บรรยากาศทั้งจัตุรัสเกิดความเงียบสงบ
สายตาที่ทุกคนมองฉู่หลิวเยว่ราวกับกำลังมองคนบ้า เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า อีกสองวิชาที่เหลือนางก็จะสอบด้วยหรือ หรือนางคิดว่าตนเองจะสามารถสอบผ่านทั้งสามสาขา
เมื่อมองดูทั่วทั้งแคว้นเย่าเฉิน มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถสอบผ่านสามสาขาพร้อมกันได้!
ไป๋เชินขมวดคิ้วเป็นปม
“เจ้ารู้ไหมว่ากำลังพูดถึงอะไร เจ้าอยากสอบสองวิชาที่เหลือจริงหรือ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ไป๋เชินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันและสะบัดแขนเสื้อ
“ได้! แล้วข้าจะคอยดูว่าผลสอบเจ้าจะออกมาเยี่ยงไร!”
เมื่อพูดจบเขาก็พยักพเยิดไปทางฉู่หลิวเยว่เพื่อให้นางเปิดกล่องไม้สีดำอีกสองกล่องที่เหลือด้วยตนเอง
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปเปิดกล่องที่อยู่ตรงกลาง
ข้างในมีกระดาษวางอยู่หนึ่งแผ่นและหมากกระดานที่เรียงมาให้หนึ่งกระดาน
บนกระดานหมากกระดานมีตัวหมากสีดำและสีขาวได้ถูกวางไว้ใกล้จะถึงคราวจบตาแล้ว
ฉู่หลิวเยว่เพียงมองดูก็รู้ว่าตัวเบี้ยบนกระดานหมากกระดานถูกวางตามกฎเกณฑ์บางอย่าง จนเรียงเป็นค่ายกลกระบี่!
และในกระดาษแผ่นนั้นได้เขียนถึงเงื่อนไขการสอบปรมาจารย์ในครั้งนี้
“หากแก้หมากบนกระดานนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยาม ถือว่าสอบผ่าน!”
ไม่แน่ในสายตาของคนทั่วไปอาจมีเวลามากมายในหนึ่งชั่วยามที่จะสามารถแก้หมากกระดานที่ใกล้จบตานี้ได้ แต่อันที่จริงแล้วมันต่างจากหมากกระดานทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
บนตัวหมากสีขาวดำอาจมีพลังแห่งฟ้าดินแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย
พวกมันถูกวางไว้ในตำแหน่งที่แตกต่างกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันซึ่งก่อให้เกิดสถานการณ์ที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง
หากต้องการแก้หมากกระดานนี้ จะต้องสามารถรับรู้ถึงกระแสของพลังระหว่างฟ้าดินได้อย่างชัดเจน!
จุดง่ายๆ เพียงนิดเดียว แค่สามารถสกัดดาวรุ่งคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
และบางคนถึงแม้พอจะหยั่งรู้ฟ้าดินได้บ้าง แต่ก็ไม่สามารถแยกแยะกฎเกณฑ์ได้อย่างชัดเจน นับประสาอะไรกับการหาวิธีแก้ด่านสุดท้ายได้
ดังนั้นมีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงและมีศักยภาพที่จะเป็นปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถผ่านด่านนี้ได้!
ไป๋เชินเดินเข้ามาหาแล้วหยุดมองที่ฉู่หลิวเยว่
“เจ้าต้องหยิบหมากกระดานนี้ออกมา…”
ถึงแม้จะมีเวลาสอบหนึ่งชั่วยาม แต่ก็สามารถนำกระดานออกมาเพื่อความสะดวกในการสอบของนักเรียน
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“ขอบคุณอาจารย์ไป๋เชินที่ชี้แนะ แต่ว่า ไม่เป็นไร”
ไป๋เชินชะงักแล้วหัวเราะเยาะในใจ
ปฏิเสธง่ายๆ เช่นนี้ แสดงว่ารู้ตัวว่าแก้หมากไม่ได้เลยยอมถอดใจแน่นอน!
เขาสบถออกมา
“ในเมื่อไม่มีความอดทน เช่นนั้นก็อย่าฝืนเลย ปรมาจารย์เป็นได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ”
เขาพูดพลางเตรียมจะเก็บกล่องดำขึ้นมา
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น
ไป๋เชินแน่ใจว่านางสอบไม่ผ่านและคิดว่านางยอมแพ้แล้วอย่างนั้นหรือ
“อาจารย์ไป๋เชิน โปรดรอเดี๋ยว”
ไป่เฉินเหลือบมองนางอย่างเหลืออด นางยังจะรบเร้าสิ่งใดอีก
ฉู่หลิวเยว่หยิบหมากสีดำขึ้นมาแล้ววางไว้ที่ใดที่หนึ่งบนกระดานโดยไม่ลังเลสักนิด!
ปึก!
ในขณะที่วางหมากบนกระดานก็เกิดเสียงเล็กน้อย
ขณะที่ไป๋เชินกำลังจะประณามนาง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบนกระดานหมากเล็กน้อย!
เขาหันไปมองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงเห็นว่าตัวหมาสีดำและสีขาวดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยพลังที่มองไม่เห็น แล้วพวกมันก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมา แล้วก็ตกลงไปในโถใส่หมากได้อย่างแม่นยำ!
กะแล่กๆ!
เสียงหมากหมากกระทบกันดังก้องกังวาน ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจทุกคน!
ฉู่หลิวเยว่แก้ด่านสุดท้ายของหมากกระดานนี้ได้จริงๆ ด้วย!
ไป๋เชินตกตะลึงไปพักใหญ่ๆ แล้วเขาก็ไม่สามารถเรียกสติกลับคืนมาได้!
มะ เมื่อครู่นี้…ฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาไปเท่าไหร่
ดูเหมือนจะไม่ถึงเศษเสี้ยวเลยด้วยซ้ำ!
เมื่อบวกกับเวลาที่คุยกับเขา อาจกล่าวได้ว่าฉู่หลิวเยว่สามารถแก้หมากกระดานนี้ได้หลังจากเหลือบมองแค่ไม่กี่ครั้ง!
คราวนี้ไป๋เชินตกใจมากจริงๆ!
เขาอยู่ในสำนักเทียนลู่มาหลายปี เคยเห็นปรมาจารย์มานักต่อนัก แต่กลับไม่เคยเห็นผู้ใดที่สามารถผ่านการทดสอบนี้ได้เร็วขนาดนี้มาก่อน!
ที่เร็วขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรู้คำตอบมาก่อน หรือ…ไม่ก็มีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้!
แต่ทว่าหมากกระดานก็ยังคงเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์ของสำนักเทียนลู่ ในการทดสอบแต่ละครั้งสามารถสุ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ที่แตกต่างกันได้
ก่อนเปิดกล่องดำนั้น ต่อให้เป็นเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าข้างในจะเป็นยังไง
ซึ่งหมายความว่าฉู่หลิวมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งสำหรับการเป็นปรมาจารย์
ด่านผู้ฝึกยุทธ์ก่อนหน้านี้ เพราะเขาไม่เคยสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพลังในร่างกายฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นไป๋เชินจึงคิดเสมอว่าฉู่หลิวเยว่เล่นลูกไม้แล้วบังเอิญสอบผ่าน
มิฉะนั้น ไม่มีทางอธิบายได้จริงๆ ว่านางทำเช่นไรถึงทำให้เขารู้สึกถูกข่มพลังอย่างรุนแรง และนางยังเผชิญหน้ารับกระบวนท่านั้นของเขาได้อีกด้วย
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้ไป๋เชินตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าฉู่หลิวเยว่มีพรสวรรค์จริงๆ!
อย่างน้อย นางก็มีพรสวรรค์ที่จะกลายเป็นปรมาจารย์ชั้นยอดได้
“อาจารย์ไป๋เชิน เช่นนี้ถือว่าผ่านหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มกว้าง น้ำเสียงของนางยังคงเรียบนิ่งเหมือนเคย ราวกับว่านางไม่รู้ว่าความสามารถที่เพิ่งแสดงออกมานั้นน่าทึ่งเพียงใด!
แต่ไป๋เชินไม่สามารถสงบนิ่งเหมือนนางได้ ราวกับว่าคลื่นลูกใหญ่ได้ซัดเข้ามาในหัวใจของเขา!
เพราะว่า…
เขาเองก็เป็นปรมาจารย์
นักเรียนของสำนักเทียนลู่ หลังจากเข้าสำนักแล้ว มักจะแบ่งให้ไปเรียนกับอาจารย์คนละแขนงวิชา
แต่ปรมาจารย์และหมอเทวดา เนื่องจากมีร่างกายพิเศษก็เป็นไปตามนั้น
อาจารย์ทุกท่านแทบจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
มีอาจารย์ที่เป็นปรมาจารย์ไม่กี่คนในสำนักเทียนลู่ พวกเขามักจะแข่งขันกันเอง และพวกเขาชอบที่จะแสดงให้เห็นว่านักเรียนที่ตนเองเป็นผู้สอนเก่งกาจแค่ไหน
ไป๋เชินมั่นใจอย่างยิ่งว่า ฉู่หลิวเยว่จะเป็นปรมาจารย์อัจฉริยะที่หาได้ยากในศตวรรษ!
ฉู่หลิวเยว่รออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไป๋เชินไม่พูดอะไร นางจึงอดเรียกเขาไม่ได้
“อาจารย์ไป๋เชิน”
ทันใดนั้นไป่เชินก็เรียกสติกลับคืนมา เขามองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาราวกับมองของล้ำค่าที่หายาก
เขาลูบไม้ลูบมือ ใบหน้าแย้มยิ้มด้วยความกระตือรือร้น ประกอบกับหน้าหยาบกร้านที่เดิมทีมักเคร่งขรึมนั้น จึงทำให้ตอนนี้เขาดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
“ผ่านๆๆ แน่นอนว่าผ่าน แหะๆ เสี่ยวหลิวเยว่ เจ้ายังมีอะไรที่อยากร้องขออีกหรือไม่ พูดมาได้เลย รวมถึงตัวอาจารย์ไป๋เชินด้วย!”