เจ้าพ่อวงการโรงแรมเอย แนวหน้าของวงการอาหารเอย ผู้บริหารบริษัทเดลิเวอรี่เอย

เย่เฉินจะทำการถอนรากถอนโคนพวกเขาซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่มีอิทธิพลมานานหลายปีในอวิ๋นโจวในครั้งเดียว!

ส่วนเป้าหมายแรกที่เย่เฉินจะจัดการ เขานึกถึงฟางเชาเป็นคนแรก!

พอนึกถึงคนผู้นี้ในหัวของเย่เฉินก็ย้อนนึกถึงคำพูดของอดีตภรรยา

“คุณดูฟางเชาสิ เขามีทรัพย์สินหมื่นล้าน ขยะอย่างนายสู้เขาได้เหรอ?”

เย่เฉินแค่นเสียงเบาๆ แล้วกล่าวกับฉินหงเหยียน “ได้ยินมาว่าตระกูลฟางเป็นตระกูลแนวหน้าในอวิ๋นโจวมีทรัพย์สินเกือบหมื่นล้านเหรอ?”

ฉินหงเหยียนกล่าว “ถือว่าอยู่ในแนวหน้าค่ะ สองปีก่อนอาจจะมีถึงหมื่นล้าน แต่ตอนนี้เงินกำลังขาดมือ ทรัพย์สินคงน่าจะมีเกือบสามร้อยล้านเท่านั้น ไม่ได้เยอะไปกว่าตระกูลหวังเท่าไหร่”

พอย้อนคิดถึงเมื่อวานที่เย่เฉินกล่าวหาว่าฟางเชาและหวังเจียเหยาเป็นชู้กัน ฉินหงเหยียนก็กล่าว

“หวังเจียเหยานี่มีตาหามีแววไม่! คิดไม่ถึงว่าจะเลือกขยะอย่างฟางเชาแล้วไม่เลือกคุณเย่! ทันทีที่รู้สถานะที่แท้จริงของคุณ เกรงว่าเธอคงจะเสียใจทีหลังจนเป็นบ้าแน่”

พอนึกถึงหวังเจียเหยาเย่เฉินก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย อย่างไรเสียเขาก็เคยรักเจ้าหล่อนมาถึงสามปี!

ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “ช่วงนี้ตระกูลหวังมีโปรเจกต์มูลค่าเจ็ดสิบล้านหยวน อยากให้บริษัทเราร่วมลงทุนเลยให้นั่นนี่ฉันมาไม่น้อย ฉันจะคืนสิ่งของที่ฉันได้มาจากเขาให้หมดแล้วจะบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้เลยว่าอย่าได้หวังว่าจะร่วมมือกับบริษัทเราอีก!”

เดิมทีฉินหงเหยียนตั้งใจจะช่วยทำให้การลงทุนครั้งนี้สำเร็จ แต่พอได้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฉินกับตระกูลหวัง เย่เฉินคือเขยที่ตระกูลหวังทอดทิ้งและให้หลานสาวหย่ากับเขา แล้วจะให้ร่วมมือกับพวกเขาได้ยังไง?

แต่ใครจะรู้เย่เฉินกลับกล่าวว่า “เมื่อวานคุณเล่าเรื่องโกหกเกี่ยวกับผมมากมาย แต่มีคำพูดหนึ่งที่พูดได้ถูกต้อง งานคืองาน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว ผมไม่อยากจะต้องเอาเรื่องพวกเขาให้ได้ในด้านธุรกิจเพียงเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคนตระกูลหวัง – -ไหนลองเอาแผนธุรกิจของโปรเจกต์นี้มาให้ผมดูหน่อย”

ฉินหงเหยียนประหลาดใจทีเดียว เย่เฉินเป็นคนที่มีภาวะความเป็นผู้นำจริงๆ

“ค่ะ ดิฉันจะไปเอามาให้คุณเดี๋ยวนี้” ฉินหงเหยียนหมุนตัวเตรียมไปเอาเอกสาร

“ช่างเถอะ ผมไปกับคุณดีกว่า จะได้ไปดูด้วยว่าที่ห้องทำงานของคุณฉินคนสวยของเราหอมกรุ่นเหมือนตัวคุณหรือเปล่า”

เย่เฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปกับฉินหงเหยียน

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ฟางเชายังคงรออยู่ที่ห้องโถง เขาร้อนรนไม่ยอมไปไหน

เขาอยากขึ้นไปดูเหตุการณ์ด้านบนแต่เพราะไม่มีบัตรจึงขึ้นไปไม่ได้

“นี่มันคุณฟางไม่ใช่เหรอ?”

ทันใดนั้นเองก็มีพนักงานในบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเดินมาหาฟางเชา

ฟางเชาปรายตามองอีกฝ่ายแต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเป็นใคร

หญิงสาวกล่าวพลางหัวเราะ “คุณฟางลืมฉันไปแล้วเหรอคะ? แหม เสียใจจัง วันนั้นที่ร้านเหล้า LINX คุณยังเลี้ยงเหล้าฉันแล้วพวกเราสองคนก็…แหม คุณรังแกฉันทั้งคืนเลยนะคะ”

ฟางเชาเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็คือคู่นอนในอดีตของเขา

เห็นใบหน้าท่าทางธรรมดาของหญิงสาว การแต่งหน้าแต่งตาที่แสนจะธรรมดาด้อยกว่าหวังเจียเหยาเป็นร้อยเท่าได้ ฟางเชาลอบด่าตนเองในใจ

“แม่งเอ้ย วันนั้นดูแล้วคงจะดื่มเยอะไป ของเยินขนาดนี้ยังเอาได้”

แต่บนใบหน้าฟางเชายังคงเปื้อนรอยยิ้มน้อยๆ “อ้อๆ จำได้ๆ คุณทำงานที่หัวเซิ่งเหรอครับ?”

หญิงสาวพยักหน้า

ฟางเชาจูงมือหญิงสาว “รีบพาผมขึ้นไปด้านบนเร็ว คุณฉินของพวกคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย!”

หนึ่งนาทีต่อมา

ฟางเชามาถึงชั้นอันเป็นที่ทำงานของเย่เฉิน

แต่เขาเพิ่งจะโผล่ออกจากลิฟต์ก็ได้ยินเสียงซุบซิบของพนักงานหญิงในบริษัท

“นี่ ฉันจะบอกให้ คุกเข่าทันทีที่เจอผู้บริหารเลย! เธอเชื่อไหมล่ะ? แค่เห็นหน้าวินาทีแรกก็คุกเข่าแล้ว! ”

ฟางเชาฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็ไม่อยากจะสนใจเรื่องจุกจิกภายในบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจึงรีบสาวเท้าแล้วเดินไปถาม

“ขอโทษนะครับ ตอนนี้คุณฉินของพวกคุณอยู่ที่ไหน?”

คนที่ถูกถามคือโจวหรงหรงซึ่งเป็นเลขาส่วนตัวของฉินหงเหยียน “คุณฉินอยู่ในที่ทำงาน คุณผู้ชายคุณมีนัดล่วงหน้าหรือเปล่า?”

ฟางเชาไม่สนใจเลขาคนนี้ เขาพุ่งตัวไปที่ห้องทำงานรองผู้บริหารของฉินหงเหยียนทันที

เพิ่งผลักประตูเข้าไปก็พบว่าเย่เฉินเองก็อยู่ในห้องทำงานของฉินหงเหยียน!

พอดีกับที่ฉินหงเหยียนเจอรายงานแผนธุรกิจพอดี แล้วกำลังจะส่งเอกสารให้เย่เฉิน

แต่ภาพนี้ในสายตาฟางเชากลับกลายเป็นว่าผู้บริหารกำลังแจกงานให้ผู้ช่วยอย่างไรอย่างไรอย่างนั้น

“ฟางเชาใครปล่อยให้คุณเข้ามา?”

ในเมื่อฟางเชาเป็นศัตรูของเย่เฉิน ถ้าอย่างนั้นแล้วตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉินหงเหยียนก็จะไม่เอาตัวไปใกล้ชิดเขาและคนตระกูลหวังอีก!

ฟางเชาไม่ตอบแต่กลับตะคอกใส่เย่เฉิน “ดีนี่ เย่เฉิน นายนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ ขี้ขโมย! ที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่จริงด้วย! นี่คิดจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพื่อหาโอกาสทำร้ายคุณฉินล่ะสิ!”

เย่เฉินตอกกลับ “บ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย? ที่นี่เป็นสถานที่ที่คุณจะเข้าๆ ออกๆ ได้ตามใจชอบหรือไง? ไสหัวไปเลย!”

เย่เฉินเป็นถึงประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป เป็นเจ้าของที่นี่ ไหนเลยจะยอมปล่อยให้ฟางเชามายโสโอหังที่นี่ได้!

แต่พอฟางเชาเห็นเย่เฉินพูดจาโอหังแบบนี้ก็หัวร้อนมากขึ้น “แหมๆ คิดไม่ถึงว่าแกจะกล้าพูดกับฉันแบบนี้ ที่นี่เป็นห้องทำงานของพี่หงเหยียน คนที่ควรไสหัวออกไปคือแก ใช่ไหมครับ พี่หงเหยียน?”

เพี้ยะ!

ฉินหงเหยียนฟาดฝ่ามือประทับลงบนใบหน้าฟางเชา แล้วตะคอกเขา “ใครเป็นพี่หงเหยียนของนาย! เรียกฉันว่าคุณฉิน!”

ใบหน้าฟางเชาอับอาย เสียงหัวเราะของพวกโจวหรงหรงลอดเข้ามาจากด้านนอก

ฟางเชาค่อยๆ สัมผัสได้ว่าสถานการณ์มีบางอย่างผิดปกติ เหมือนว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าเย่เฉินอยู่ในห้องฉินหงเหยียน

แต่ทำไมพวกโจวหรงหรงถึงไม่ห้ามล่ะ?

ฟางเชาครุ่นคิดแล้วจู่ๆ ก็ชี้เย่เฉินแล้วกล่าว “ฉันรู้แล้ว! แกไม่ได้มาล้างแค้นคุณฉิน แต่มาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณฉินล่ะสิ!”