ด้านนอกประตู

พวกโจวหรงหรงตกใจจนเอามืออุดปากเมื่อเห็นภาพตรงหน้า!

ทำไมถึงเป็นแบบนี้!

ไม่ใช่คุณเย่เป็นฝ่ายคุกเข่าให้คุณฉิน แต่เป็นคุณฉินที่คุกเข่าให้คุณเย่!

หนำซ้ำหนึ่งนาทีก็ยังไม่ถึง แค่วินาทีแรกที่เจอหน้ากันคุณฉินก็คุกเข่าลงทันที!

หรือจะบอกว่าคุณเย่ที่มาใหม่นั้นมีเสน่ห์และทรงอำนาจ จนขนาดคุณฉินที่มักจะทำตัวเย่อหยิ่งยังให้ความเคารพนับถือเลยหรือเนี่ย!

ทั้งสามคนจึงยิ่งเคารพนับถือในตัวเย่เฉินเพิ่มขึ้น!

เย่เฉินได้ยินเสียงกุกกักจากด้านนอกก็มองลอดออกไป ทำให้พวกโจวหรงหรงตกใจจนเผ่นแน่บไปเหมือนนกแตกรัง

จากนั้นเย่เฉินก็เดินไปหยุดตรงหน้าฉินหงเหยียน เขาไม่ประคองหล่อนแต่กลับยืนมองหล่อน

เย่เฉินกล่าวพลางยิ้ม “คุณฉินทำไมพอเจอหน้ากันก็คุกเข่าให้ผมล่ะ? คุณแสดงความเคารพขนาดนี้ ผมรับไม่ไหวหรอกนะครับ”

คุณฉินคัดค้านในใจ “รับไม่ได้ก็ไม่รีบประคองฉันลุกขึ้นล่ะ ปล่อยให้ฉันขายหน้าแบบนี้ แถมยังอยู่ในสภาพแบบนี้ออกจะ…”

แต่ทุกคนต่างก็เป็นคนบรรลุนิติภาวะมาเห็นท่าทางของเย่เฉินและฉินหงเหยียนก็อาจจะคิดเลอะเทอะไปกันใหญ่

แต่ฉินหงเหยียนรู้ตัวดีว่าตนเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง

“คนตระกูลหวังนี่สารเลวจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาฉันคงจะไม่ล่วงเกินหัวหน้าฉันหรอกค่ะ!”

พอนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ฉินหงเหยียนก็อยากตายขึ้นมา

ฉินหงเหยียนกล่าวอย่างสำนึกผิด “ขอโทษด้วยค่ะคุณเย่ ฉันผิดไปแล้ว! ขอให้คุณให้อภัยในคำพูดที่ฉันพูดเมื่อวานด้วย!”

เย่เฉินนั่งยองๆ แล้วกล่าวขณะมองหน้าฉินหงเหยียน “เมื่อวานเหรอ? อ้อ ผมคิดออกแล้ว เมื่อวานเหมือนคุณพูดว่าเราเป็นคนรักกัน?”

เย่เฉินดึงตัวฉินหงเหยียนเข้าสู่อ้อมอก!

ผู้หญิงที่คนร่ำรวยในแวดวงธุรกิจของอวิ๋นโจวหลงรักมานานถูกเย่เฉินรวบเข้าอ้อมอกอย่างง่ายดาย!

หากเป็นคนอื่นกล้าทำแบบนี้ ฉินหงเหยียนคงตบหน้าอีกฝ่ายไปแล้ว

แต่หล่อนกลับไม่กล้าทำแบบนั้นกับเย่เฉิน

เพราะเมื่อวานหล่อนพูดกับปากเองว่าเย่เฉินเป็นแฟนของหล่อน

ในทันใดนั้นเองเย่เฉินก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมที่ลอยเข้ามา มิน่าผู้ชายจำนวนมากมายขนาดนี้ถึงได้หลงใหลหัวปักหัวปำ เพียงแค่อ้อมกอดเดียวก็ทำให้เย่เฉินมีความสุข

เย่เฉินเหน็บแนมต่อ “ได้ยินมาว่าผมเหมาเกาะเพื่อขอร้องให้คุณเป็นแฟนผมเหรอ? เกาะไหนนะ?”

ฉินหงเหยียนกระดากน้อยๆ หากว่าทำได้หล่อนอยากจะมุดลงรูไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ขอโทษด้วยค่ะ ดิฉันผิดไปแล้ว” ฉินหงเหยียนขอโทษอีกครั้ง

เย่เฉินไม่อยากจะแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปกับรองผู้บริหารของตนเองในที่ทำงาน ดังนั้นถึงได้คลายอ้อมกอดลงแล้วกล่าว

“ช่างเถอะ ลุกยืนขึ้นมาคุยกันดีๆ เถอะ ถ้าพนักงานคนอื่นมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี”

“ค่ะ”

ฉินหงเหยียนเองก็รีบร้อนลุกขึ้นแล้วรีบไปปิดประตูห้องทำงานให้สนิททันที แล้วหยิบเอารีโมทคอนโทรลปรับให้หน้าต่างของห้องทำงานเป็นโหมดส่วนตัวเพื่อไม่ให้พนักงานด้านนอกมองเห็นด้านใน

และในเวลานี้เองเย่เฉินก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้แล้วถามอย่างวางท่า

“คุณฉิน เมื่อวานคุณบอกว่าจะตัดทางทำมาหากินของผมในอวิ๋นโจว ตอนนี้ผมเป็นประธานผู้บริหารบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เป็นหัวหน้าของคุณ ผมอยากจะถามว่าตอนนี้คุณจะต่อต้านผมยังไง?!”

เย่เฉินรอคอยวินาทีนี้ตั้งแต่งานเลี้ยงเมื่อวาน!

คิดจะตัดทางทำมาหากินผม?

คุณมีความสามารถตรงนี้หรือเปล่าหรอก!

ฉินหงเหยียนก้มหน้าลง “คุณเย่ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนใหญ่คนโตแบบคุณจะยอมแต่งเข้าตระกูลหวัง ฉันรู้ว่าความผิดของฉันไม่สามารถแก้ไขได้ คุณจะลงโทษฉันอย่างไร ฉันยอมทั้งนั้น ถ้าคุณอยากจะตบฉัน ฉันจะเดินไปให้คุณตบเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณอยากด่าฉัน ฉันจะรับฟังโดยดุษฎี หากว่าคุณจะไล่ฉันออก ฉันก็จะไปเก็บของไปจากที่นี่ แล้วตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าให้เสียอารมณ์”

เย่เฉินพยักหน้าแล้วพบว่าผู้หญิงอย่างฉินหงเหยียนไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เกิดเรื่องก็ยังไม่ลนลาน อีกทั้งยังยอมรับผิด ไม่แก้ตัว และไม่โยนความผิดให้ใคร

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่ได้มีแผนจะไล่คุณออก”

ฉินหงเหยียนแหงนหน้ามองอย่างตื่นตระหนก เมื่อวานตนเองล่วงเกินเย่เฉินขนาดนั้น คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะไม่ไล่หล่อนออก?

เย่เฉินกล่าว “เมื่อวานคุณเป็นคนเดียวที่ให้ทางรอดกับผม หากว่าผมเป็นแค่เขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งเช่นนั้นแล้วคุณก็คือผู้มีบุญคุณของผม”

พอมาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว เมื่อวานฉินหงเหยียนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดกับเย่เฉินมากนัก

แขกคนอื่นตั้งตัวเป็นศัตรูกับเย่เฉินโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่ในทางกลับกันฉินหงเหยียนกลับเสี่ยงจะล่วงเกินคุณนายหวัง โดยขอร้องแทนเขาแถมยังตั้งใจเสนอให้เขาเป็นบอดี้การ์ดของหล่อนเอง

หลังจากโดนเย่เฉินปฏิเสธ ฉินหงเหยียนถือทิฐิถึงได้ตัดสินใจจะตัดทางทำมาหากินของเขา

ฉินหงเหยียนตื้นตันอย่างยิ่ง น้ำตาคลอในดวงตา “ขอบคุณคุณเย่มากนะคะ! ต่อไปฉันจะทุ่มเทตั้งใจทำงานให้คุณอย่างเต็มที่เลยค่ะ!”

ฉินหงเหยียนคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เฉินอายุก็ยังน้อยแต่กลับใจกว้างและมีเหตุผลแบบนี้

เย่เฉินกล่าว “ผมให้อภัยคุณได้ แต่คนที่จะตัดทางทำมาหากินของผมในงานเลี้ยงเมื่อวาน ผมจะไม่ให้อภัยใครสักคน! คุณฉิน…”

“เรียกฉันหงเหยียนก็พอค่ะ” ฉินหงเหยียนปาดน้ำตาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

เย่เฉิน “หงเหยียน คุณไปรวบรวมข้อมูลของทุกคนที่บอกว่าจะตัดทางทำมาหากินของผมแล้วส่งให้ผม”

“ค่ะ!” ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินอยากจะเอาคืนพวกเขา!

ต่อไปแวดวงธุรกิจของอวิ๋นโจวคงปั่นป่วนน่าดู!