หลังจากนั้นภาพก็ตัดไป

 

ด้านหน้าประตูวิลล่าบนหุบเขา

 

“ข้าซ่อนตัวอยู่ในความว่างเปล่าเป็นเวลานานนับหมื่นปี แต่คงมิอาจแสดงพลังได้มากมายนัก มิฉะนั้นมันอาจไปกระตุ้นเหล่าเทพวิญญาณได้” ดาบพิภพส่งเสียงฮึมฮัม

 

กู่ฉิงซานค่อยๆขบคิดอย่างช้าๆ ไตร่ตรองอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปยังโครงกระดูกและเอ่ยถาม “ท่านกลัวเทพวิญญาณสินะ?”

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำเผลอหันไปจ้องกู่ฉิงซานอย่างไม่คาดคิด แต่ยังคงเงียบ

 

การไม่พูด นั่นแหละคือคำตอบ

 

เขาเดาได้ถูกเผง

 

เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่อาจพูดได้ ก็เพราะหวาดกลัวเทพวิญญาณนี่เอง

 

กู่ฉิงซานถามอย่างงงงวย “เทพวิญญาณไม่ได้ปกครองปรภพนี่ นรกต่างหากที่รับผิดชอบดูแลสิ่งมีชีวิตที่ตกตายลงแล้วทั้งหมด?”

 

โครงกระดูกชุดดำไม่ได้พูดคำใด มันเพียงมองดูกู่ฉิงซานและหัวเราะสั้นๆ

 

เสียงหัวเราะนี้แสดงให้เห็นถึงความเศร้าโศก ขณะเดียวกันก็ประชดประชันอย่างลึกล้ำ

 

กู่ฉิงซาน ราวกับเข้าใจถึงความหมายของมัน เขาเอ่ยปากกล่าว “มองจากท่าทีของท่าน ผมขอเดาว่าเทพนี่ไม่ใช่ฝีมือของเทพวิญญาน”

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำก้มหัวลง แต่ไม่ได้พูดอะไร

 

ถูกล่ะ

 

เดาถูกอีกแล้ว

 

กู่ฉิงซานเริ่มเข้าใจ เขาพยายามขบคิดอย่างเงียบๆ

 

ปรภพ … เทพวิญญาณ …

 

ประการแรก ทางฝั่งปรภพน่ะมีปัญหาอย่างแน่นอน

 

ประการต่อไป เทพวิญญาณไม่ได้รับผิดชอบในการจัดการสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่สิ่งที่เทพวิญญาณทำ ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามันคืออะไร

 

อีกอย่าง ที่โครงกระดูกชุดคลุมดำไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ก็เพราะหวาดเกรงเทพวิญญาณ

 

ในท้ายที่สุดแล้ว คนตายจะสามารถฟื้นคืนชีพในนรกได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อแบกรับความทุกข์ทรมานจากบาปที่พวกเขาได้เคยกระทำเอาไว้

 

คนตาย จะไม่สามารถตายได้อีก

 

ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ทำให้คนตายกลัวมันคืออะไรกัน?

 

“ตามที่ได้พูดมานี้ เทพวิญญาณจะไม่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการกับคนตาย”

 

กู่ฉิงซานพึมพำกับตัวเอง “แต่เทพวิญญาณดันทำให้ท่านหวาดกลัว สามารถทำให้ตัวตนที่อยู่ยงคงกระพันหวาดกลัวได้ .. ถ้างั้น เทพวิญญาณก็ควรจะเป็น … ”

 

“หยุด! หยุดเถอะ! อย่าได้พูดมันออกมาอีกเลย!” โครงกระดูกชุดคลุมดำตะโกนลั่น

 

กู่ฉิงซานตกใจ

 

โครงกระดูกอ้าปากหอบหายใจอย่างรุนแรง

 

หากสังเกตดูอย่างใกล้ชิดจะพบว่าเขากำลังสั่นสะท้าน

 

เนื่องเพราะความหวาดกลัว มันไม่สามารถยับยั้งสัญชาตญาณของร่างกายได้

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำส่ายหัวของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เจ้าน่ะคือ ‘คนเป็น’ ที่น่าหวาดกลัวก็จริง แต่ข้าไม่สนแล้ว! ข้าจะเข้าสู่การจำศีลอีกครั้ง ข้ายอมถูกเจ้าไล่ล่า ดีกว่าที่จะต้องมาสนทนากับเจ้าต่อไป”

 

“ทำไม?” กู่ฉิงซานถาม

 

“เพราะมันอันตราย! อันตรายเกินไป! เจ้าเข้าใจไหม!”

 

ในน้ำเสียงของโครงกระดูกเผยถึงความตื่นตระหนก การแสดงออกของเขาแลดูอึดอัดยิ่ง

 

มันเอ่ยเสียงกระซิบ “เวลานี้เป็นข้าที่ผิดเอง ข้าไม่ควรจะใช้วิธีลัดมาถึงโลกใบนี้ก่อนเลย ข้าควรจะเฝ้ารออย่างสัตย์ซื่อ ให้นรกเยือกแข็งปรากฏตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ก่อนแล้วจากนั้นจึงค่อยออกมา”

 

มันยื่นฝ่ามือใหญ่โตคว้าหมับเข้าที่คอของตัวเอง

 

“นี่จะกลับไปแล้วหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “พวกเราพึ่งจะพูดคุยกันแค่สองสามประโยคเท่านั้นเอง ผมยังมีคำถามอีกสองสามข้อ – ”

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำขัดจังหวะเขา ปากอ้าตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง “ไม่! เอาไปแค่คำเดียวพอ ข้าไม่คิดจะพูดคุยกับเจ้าอีกแล้ว!”

 

มันคำรามอย่างดุเดือด “เจ้ามันสัตว์ประหลาด แต่เมื่อโลกนี้กลายเป็นนรก เจ้าจะไม่มีทางได้ไปนรกอีก!”

 

ว่าจบ โครงกระดูกก็บิดหัวของตัวเอง

 

มันตายแล้ว

 

-ตายลงและจมลงสู่การหลับไหลอีกครั้ง

 

“หนีไปซะแล้ว” กู่ฉิงซานพึมพำ

 

เขาแกว่งดาบเช่าหยินออกไป

 

และท้องทะเลก็กลับมาสงบอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม หัวใจของกู่ฉิงซานกลับไม่สงบลงเลย

 

“เมื่อโลกนี้กลายเป็นนรก เจ้าจะไม่มีทางได้ไปนรกอีก?”

 

น้ำเสียงที่เปล่งประโยคนี้ แฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวอันล้ำลึกผสานไปกับความตื่นตระหนก

 

อะไรกันที่สามารถทำให้คนที่ปกครองโลกมานานนับหลายปี และเป็นถึงราชาในนรกแสดงอารมณ์เช่นนี้ออกมาได้?

 

โครงกระดูกชุดคลุมดำยอมฆ่าตัวตายเอง เสียยังดีกว่าพูดคุยกันเขา

 

สิ่งใดกันที่ทำให้คนตายไปแล้วหวาดกลัวได้

 

เทพวิญญาณสามารถสังหารคนตายได้อย่างงั้นหรือ?

 

กู่ฉิงซานคาดเดาไปหลายทิศทาง แต่เขาก็ไม่สามารถยืนยันความจริงได้เลย

 

ข้อมูลที่มีมันน้อยเกินไป น้อยจนน่าสงสาร

 

กู่ฉิงซานหลับตาลงและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

บางที มันอาจจะน่าหวาดกลัวมากกว่าที่เขาคิดก็ได้

 

แบบนี้ไม่ดีแน่ แผนการขั้นต่อไปควรจะเร่งให้มันเร็วขึ้นซะแล้ว