บทที่ 27

เมื่อเห็นว่าถังหยินกำลังจับตัวประกันไว้ในมือ อู่เหมยก็ตะโกนเรียกทหารรอบ ๆ แล้วชี้ไปที่หยูฉาง “เจ้าเป็นใครกัน?”

“ช้า… ข้า…” หยูฉางตัวสั่นเท่า ถังหยินทำให้เขาหวาดกลัวมามากพอแล้ว ตอนนี้ก็ยังมีแม่ทัพที่ใส่เกราะวิญญาณมาอีก เขากลัวจนตัวสั่นแทบพูดไม่ออก

แล้วแบบนี้อู่เหมยจะฟังที่เขาพูดหรือ? หญิงสาวเดินเข้าไปแล้วใช้สันดาบกระแทกที่หัวของเขา “พูดมาสิ!”

“ข้าคือ… หยูฉาง!”

ถังหยินไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่อู่เหมยรู้ดีเลยทีเดียว

หลังจากเห็นท่าทางของหยูฉาง ร่างของนางก็สั่น ดวงตาเบิกกว้าง หญิงสาวมองหยูฉางอย่างละเอียดอีกครั้งและถามเพื่อความแน่ใจ “องค์ชายลำดับที่ 3 แห่งแคว้นหนิง หยูฉาง น่ะหรือ?”

องค์ชายลำดับที่สาม? ถังหยินตะลึง เขามองใบหน้าที่สั่นเทาไปพร้อมกับร่างกายของหยูฉาง แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นถึงองค์ชายของหนิง

“ใช่แล้ว ข้าคือองค์ชายสาม!” หยูฉางพยักหน้ากลอกตาไปมาและพยายามทำเป็นสงบสติ “ในเมื่อรู้แล้วว่าข้าเป็นใคร ข้าแนะนำ… ให้เจ้าปล่อยตัวข้าไม่งั้น…”

“ฮ่าๆ” อู่เหมยหัวเราะออกมาขัดบทเขาอย่างดัง

นางไม่คิดว่าจะมีวันที่สามารถจับหยูฉางมาได้เลย แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้องค์ชายสามกลับตกอยู่ในเงื้อมมือของนางง่าย ๆ แบบนี้ นี่จะต้องเป็นตัวรับประกันความปลอดภัยให้หญิงสาวรอดผ่านประตูตงไปได้แน่ ๆ

จากนั้นนางก็หันไปพยักหน้าให้กับถังหยินแล้วชื่นชมเขา “แม่ทัพถัง เราคิดไม่ผิดเลยที่วางใจเจ้า เจ้าทำได้ดีมาก!” โดยไม่รอให้ถังหยินตอบกลับนางก็รีบพูดกับหยวนกุย “เจ้าคือแม่ทัพหยวนสินะ?”

หยวนกุยตะลึงที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขา แต่เขาเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นไม่นานจึงตั้งสติได้ ก่อนจะพูดตอบออกไป “ใช่แล้ว ข้าคือแม่ทัพถัง แล้วท่านล่ะ?”

“อู่เหมย!” หญิงสาวหัวเราะออกมา

“อ๊า!” หยวนกุยไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาเคยได้ยินถึงเรื่องราวของสตรีที่เก่งกาจแห่งแคว้นเฟิงแถมยังมากไปด้วยเสน่ห์คนนี้ นางถือได้ว่าเป็นสุดยอดวีรสตรีแห่งยุคได้เลยทีเดียว

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหยูฉางถูกจับกุมตัวก่อน คงไม่มีใครในนี้หนีรอดจากเขตหน้าด่านตงไปได้หรอก ถ้าเกิดว่าพวกเขาจับกุมอู่เหมยได้จะยิ่งได้ความดีความชอบยิ่งขึ้นไปอีก แต่ตอนนี้เขาไม่คิดอะไรแล้ว ขอแค่ช่วยฝ่าบาทได้ก่อนทุกอย่างก็จะเรียบร้อย

แม่ทันหนิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “แม่ทัพอู่ ตราบเท่าที่คนของท่านปล่อยตัวฝ่าบาท ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของท่านและคนของท่านด้วยเกียรติของข้า”

หญิงสาวส่ายหัว

หยวนกุยมีสีหน้าที่มืดหม่นและถามอย่างเยือกเย็น “แม่ทัพอู่ไม่เชื่อในเกียรติของข้างั้นหรือ?”

นางพูดอย่างนิ่งเฉย “ตอนนี้เราไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น แม่ทัพหยวน เรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า ตราบเท่าที่คนของเรากลับออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย องค์ชายของพวกเจ้าก็จะกลับไปได้โดยไร้ร่องรอย!”

ใบหน้าของงหยวนกุยเศร้าสร้อย “ไม่มีข้อตกลงอื่นแล้วหรือ?”

อู่เหมยไม่ตอบและมองถังหยิน

ชายหนุ่มเองก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่านางหมายถึงอะไร เขาบีบคอของหยูฉางให้แน่นขึ้นเพื่อทำให้องค์ชายดิ้นทุรนทุราย

หยวนกุยที่ไม่เคยกลัวสิ่งใด ในตอนนี้เขากลัวองค์ชายที่สุด เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็ถอยออกมาเล็กน้อยยกมือขึ้นและพูดอย่างตระหนก “ได้ ได้ ได้ ตราบเท่าที่เจ้าไม่ทำอะไรฝ่าบาท ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการทุกอย่าง!”

“ฉลาดดีนี่!” อู่เหมยหัวเราะ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ขอลาตรงนี้เลยก็แล้วกัน แม่ทัพหยวน หวังว่าเราคงจะได้พบกันสักวันหนึ่ง!” นางหันไปบอกกับทหารที่เหลือให้รีบถอยทัพ

เขาทำได้แค่มองพี่น้องอู่พาถังหยินและคนอื่นผ่านจุดตรวจไปยังประตูตง แม่ทัพหนิงบางคนวิ่งมาบอกกับเขาอย่างร้อนรน “แม่ทัพหยวน เราจะปล่อยพวกเขาไปจริง ๆ หรือ?”

“แล้วจะให้ข้าทำอะไรได้?” หยวนกุยกัดฟันพูด “ฝ่าบาทอยู่ในกำมือพวกมัน ถ้าหากเราพลาดเจ้าจะรับผิดชอบได้รึเปล่าล่ะ?”

แม่ทัพหนิงทุกคนมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก

หยวนกุยขมวดคิ้ว เขาก้มหัวครุ่นคิดและพูดออกมา “องค์ชายสามอยู่ในกำมือของศัตรู นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก และไม่อาจปกปิดได้ เจ้าจงควบม้าไปบอกองค์ชายรองซะ ให้ฝ่าบาทได้เตรียมตัวก่อน”

“รับทราบ!” พลทหารหนิงนายนั้นไม่กล้าช้าไปมากกว่านี้ เขารีบขึ้นม้ามุ่งหน้าไปยังเขตหน้าด่านตงทันที

หลังจากที่เขาออกไป หยวนกุยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขานำกองทัพตามพวกอู่เหมยไปทันที

สำหรับถังหยินและคนอื่น หลังจากที่ผ่าแนวป้องกันพวกหนิงมาได้แล้ว พวกเขาก็เริ่มโล่งอก

อู่เหมยปลดเกราะวิญญาณออกกลายเป็นรูปลักษณ์ปกติ ดวงตาของนางจ้องไปยังถังหยิน “แม่ทัพถัง ครั้งนี้หนีมาได้ต้องขอบคุณเจ้ามาก!”

ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่หยูฉางที่อยู่บนหลังม้ากลับมองถังหยินด้วยปากที่อ้าออกจนลืมไปว่ากำลังตกอยู่ในสถานการ์ณอันตราย

“นี่เป็นเพราะแผนของท่านแม่ทัพอู่ต่างหาก อย่างไรก็ตามหวังว่าท่านจะไม่มอบภารกิจยาก ๆ แบบนี้ให้ข้าอีกนะ” ไม่มีใครอยากจะเป็นตัวตายตัวแทนหรอก แม้แต่ถังหยินก็ไม่ยกเว้น

ระหว่างที่เขาพูด ชายหนุ่มก็ได้ปลดชุดเกราะของแคว้นหนิงออกจนหมด

หญิงสาวเห็นร่างของชายหนุ่มมีบาดแผลที่ซี่โครง เลือดไหลออกมามากมาย

โดยไม่ต้องถาม ชิวเจิ้นรีบเข้ามาแล้วยื่นคอถามอย่างตื่นตระหนก “สหายถัง เจ้าบาดเจ็บงั้นเหรอ?!”

ตามปกติแล้ว เขาไม่มีม้าหรอก แต่เมื่อพวกถังหยินมารวมกลุ่มกับอู่เหมย ก็เลยโชคดีได้ม้ามาเพิ่มอีก

“ไม่มีอะไรหรอก เล็กน้อย” มุมปากถังหยินยิ้มออกมา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด ร่างกายของเขาจะฟื้นตัวเร็วกว่าปกติอยู่แล้ว แต่เพราะว่าสองแผลนี่มันลึกเกินไป การใช้พลังปราณในการรักษามันจะกินพลังงานมาก สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเสี่ยง

อู่เหมยจ้องมองชายหนุ่มแล้วยื่นขวดน้ำให้กับเขา “รับไปซะ”

ถังหยินเอื้อมมือไปรับมันทันที “อะไรน่ะ?”

“ยาแก้ปวด”

“ขอบคุณมาก!” ถังหยินเปิดฝาแล้วดื่มมันทันที ทว่าหญิงสาวกลับเอื้อมมือไปแตะบาดแผลของเขา

ถังหยินก้มมองด้วยความสับสน

อู่เหมยตะลึง นางจ้องมองรอยแผลเหล่านั้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ยานี่ไม่ได้เอาไว้ให้ดื่มนะ มันเอาไว้ทาแผล”

ชายหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ หน้าเขาแดงในขณะที่อู่เหมยหัวเราะคิกคัก “แล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า!”

เขาเอาน้ำยามาทาบาดแผล จากนั้นก็เอาเศษผ้ามาพันเอาไว้

อู่เหมยเดินมาข้าง ๆ ชายหนุ่ม ก่อนที่จะก้มมองรอยแผลดังกล่าวชัด ๆ สองรอยนั่นมาจากอาวุธจำพวกหอก รอยแผลไม่ใหญ่มาก แต่มันก็ลึกมากทีเดียว ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงตายไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดการขี่ม้าเลยนะ อย่างไรก็ตามถังหยินกลับไม่รู้สึกอะไรมากนักหลังจากที่ได้ยา นางเลิกคิ้วขึ้นแต่ไม่ส่งเสียง

ถ้าเขาไม่รู้สึกเจ็บ นี่ก็น่าจะเป็นความอดทนที่สูงมาก! อู่เหมยเคยผ่านตาผู้คนมามากมาย แต่นางกลับมองถังหยินไม่ออกเลย ยิ่งนางมองเขาก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น

“เจ้าจับหยูฉางได้ยังไง?” อู่อิงที่อยู่ข้าง ๆ พี่ของนางถาม

นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวพูดกับถังหยิน

ชายหนุ่มตะลึงนิดหน่อยก่อนที่จะนึกคำตอบออกมาให้ “ก็แค่โชคช่วยล่ะมั้ง!”

“โชคลาภงั้นเหรอ?” แน่นอนว่าการจับตัวแม่ทัพศัตรูในกองทัพต้องใช้โชคมหาศาล แต่อู่อิงไม่คิดว่าเขาจะต้องพึ่งพามันมากขนาดนั้น

“เขา… เขาเป็นผู้ใช้มนตรา!” หยูฉางพูดขัดขึ้นเสียงดัง

พี่น้องอู่เองก็สวยงามมาก แต่รัศมีของพวกนางต่างกันออกไป คนหนึ่งสวยงามแต่เยือกเย็น อีกคนก็สวยงามแต่ร้อนแรง

“มนตรางั้นเหรอ?” สองพี่น้องหันมามองถังหยินพร้อมกัน

หยูฉางกลืนน้ำลายก่อนจะพูด “ตอนนั้นเขาอยู่ข้างหน้าข้าแน่ ๆ ข้าไม่รู้หรอกว่าเขาทำยังไงถึงมาอยู่ข้างหลังข้าได้…”

“ฮ่า!”

บทพูดของหยูฉางถูกขัดเอาไว้ก่อน

ถังหยินตบหัวของเขาอย่างไม่ไยดี “เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละ”

หยูฉางมองถังหยินและพบกับสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ องค์ชายสามแห่งแคว้นหนิงได้แต่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ปากของเขาหุบทันที

อู่เหมยและอู่อิงประหลาดใจไม่ต่างกันเลย นางกำลังจะถามแต่อู่อิงชิงพูดก่อน “แล้วเราจะทำยังไงกับเขา? ฆ่าหรือปล่อยตัว?”

อู่เหมยหัวเราะออกมาด้วยความงดงามและไพเราะ แต่คำที่พูดออกมากลับทำให้หยูฉางหวาดกลัวสุดขีด

“แน่นอนว่าไม่! เมื่อพวกเรากลับไปที่ประตูตงได้แล้ว เราจะตัดหัวเขากลับไปเป็นของบรรณาการ! แบบนี้แคว้นเฟิงของเราก็จะถือว่าได้ชิงชัยชนะกลับมาจากในสงครามครั้งนี้!”