2 ตอน เสาร์-อาทิตย์

 

หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.342 – เด็กกำพร้าในเกาะหมอก(1)

 

บางที ฉันคงกำลังจะตาย …

 

หลังจากที่ซูเซี่ยเอ๋อเขียนประโยคนี้เสร็จ ปลายปากกาของเธอก็หยุดลง

 

แสงไฟสลัวๆสะท้อนให้เห็นถึงผนังกำแพงสีขาวราวหิมะ

 

บนผนัง มีหลุมสีดำขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

แหวนวงหนึ่งปรากฏออกมาจากรูที่ว่านั่น และสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง

 

หลังจากที่พบว่าทุกอย่างโอเค โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าแหวนนั่นใช้วิธีอะไร แต่มันก็สามารถปิดผนึกหลุมดำเบื้องหลังเธอให้หายไปได้อย่างง่ายดาย

 

เมื่อผนังกลับมาเป็นสีขาวหิมะล้วนอีกครั้ง แหวนก็ร่วงตกลงมา มันกระดอนไปบนโต๊ะ ก่อนจะทำการปรับสมดุลแล้วหยุดนิ่ง

 

“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” ซูเซี่ยเอ๋อถามเสียงกระซิบ

 

แหวนลดเสียงลงและตอบกลับไปว่า “ ‘พวกเธอ’ ไม่รู้ตัวเลย ดูเหมือนว่าฉันจะทำสำเร็จแล้ว”

 

“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากในครั้งนี้นะ”

 

“ยังมีเวลาเหลือหรือเปล่า?” แหวนถาม

 

ซูเซี่ยเอ๋อประสานสองมือของเธอเข้าด้วยกัน ปากเอ่ยอธิษฐานว่า “ฉันหวังว่าจะมีเวลามากพอ”

 

ด้านนอก ปรากฏเสียงเคาะดังขึ้นทันใด

 

และแหวนก็ไม่ส่งเสียงใดๆอีก

 

ซูเซี่ยเอ๋อกัดริมฝีปากของเธอ และปิดไดอารี่ลง

 

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อทำให้อารมณ์ของตัวเองกลับมามั่นคง

 

“มีเรื่องอะไรหรอ?” เธอเอ่ยถาม

 

เสียงเล็กๆของผู้หญิงดังลอดผ่านบานประตูมา “ผู้ฝึกสอนยี่ชาต้องการที่จะพบเธอภายในหนึ่งชั่วโมงนี้”

 

“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

 

เสียงฝีเท้าค่อยๆห่างออกไปจากบานประตู พร้อมกับเสียงสนทนาที่แผ่วเบาเนื่องจากกระซิบ

 

“ช่างเป็นมนุษย์ที่โชคดีโดยแท้”

 

“ใช่ คงจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมท่านผู้ฝึกสอนยี่ชาถึงโปรดปรานเธอ”

 

“ฮึ! นั่นมันไม่ใช่เพราะว่าเธอสามารถมาที่เกาะนี้ได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่หรอกหรือ?”

 

“คอยดูต่อไปในระยะยาวเถอะ ฉันว่าเธอต้องคอยเลียแข้งเลียขาผู้ฝึกสอนแน่ๆ คนประเภทนี้แหละน่ารังเกียจที่สุด”

 

เสียงค่อยๆไกลออกไป

 

ซูเซี่ยเอ๋อกอดสมุดไดอารี่ไว้ในอ้อมอก และนิ่งไปหลายลมหายใจ

 

แม้จะบอกว่าภายในหนึ่งชั่วโมง แต่มันใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงสถานที่ๆผู้ฝึกสอนยี่ชาอยู่ ดังนั้นเธอคงต้องออกไปทันที

 

เวลาค่อนข้างรวบรัด

 

ซูเซี่ยเอ๋อเริ่มแต่งตัว และพร้อมที่จะออกไป

 

ตัวเองเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่ได้ถูกนับว่าเป็นนักเรียนด้วยซ้ำ แต่กลับถูกเรียกตัวไปโดยผู้ฝึกสอนที่ทรงพลัง

 

ต้องรีบแล้ว

 

ถ้าไปสาย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

 

แต่ซูเซี่ยเอ๋อก็ยังคงเลือกที่จะใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการเขียนประโยคที่สองลงบนไดอารี่

 

“ฉันหวังว่าทุกอย่างมันจะมีเวลามากพอ”

 

แล้วสมุดไดอารี่ก็ถูกปิดลง พร้อมกับซูเซี่ยเอ๋อที่ลุกขึ้นและเดินออกไป

 

“เธอตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเกินไป พาฉันไปด้วยเถอะ” จู่ๆแหวนก็เปล่งเสียงออกมา

 

ซูเซี่ยเอ๋อขบคิดเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง ก่อนจะหยิบแหวนขึ้นมา

 

แหวนวงนี้พิเศษมาก ถ้ามันถูกค้นพบโดยผู้ฝึกสอนยี่ชา มันอาจจะถูกยึดไปเลยก็ได้

 

ผู้ฝึกสอนยี่ชามักจะมีวิธีค้นหาสิ่งที่อยู่บนร่างกายของเธออยู่เสมอ

 

และโชคดีที่ในครั้งก่อนๆเธอตื่นตัวและฉลาดพอที่จะซ่อนสมุดเล่มเล็กๆเอาไว้ได้

 

แต่แหวนนี่ …

 

“คุณสามารถเปลี่ยนเป็นแหวน … อ่า .. อะไรก็ได้ที่มันกลมๆและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดจะได้ไหม?” เธอเอ่ยถาม

 

“ได้สิ”

 

ขณะพูด ตัวแหวนก็เปลี่ยนเป็นสีดำ

 

ซูเซี่ยเอ๋อหยิบมันขึ้นมา และลองเล่นมัน

 

ในเรื่องความยืดหยุ่นนับว่าพอใช้ได้

 

ว่าแล้วเธอก็ใช้แหวนนาโนผูกผมตัวเองเป็นทรงหางม้า

 

“ไปกันเถอะ”

 

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองรอบห้องพักของเธอ

 

ที่นี่มีเพียงเตียงเดี่ยว และโต๊ะเล็กๆเท่านั้น

 

ซูเซี่ยเอ๋อมีชีวิตอยู่มานานนับหลายปี แต่เธอไม่เคยอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ต่ำต้อยเช่นนี้มาก่อนเลย

 

แต่ในสายตาของเธอกลับไม่ได้รังเกียจมัน แต่เป็นตรงกันข้าม

 

นี่เป็นพื้นที่เล็กๆของเธอ ไม่ต้องมีข้อพิพาทโต้แย้ง ไม่มีการตีตรา ตีกรอบ และไม่มีใครเข้ามารบกวน

 

ในที่แห่งนี้ เธอสามารถใช้เวลาพักหายใจได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

 

—ฉันไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งไหม

 

ซูเซี่ยเอ๋อถอนหายใจและปิดประตูลงอย่างช้าๆ

 

ด้านนอกประตู เป็นฉากที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

 

ท้องฟ้ามืดมิด

 

กระท่อมชั้นเดียวและดูเรียบง่ายถูกจัดวางเรียงๆกันเป็นแถว

 

ที่นี่คือสถานที่ที่นักเรียนฝึกหัด , คนกวาดขยะ , พ่อครัว , พ่อบ้าน , ยาม ฯลฯ อาศัยอยู่

 

คุณจะสามารถออกจากที่นี่ได้ หากคุณได้กลายมาเป็นนักเรียนอย่างเป็นทางการ

 

ซูเซี่ยเอ๋อเดินไปตามถนนที่ถูกปูด้วยเศษหินและเศษอิฐ มุ่งหน้าไกลออกไป

 

แต่ละก้าวเดินของเธอรวดเร็วมาก

 

หลังจากผ่านสระน้ำพุขนาดเท่าสนามฟุตบอล และรูปปั้นที่สูงกว่าหลายสิบเมตร เธอก็เดินขึ้นไปตามบันไดหินอ่อนและมาถึงขอบหน้าผาในที่สุด

 

คบเพลิงลุกพรึบขึ้นโดยอัตโนมัติ และตกลงในมือของซูเซี่ยเอ๋อ

 

กู่ฉิงเอ๋อก้มลงมองไปยังใต้ฝ่าเท้าของตัวเอง

 

และพบกับขั้นบันไดแคบๆขั้นหนึ่งโผล่ออกมาอย่างเงียบๆ

 

นอกเหนือจากขั้นบันไดแล้ว เบื้องล่างมันคือเหวลึก

 

วิธีการใช้เส้นทางสายนี้ คือจะต้องไม่หันหลังมองย้อนกลับไป , ไม่ก้มหัวลงมองเบื้องล่าง ,  ไม่ได้รับอนุญาตให้พักเป็นเวลานาน … มันอนุญาตให้แค่เพียงก้าวไปข้างหน้า ก้าวต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้น

 

ไม่ว่าใครก็ตามที่ละเมิดกฏเหล่านี้ จะต้องถูกกลืนกินโดยมอนสเตอร์ในสายหมอก และหายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล

 

ซูเซี่ยเอ๋อสูดลมหายใจและเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าในทิศทางหน้าผา

 

ทันทีที่ก้าวไป บันไดขั้นใหม่ก็ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าเธอ

 

เมื่อเธอก้าวเดินไปอีกก้าว ขั้นบันไดเบื้องหลังที่เคยรองรับเท้าของเธอก็หายไป – นี่คือที่มาของกฏที่บอกว่าห้ามหันหลังย้อนกลับไป

 

ซูเซี่ยเอ๋อก้าวออกไปในอากาศ ทีละขั้น ทีละขั้น เดินไปท่ามกลางสายหมอกหนาที่ปกคลุมทุกสิ่งอย่าง

 

เธอยังคงสงบ และถือคบเพลิงในมือ

 

มันเพียงพอที่จะใช้สำหรับให้ความอบอุ่นเท่านั้น

 

เพราะอุณหภูมิในหมอกหนา เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนถูกแช่แข็งจนตายในพริบตา ทว่าหากมีคบไฟนี้ มันจะช่วยแยกอากาศเย็นให้กระจายออกไปโดยอัตโนมัติ

 

เดินต่อไป ก้าวไปอย่างต่อเนื่อง

 

หมอกสีเทาหนาแน่น ปกคลุมไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก

 

ในวิสัยทัศน์ของซูเซี่ยเอ๋อ เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอก

 

ผ่านไปสักพักหนึ่ง จู่ๆเธอก็นึกไปถึงบางสิ่ง และเริ่มใจเสาะขึ้นมาเล็กน้อย

 

เพราะนี่มันเป็นเหมือนกันกับสถานการณ์เดิมของเธอเลย

 

ทิ้งชะตากรรมที่ผ่านมาในอดีต ทิ้งครอบครัวที่น่าเกลียด เธอมาที่นี่เพื่อค้นหาชีวิตใหม่

 

อย่างไรก็ตาม ในหมอกเบื้องหน้า กลับยังมีอีกหลายคนที่จ้องจะเอาชีวิตเธอ นี่มันไม่แตกต่างไปจากเดิมเลยมิใช่หรือ?

 

ราวกับมีเงามืดคอยปกคลุมเวียนวนอยู่รอบตัว มิอาจหลุดพ้นหรือหลบหนีจากมันไปได้เลย

 

ตราบใดที่คุณประมาท ไม่ระมัดระวัง โชคชะตาของคุณก็จะพบกับความโหดร้าย!

 

วิถีทางสายนี้ที่เธอเลือกเดิน มันช่างขมขื่นและน่าเจ็บปวดโดยแท้

 

ซูเซี่ยเอ๋อหยุดฝีเท้า ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา

 

ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

 

ทันใดนั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ มันดูราวกับว่าหมอกกำลังพลุ่งพล่าน ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างขนาดใหญ่กำลังใกล้เข้ามา – นี่คือกฏที่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เดินทางหยุดพัก!

 

ซูเซี่ยเอ๋อจ้องมองมัน สูดลมหายใจอีกสองสามเฮือก และยื่นมือออกมาแตะลงบนหัวตัวเองแบบที่คนๆหนึ่งเคยทำกับเธอ

 

สองเท้าเริ่มก้าวเดินต่อไปอีกครั้ง

 

ด้วยการกระทำเมื่อครู่ ส่งผลให้เธอสามารถเรียกความกล้ากลับคืนมามากพอที่จะเดินไปท่ามกลางความว่างเปล่าที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาได้

 

สิ่งนิรนามพวกนั้นรู้สึกได้ถึงการกระทำของเธอ มันไล่ติดตามอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆล่าถอยไปอย่างช้าๆ

 

ซูเซี่ยเอ๋ออ้าปากถอนหายใจเล็กน้อย

 

‘อันตรายจริงๆ เกือบไปแล้วสิ’

 

เธอพยายามที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง และก้าวเดินลึกเข้าไปในท้องฟ้า

 

หลังจากผ่านพ้นไปหลายสิบนาทีต่อมา

 

ในที่สุด ช่วงเวลาหนึ่ง คบไฟในมือของเธอก็วูบไหว

 

ซูเซี่ยเอ๋อหยุด และปล่อยคบเพลิงในมือของเธอไป

 

คบเพลิงลอยออกไป หายลึกเข้าในหมอก

 

“เคร้ง!”

 

คบเพลิงดูเหมือนว่าจะไปติดอยู่กับอะไรบางอย่าง

 

มันส่งเสียงดังก้องอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่หมอกหนาเบื้องหน้าซูเซี่ยเอ๋อจะแยกออกจากกัน

 

ซูเซี่ยเอ๋อสามารถมองเห็นทางเดินฝั่งตรงข้ามได้อย่างชัดเจน

 

นี่ไม่ใช่ประตูทางเข้าหลัก แต่เป็นทางเข้าลับที่ถูกซ่อนอยู่

 

ซูเซี่ยเอ๋อเดินเข้าไปข้างใน

 

ผนังด้านหลังเธอวูบหายไปทันทีที่เธอเดินเข้ามา

 

ซูเซี่ยเอ๋อก้มศีรษะของเธอลง และยกคอเต่าของชุดเธอขึ้นมาปิดหน้า หลงเหลือทิ้งไว้เพียงส่วนเหนือจมูกขึ้นไป จากนั้นก็เดินไปตามทาง มุ่งหน้าตรงไปยังจตุรัส

 

และเธอก็ยังยกฮู้ดที่อยู่เบื้องหลังขึ้นมาสวมใส่อีกด้วย

 

นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนทางการเห็นว่าเธอมาปรากฏตัวขึ้น มันเป็นวิธีการขั้นพื้นฐานที่สุดในการป้องกันตัวเอง

 

ครั้งก่อนที่เธอมาที่นี่ นักเรียนทางการเห็นเธอ และพยายามลากเธอให้ออกมาสารภาพ

 

ทว่าเสียงระฆังชั้นเรียนดันดังขึ้นเสียก่อน

 

นักเรียนทางการจึงต้องถูกบังคับให้หยุดการกระทำลง และเอ่ยถามชื่อของเธอ ก่อนที่จะเดินจากไปด้วยดวงตาขุ่นเขียว

 

เดชะบุญจริงๆในครั้งนั้น

 

มิฉะนั้น ซูเซี่ยเอ๋อคงทำได้เพียงทุ่มเต็มกำลังสังหารอีกฝ่าย หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายเท่านั้น

 

หลังจากปล่อยให้ผู้คนเดินผ่านไป ซูเซี่ยเอ๋อก็รีบก้าวตรงไปยังด้านหนึ่งของสุดปลายทางเดินอย่างรวดเร็ว … ในที่สุดเธอก็มาถึงที่หมายเสียที

 

มันยาวนานราวกับใช้เวลาเดินทางนับศตวรรษ สุดท้ายแล้วซูเซี่ยเอ๋อก็โล่งใจในที่สุด

 

ในสุดปลายทางเดิน จตุรัสปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ

 

มีสิ่งแปลกๆมากมายหลายอย่างลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบๆ

 

ม้วนคัมภีร์ , ไพ่ , นาฬิกาทราย , ชุดคลุม , หนังสือสีดำ แขนขาของสัตว์ที่ไม่ทราบชนิด , กิ่งไม้ที่ลอยอยู่ในอากาศ …

 

ทุกอย่างที่นี่เป็นตัวแทนที่แสดงถึงพลังของเหล่าผู้ฝึกสอน มันคือตัวแทนของพวกเขา

 

ทว่ากลับมีเพียงสองสิ่งเท่านั้นที่ลอยเด่นสะดุดตาอยู่ใจกลาง แลคล้ายกับทั้งสองถูกรายล้อมไปด้วยดาวบริวาร

 

หนึ่งคือฟันขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นอายไม่ดีออกมา

 

อีกหนึ่งคือม้วนคัมภีร์สีเลือด

 

พวกเขาก็เป็นผู้ฝึกสอนของที่นี่เช่นกัน ทว่ากลับครอบครองตำแหน่งใจกลางของจตุรัสทั้งหมด

 

นั่นคือคณบดี และอาวุโสบังคับกฏ

 

ถ้าหากนักเรียนต้องการพบเจอกับผู้ฝึกสอนคนใด ก็เพียงแค่เดินไปสัมผัสกับสิ่งที่เป็นตัวแทนพลังของผู้ฝึกสอนเหล่านี้ ก็จะสามารถไปยังตำแหน่งของผู้ฝึกสอนได้ทันที

 

ซูเซี่ยเอ๋อถอนสายตากลับมามองเป้าหมายของตัวเองจากในตัวแทนพลังของผู้ฝึกสอนทั้งหลายตรงหน้า

 

อย่างรวดเร็ว เธอก็มองเห็นไพ่ขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึงระดับมนุษย์สองคนยืนเรียงกัน

 

บนหน้าไพ่ ปรากฏหญิงงามที่มีผมเป็นงู กำลังถือโล่ขนาดใหญ่ยืนอยู่บนเส้นทางที่คดเคี้ยว

 

ราวกับรับรู้ถึงการจ้องมองของซูเซี่ยเอ๋อ หญิงงามผมงูหันหน้ามาสบตากับเธอ

 

ซูเซี่ยเอ๋อก้าวไปข้างหน้า โค้งเคารพหญิงงามที่มีผมเป็นงูและกล่าวว่า “หนูมาหาที่ผู้ฝึกสอนยี่ชา”

 

หญิงงามผมงูผงกหัวเล็กน้อย และเดินปลีกตัวออกไปด้านข้าง

 

เธอเปิดเส้นทางให้แก่ผู้มาเยือน

 

และซูเซี่ยเอ๋อก็เดินเข้าไปในไพ่

 

จากด้านข้างของหญิงงามผมงู จะเห็นว่าซูเซี่ยเอ๋อกำลังก้าวเดินต่อไปตามถนนที่คดเคี้ยวเบื้องหน้า

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเซี่ยเอ๋อก็ปีนขึ้นมาบนภูเขา

 

ที่ด้านบนยอดเขา ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดสีดำยืนหันหลังให้แก่เธอ สาดสายตามองไกลออกไปจากริมขอบหน้าผา

 

พร้อมด้วยกระดานวาดภาพที่ลอยอยู่เงียบๆเบื้องหน้าหญิงสาวในชุดดำ

 

หญิงสาวในชุดดำมองออกไปในป่าด้านนอกภูเขา คว้าแปรงพู่กันขึ้นมา และเริ่มวาดเส้นเงาลงบนกระดานภาพ

 

หมอกอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมรอบตัวผู้ฝึกสอน ทำให้ยากที่จะเห็นรูปร่างและหน้าตาของเธอได้อย่างชัดเจน

 

แต่คู่ปีกสีขาวที่อยู่ข้างหลังเธอ กลับไม่สามารถถูกหมอกดำปิดซ่อนมันได้

 

รัศมีแสงสว่างไสวลอยอยู่เหนือศีรษะของเธออย่างเงียบๆ และตรงจุดนี้ช่างดูโดดเด่นและดึงดูดความสนใจมากเป็นพิเศษ

 

เพราะมันทำให้เธอดูราวกับเป็นนางฟ้า นางสวรรค์ในตำนาน

 

“รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบผู้ฝึกสอนยี่ชา” ซูเซี่ยเอ๋อคารวะ

 

หญิงในชุดดำไม่หันกลับมา เธอยังคงหันหน้าไปทางป่ารกร้างเบื้องล่าง และวาดรูปต่อไปอย่างพิถีพิถัน

 

เธอไม่ได้อ้าปากพูด ดังนั้นซูเซี่ยเอ๋อจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ

 

มันใช้เวลาอยู่นานกว่าที่หญิงในชุดดำจะหยุดฝีแปรงลงและเอ่ยถามว่า “พรุ่งนี้จะเป็นการทดสอบอย่างเป็นทางการ เจ้ามั่นใจว่าจะผ่านมันไปได้หรือไม่?”

 

“ไม่ แต่หนูจะลองพยายามดู” ซูเซี่ยเอ๋อสารภาพออกไปตามความจริง

 

“ถ้าไม่มีความมั่นใจ การกระทำของเจ้าก็เปรียบดั่งการรีบร้อนไปตายเท่านั้น”

 

“แต่หนูก็ยังอยากที่จะพยายาม”

 

หญิงในชุดดำมองทิวทัศน์ที่ไกลห่างออกไป มือคว้าจับแปรงพู่กัน และเริ่มวาดภาพอีกครั้ง

 

แล้วจู่ๆเธอก็เอ่ยออกมาว่า “นับจากนี้ไป เจ้าจะกลายมาเป็นลูกศิษย์ของข้า”

 

ซูเซี่ยเอ๋อตกอยู่ในความเงียบงัน มิตอบสนองไปครู่หนึ่ง

 

การเป็นสานุศิษย์ของผู้อื่นมิใช่เรื่องดีซะทีเดียว

 

เพราะผู้ฝึกสอนจะมีอำนาจเด็ดขาด และสามารถสังหารสานุศิษย์ของพวกเขาได้

 

แต่ในขณะเดียวกัน นักเรียนฝึกหัดที่ไม่ได้มีผู้ฝึกสอนเป็นที่ปรึกษาใดๆ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ถูกฆ่าตายได้โดยง่ายดาย

 

และขณะนี้ ซูเซี่ยเอ๋อก็คือนักเรียนฝึกหัด

 

สถานะปัจจุบันของเธอ คือปราการชั้นสุดท้ายที่มีไว้ใช้ปกป้องตนเอง

 

เมื่อคุณกลายเป็นลูกศิษย์ของอีกฝ่าย บุคคลอื่นๆก็จะไม่ถามไถ่หรือสนใจเกี่ยวกับชีวิตและความตายของเธออีก

 

หญิงชุดดำเฝ้ารออยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ เธอจึงหัวเราะออกมา “เพียงเพราะเจ้าสามารถมายังเกาะนี้ได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นจึงรังเกียจที่จะรับผู้ฝึกสอนที่ตายไปแล้ว จึงมาถึงที่เกาะหมอกนี้ได้อย่างงั้นใช่ไหม?”

 

หมอกสีดำกระชากออกมาจากร่างกายผู้ฝึกสอนอย่างรวดเร็ว

 

ซูเซี่ยเอ๋อรีบตอบกลับไปทันที “หนูไม่กล้า มันไม่ใช่แบบนั้น”

 

เธอไม่ได้เป็นนักเรียนทางการ ดังนั้นหากเธอเอ่ยคำดูถูกหรือแสดงการกระทำแบบนั้นออกมากับผู้ฝึกสอน อีกฝ่ายก็จะสามารถฆ่าเธอได้อย่างสัตย์ซื่อ

 

และจะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเธอได้เลย

 

“เช่นนั้นมันเป็นเพราะอะไร?” หญิงชุดคลุมดำถาม

 

“หนูแค่ต้องการที่จะพิจารณาเกี่ยวกับมันอีกครั้ง” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

 

“พิจารณา? ไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรอีก” หญิงชุดดำกล่าว

 

เธอเอ่ยอย่างหงุดหงุด “ข้าจะให้เวลาเจ้านาทีสุดท้าย หากเจ้ายังไม่ต้องการ แม้ว่าข้าจะต้องถูกลงโทษในภายหลัง แต่ข้าจะฆ่าเจ้าซะเดี๋ยวนี้เลย”

 

ด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ทำให้ตาข่ายที่คอยแยกกั้นระหว่างทั้งสองพังทลายลงในที่สุด

 

ใช่แล้วล่ะ

 

หากข้าต้องการชีวิตเจ้า

 

เจ้ามันจะไปทำอะไรได้?

 

แม้หญิงชุดคำจะพูดกับซูเซี่ยเอ๋อ แต่ในมือของเธอก็ยังคงปาดแปรงลงบนกระดานภาพต่อไป

 

การฆ่า ดูเหมือนจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

 

และเธอก็ขี้เกียจเกินไปที่จะหันกลับไปมองซูเซี่ยเอ๋อ แม้เพียงวูบหนึ่ง

 

ซูเซี่ยเอ๋อบีบกำปั้นของเธอ

 

เร็วเข้า

 

เร็วอีกหน่อยสิ!

 

นี่มันยังไม่ ‘ถึงเวลานั้น’ อีกหรอ?

 

บนภูเขา มีเพียงสายลมหนาวที่พัดโชยต่อเนื่องเท่านั้น

 

หนึ่งนาทีกำลังจะผ่านพ้นไปในไม่ช้า

 

ซูเซี่ยเอ๋อก้มหัวลงอย่างเศร้าสลด

 

มันดูเหมือนว่าแผนการที่วางไว้จะสายเกินไป

 

เธอค่อนข้างจะสิ้นหวัง

 

แต่ทันใดนั้นเอง เธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเล็กน้อยตามเส้นผมของเธอ

 

มันคือความร้อนที่ปล่อยออกมาจากแหวนนาโนที่กำลังทำงานด้วยความเร็วสูง

 

ในแหวนนาโน มีตัวAIขนาดจิ๋วที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษอยู่ มันจะช่วยทำหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันของซูเซี่ยเอ๋อนับร้อยนับพันครั้ง

 

“เกิดข้อผิดพลาดในด้านเวลา”

 

“การจัดเตรียมแผนการที่สอดคล้อง ไม่สามารถทำเวลาได้ตามเป้า”

 

“เริ่มต้นตัดสินสถานการณ์ในปัจจุบันอีกครั้ง”

 

“คำตัดสิน : ซูเซี่ยเอ๋อมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่จะตาย”

 

“ทำการค้นหามาตรการตอบโต้ เพื่อช่วยชีวิตซูเซี่ยเอ๋ออีกครั้ง”

 

“เริ่มรังสรรกลยุทธ์”

 

“กลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเงื่อนไขของเกาะหมอก รวมไปถึงสถานการณ์เงื่อนไขในปัจจุบัน ทางเลือกคือ  กลยุทธ์ที่เหมาะสมคือหมายเลข 739 ”

 

“เริ่มต้นการประกอบอุปกรณ์เสียงนาโน”

 

“คุณสมบัติเสียงของซูเซี่ยเอ๋อถูกอัพโหลดแล้ว”

 

“เตรียมการพูดแทนซูเซี่ยเอ๋อ”

 

“พร้อมปฏิบัติการแล้ว”

 

ผมของซูเซี่ยเอ๋อสยายออก

 

คราวนี้ แหวนที่แต่เดิมแปรสภาพเป็นหนังยางรัดผม บัดนี้ค่อยๆแปรสภาพเป็นเส้นผม และเคลื่อนผ่านระหว่างปลายผมของเธอไปอย่างช้าๆ

 

แม้ว่าหญิงชุดดำจะหันหลังอยู่ แต่ซูเซี่ยเอ๋อก็ยังคงระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก

 

เส้นผ่านศูนย์กลางของมันเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของเส้นผมธรรมดาเท่านั้น

 

มันปรับสีของมันเอง และเปลี่ยนเป็นสีผิวของซูเซี่ยเอ๋อ

 

มันเลียนแบบท่าทางการหล่นของผมอย่างเป็นธรรมชาติ และค่อยๆร่วงตกลงไปยังมุมปากของเธออย่างแผ่วเบา

 

ซูเซี่ยเอ๋อเผยอริมฝีปากเล็กน้อย

 

และเส้นผมก็หายไปในฉับพลัน

 

…….

 

“หมดเวลาแล้ว เจ้าจะต้องบอกการตัดสินใจเดี๋ยวนี้” เสียงของหญิงชุดดำดังขึ้น

 

ในน้ำเสียงของเธอ แผ่เจตนาฆ่าออกมาอย่างแผ่วเบา “ไม่ว่าจะตายตอนนี้ หรือเฝ้ารอไปตายในช่วงเวลาที่เจ้าบอกว่าจะลองพยายามดู ถ้ายังไงก็จะต้องตายอยูแล้ว หากเจ้าเลือกอย่างหลังแล้วยอมรับข้าเป็นอาจารย์ เจ้าก็จะยังคงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนิดหน่อยมันจะไม่ดีกว่าหรือ”

 

น้ำเสียงและท่าทีการแสดงออกของเธอเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลง “ซูเซี่ยเอ๋อ เจ้าต้องการที่จะคารวะข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”

 

บังเกิดเสียงหมดหวังดังขึ้นจากอากาศเบื้องหลัง

 

“หนูตัดสินใจที่จะคารวะท่านเป็นอาจารย์”

 

ทันทีที่ประโยคนี้เสร็จสิ้นลง เบื้องหน้าของหญิงชุดดำ ก็ปรากฏไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาทันใด

 

ไพ่ส่งเสียงดังพรึบออกมา และถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านในพริบตา

 

หญิงชุดดำยิ้มอย่างเงียบๆ

 

เธอกล่าวเสียงกระซิบ “ยอดเยี่ยม ไพ่ใบนี้ได้เป็นสักขีพยานระหว่างเราแล้ว เมื่อเจ้าผ่านการทดสอบฝึกหัด เจ้าก็จะกลายมาเป็นศิษย์ของข้า”

 

ช่วงเวลานี้ หญิงชุดดำดูจะมีความสุขมาก

 

หลังจากการทดสอบฝึกหัด ทั้งสองจะมีความสัมพันธ์ฺระหว่างศิษย์อาจารย์อย่างเป็นทางการ

 

เมื่อถึงเวลานั้น ชีวิตและความตายของสาวน้อยคนนี้ก็จะอยู่ในมือของเธอ

 

‘ในที่สุดก็จับตัวได้เสียที’

 

เพราะเธอคือคู่แข่งเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

 

และเธอจะต้องตาย!