บทที่ 137 กลับไปให้อาหารปีศาจร้าย / บทที่ 138 สร้างเซอร์ไพรส์แต่ได้เซอร์ไพรส์กว่า

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 137 กลับไปให้อาหารปีศาจร้าย

 

 

เจียงเยียนหรานได้ยิน พลันคล้องแขนเยี่ยหวันหวั่นไว้ทันที “เธอไม่ไปด้วยกันเหรอ?”

 

 

เยี่ยหวันหวั่น “…”

 

 

ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่าเจียงเยียนหรานตอนนี้จะยิ่งทำตัวติดหนึบกับเธอแล้ว

 

 

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยอย่างจนใจ “ขอโทษด้วยนะจ๊ะ เย็นนี้ฉันมีนัดแล้ว”

 

 

จากการสังเกตในวันนี้ เธอคิดว่าฉู่เฟิงคนนี้ก็ไม่เลวเลย และยังมั่นใจได้ว่าเขาชอบเจียงเยียนหรานจริง ดังนั้นจึงดำเนินการจับคู่คนทั้งสองต่ออย่างไม่สนใจอะไร

 

 

“มีนัด? นัดกับแฟนเธอใช่ไหม?”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “อืม”

 

 

“แบบนี้เอง! งั้นก็ได้!” ได้ยินเธอพูดแบบนี้ เจียงเยียนหรานก็เกรงใจที่จะลากเธอไปด้วยกันอีก

 

 

ฉู่เฟิงที่อยู่ด้านข้างมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าซาบซึ้งพลางเอ่ยถาม “สวัสดี ต้องขอโทษจริงๆ นะ ยังไม่ทันได้ทักทายเลย เธอคือ…เพื่อนเยียนหราน?”

 

 

“สวัสดี เยี่ยหวันหวั่น” เยี่ยหวันหวั่นแนะนำตัวเองสั้นๆ

 

 

เจียงเยียนหรานแนะนำตามต่อ “หวันหวั่นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”

 

 

ฉู่เฟิงมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง “ที่แท้เธอก็คือเยี่ยหวันหวั่น ได้ยินชื่อเสียงเธอมานานแล้ว!”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นยิ้มอ่อน “เฮอะ เป็นชื่อเสียงด้านลบทั้งนั้นล่ะสิ!”

 

 

ฉู่เฟิงกล่าวจริงจัง “ได้เจอเธอตัวจริงถึงได้รู้ว่าไม่เหมือนกับข่าวลือเลยสักนิด เห็นได้ว่าข่าวลือไม่น่าเชื่อถือ”

 

 

“นายเพิ่งจะเคยเจอฉันครั้งแรก พูดคุยกันไม่กี่คำเท่านั้นเอง? รู้ได้อย่างไรว่าฉันไม่ได้เป็นเหมือนข่าวลือ?” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา

 

 

“เป็นเพราะเธอคือเพื่อนของเยียนหรานไง!” ฉู่เฟิงแสดงออกอย่างเป็นเหตุเป็นผล

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพลันกระตุกคิ้ว “นึกว่านายจะทึ่มซื่อซะอีก ดูไม่ออกเลยว่าจะช่างเจรจาขนาดนี้!”

 

 

ฉู่เฟิงได้ยิน ใบหน้าหล่อเหลาพลันแดงก่ำ เจียงเยียนหรานก็มีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย

 

 

ได้เห็นหนุ่มสาวไร้เดียงสาทั้งสองคน เยี่ยหวันหวั่นเกิดความรู้สึกแปลกๆ เหมือนว่าตัวเองแก่แล้วจริงๆ

 

 

หลังจากร่ำลากับเจียงเยียนหรานและฉู่เฟิงแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็กลับไปที่หอพักก่อน

 

 

ลบเครื่องสำอางอาบน้ำเรียบร้อย ก็มาพลิกอ่านตำราเรียน

 

 

ช่วงเวลานี้เธอไม่เพียงอ่านเสริมบทเรียนของมัธยมปลายอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ยังอ่านตำราของชั้นมหาวิทยาลัยไปด้วย เนื่องจากเธอเสียเวลาซ้ำชั้นมัธยมปลายไปสองปี แน่นอนว่าเธอต้องชดเชยช่วงเวลาสองปีที่ขาดหายไปให้ได้ รอให้สอบผ่านได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนิเทศน์ศาสตร์ของเมืองหลวงเรียบร้อยก่อน เธอจะต้องข้ามเกรด เรียนให้จบโดยเร็วที่สุดให้ได้

 

 

พร้อมกันนี้เธอยังเกาะติดกับทุกเทรนด์ในวงการบันเทิง เพื่อจะได้คว้าทุกโอกาสสำคัญได้

 

 

หากว่าเธอจำไม่ผิด ถัดจากนี้อีกไม่นาน ซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าของวงการบันเทิงจะพบกับวิกฤตประชาสัมพันธ์ที่ร้ายแรง จนต้องดับไปจากวงการบันเทิง ต้นสังกัดของเขาก็จะขาดทุนย่อยยับ และเธอก็บังเอิญรู้วิธีการที่จะทำให้เขารอดพ้นจากวิกฤตการณ์ได้ ถึงเวลานั้นหากใช้ประโยชน์ให้ดีๆ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นและการเริ่มต้นที่ดีอย่างหนึ่งของเธอได้…

 

 

โศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ของเธอในชาติก่อน นอกจากเพราะซือเยี่ยหานแล้ว ว่ากันถึงแก่นแท้แล้วก็เป็นเพราะตัวเธอที่อ่อนแอเกินไป ไม่ใช่เพียงกำลังกายของเธอที่อ่อนแอ แต่รวมถึงกำลังใจด้วย

 

 

หลังจากอ่านหนังสือไปพักหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นกวาดตามองเวลาบนหน้าจอมือถือ รวบรวมเก็บตำราเรียน เตรียมตัวไปยังสวนจิ่นหยวน

 

 

แม้จะอ้างเหตุผลว่าไม่อยากเป็นก้างขวางคอเจียงเยียนหราน แต่มันเป็นการเตือนสติเธอ เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกว่าจำเป็นที่เธอต้องกลับไปดูสักหน่อย

 

 

อาศัยจังหวะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซือเยี่ยหานยังไปได้ดี ตีเหล็กเมื่อยังร้อน

 

 

ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตอบสนองที่เฉยเมย ได้ประสิทธิภาพต่ำเกินไป

 

 

เพราะอย่างไรสียอีกไม่นานเธอจะเรียนจบแล้ว ถึงเวลานั้นสิ่งที่เธอต้องทำยังมีอีกมาก ซึ่งหลายๆ อย่างก็เกินกว่าขอบเขตการอนุญาตของซือเยี่ยหาน หากยังจัดการซือเยี่ยหานทางนี้ไม่ได้ เธอจะก้าวเดินเพียงก้าวเดียวก็คงลำบาก

 

 

ออกจากประตูโรงเรียน เธอได้แวะร้านซาลาเปาร้านดังข้างโรงเรียน เธอซื้อซาลาเปาไส้เนื้อมาห้าชิ้น เตรียมเอากลับไปให้อาหารปีศาจร้ายบางตัว

 

 

………………………………..

 

 

 

 

 

 

บทที่ 138 สร้างเซอร์ไพรส์แต่ได้เซอร์ไพรส์กว่า

 

 

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง รถแท็กซี่ก็หยุดลงใกล้กับสวนจิ่นหยวน

 

 

เมื่อมาถึงแล้วเยี่ยหวันหวั่นได้พบเรื่องน่าเศร้า ซาลาเปาที่เดิมทีเธอเตรียมจะเอามาให้ซือเยี่ยหาน ได้ถูกเธอกินไปแล้วอย่างไม่รู้ตัวถึงสี่ลูก!

 

 

เมื่อมาถึงสวนจิ่นหยวนก็เหลือเพียงลูกเดียวแล้ว ทั้งยังเป็นลูกสุดท้ายที่เธออพยายามข่มใจต่อความยั่วยวนเหลือเอาไว้ได้

 

 

รีบเดิน ลูกสุดท้ายนี้ต้องรักษาไว้ให้ได้!

 

 

เพื่อจะทำเซอร์ไพรส์ เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้บอกใครว่าเธอกลับมาแล้ว และยังย่องเข้ามาทางประตูเล็กหลังสวนอีกด้วย

 

 

เกือบจะถึงอยู่แล้ว เยี่ยหวันหวั่นพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ หากว่าวันนี้ซือเยี่ยหานไม่อยู่ที่สวนจิ่นหยวนจะทำอย่างไร?

 

 

เยี่ยหวันหวั่นคิดไปพลาง เดินผ่านสวนเข้าไปพลาง เหมือนว่าในห้องรับแขกจะเปิดโคมไฟเล็กเอาไว้ แสงสว่างค่อนข้างสลัว แต่ในเมื่อไฟเปิดอยู่ ก็น่าจะมีคนอยู่

 

 

ดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องรับแขก ถัดมาเมื่อเธอเดินไปถึงยังข้างประตูกระจกขนาดใหญ่ตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เตรียมจะผลักประตูเดินเข้าไปด้านใน รูม่านตาพลันหดลงกระทันหัน ชะงักฝีเท้าลงทันที

 

 

เลือด…

 

 

ในอากาศ…มีกลิ่นคาวเลือด…

 

 

และก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ! เข้มข้นจนแทบอยากอาเจียน!

 

 

กลิ่นมันแทรกซึมออกมาจากด้านในห้องรับแขกทั้งนั้น

 

 

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

 

 

ประตูกระจกลากผ้าม่านปิดทึบ เวลานี้เธอไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าข้างในห้องรับรับแขกเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

“อ้าก”

 

 

ในขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังตึงเครียดสุดๆ ทันใดนั้นด้านในห้องรับแขกก็มีเสียงตะโกนที่เสียดแทงจิตใจดังออกมา

 

 

“อ้าก ฆ่าฉันเถอะ! ซือเยี่ยหาน! นายฆ่าฉันซะเถอะ!”

 

 

กลางดึกสงัด เสียงโหยหวนนั้นทำให้ขนพองสยองเกล้าได้เลย

 

 

เยี่ยหวันหวั่นยืนตัวชาอยู่ตรงนั้น นิ่งไม่ยอมขยับ

 

 

เธอมองผ่านรอยแยกของช่องประตูกระจกไปยังด้านในห้องรับแขกด้วยความระแวดระวัง จากมุมมองทางนี้ เห็นเพียงรอยคาบเลือดคดเคี้ยวหยดลงเต็มพื้น ซึมลึกเข้าไปในพรมสีขาวบริสุทธิ์…

 

 

มองตามรอยเลือดไปทางด้านหน้าต่อเรื่อยๆ เธอเห็นซือเยี่ยหานนั่งอยู่บนโซฟา สวมชุดสูทสีเข้มดูดีมีการตัดเย็บเรียบหรู หน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือแผ่ซ่านรังสีเย็นอนินทรีย์ แต่ข้างเท้าของเขามีเสือขาวทั้งตัวขาวราวหิมะตัวหนึ่งนอนอยู่

 

 

เสือขาวหรี่ตาอย่างเฉื่อยชา มองดูแล้วคล้ายกำลังพักผ่อนอยู่ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดรังสีสังหารของสัตว์ดุร้ายบนกายของมันไปได้ คล้ายกับว่ามันพร้อมจะขย้ำฉีกร่างเหยื่อได้ทุกเมื่อ

 

 

ทางด้านขวาของซือเยี่ยหานคือสวี่อี้ ด้านซ้ายคือหนุ่มชุดดำ

 

 

แต่ถัดจากซือเยี่ยหานไปไม่กี่ก้าว มีชายคนหนึ่งทั้งร่างอาบไปด้วยเลือด นอนเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น

 

 

เห็นเพียงร่างกายของผู้ชายคนนั้นไม่มีชิ้นดีเลยสักส่วน บริเวณหัวเข่ามีเลือดไหลไม่หยุด ด้านข้างมีเศษของแข็งติดเนื้อสองก้อน คล้ายกับว่าผู้ชายคนนั้นถูกควักกระดูกหัวเข่าสองชิ้นออกมา…

 

 

ท่ามกลางเสียงโอดครวญของชายหนุ่มเศร้ารันทดจนทำให้ชาไปทั้งหนังศีรษะ ใบหน้าของผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟากลับเรียบเฉยเหมือนไม่ใช่คน ริมฝีปากบางขยับเปล่งเสียงไร้อารมณ์ “ต่อไป”

 

 

ตามคำสั่งของซือเยี่ยหาน หนุ่มชุดดำคนนั้นเดินไปข้างหน้า ยกมือลงมีดอย่างไม่ลังเล…

 

 

เยี่ยหวันหวั่นตกใจปิดตา เธอมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ลำพังเพียงเสียงกรีดร้องลั่นของผู้ชายคนนั้นก็เดาได้แล้วว่าเขาได้รับความทรมานอย่างไร

 

 

“อึกๆๆ ซือเยี่ยหาน! นายมันไม่มีความเป็นมนุษย์! นายมันเดรัจฉาน! สัตว์ร้าย! ร่างกายของฉันหลั่งเลือดของตระกูลซือ ฉันเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนาย! นายยังทำกับฉันขนาดนี้! นายกล้าทำกับฉันถึงขนาดนี้ได้! อ้าก”

 

 

เยี่ยหวันหวั่นได้ยินหัวใจกระตุกวาบ อะไรนะ? ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายแท้ๆ ของซือเยี่ยหาน?

 

 

คนไหนกัน?

 

 

ดูจากอายุแล้วคงไม่ใช่พ่อของซือเซี่ยหรอกนะ…