บทที่ 43 กินปลา
ของที่ลูกของนางรู้และทำได้ เยอะกว่าตัวนางที่เป็นแม่เสียอีก
ตอนแรกนางยังเป็นห่วงว่าจางซิ่วเอ๋อออกจากตระกูลจางแล้วจะลำบาก แต่เมื่อดูตอนนี้ จางซิ่วเอ๋อทำถูกแล้วที่ออกจากบ้านตระกูลจาง!
“รีบกินเถอะเจ้าค่ะ ปลาเย็นแล้วจะไม่อร่อย!” จางซิ่วเอ๋อรบเร้า
ปลาสมัยโบราณมาจากธรรมชาติล้วนๆ ไม่มีกลิ่นสาบโคลนเหมือนปลาเพาะเลี้ยงของยุคปัจจุบัน แถมปลาที่จับมานี่ก็ไม่เคยกินอาหารเร่งโต เนื้อปลาจึงอร่อยเป็นพิเศษ
หลังกินอาหารเสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็ส่งแม่โจวกับจางซานหยากลับไป แถมยังให้แบกหญ้าอาหารหมูกลับไปด้วย เพราะถ้าไม่เอาของพวกนี้กลับไป แม่เฒ่าจางต้องหาเรื่องพวกนางแน่
กินเยอะขนาดนี้นอนเลยคงจะไม่ได้ แต่ยุคโบราณก็ไม่มีกิจกรรมบันเทิงอะไร
จางซิ่วเอ๋อจึงพาจางชุนเถาขึ้นเขาไปลงแหครอบ
หลังจากกลับมาแล้ว สองพี่น้องก็นอนลงบนเตียง
จางชุนเถาถามเสียงเบา “พี่ เงินที่พี่ได้จากการขายปลาวันนี้ใช้ไปหมดรึยัง?”
เมื่อตอนกลางวันจางชุนเถาพยายามอดทนไม่เอ่ยถาม นางไม่อยากยุ่งเรื่องนี้ อย่างไรเสียถ้าไม่มีพี่ใหญ่ก็ไม่มีทางหาเงินพวกนี้ได้ แต่ตอนนี้นางทนไม่ไหวแล้ว
ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นแค่เด็ก ซ่อนอะไรในใจไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อจึงเอ่ยเสียงแผ่ว “ครั้งนี้ข้าขายได้ 5 ตำลึงเงิน!”
“ทำไมเยอะขนาดนี้ล่ะ?” จางชุนเถาอึ้ง
จางซิ่วเอ๋อเอา 4 ตำลึงเงินที่เหลือที่ตัวเองซ่อนไว้ใต้หมอนออกมาให้จางชุนเถาดู
ตอนนี้จางชุนเถาไม่เชื่อไม่ได้แล้ว
“วันนี้ตอนขายปลาเจอคนใจดีเข้า นอกจากจะซื้อปลาแล้วยังให้เงินเพิ่มด้วย” จางซิ่วเอ๋อพูดกำกวม ไม่คิดจะเล่าสิ่งที่ตัวเองเจอให้จางชุนเถาฟัง
จางชุนเถารู้ไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้ แถมยังจะเพิ่มความกังวลด้วย
“ตำลึงนี่ ข้าคิดว่าจะคืนให้พี่สวี่ 2 ตำลึงเงิน” จางซิ่วเอ๋อบอกการตัดสินใจของตัวเอง
จางชุนเถาตาโต ไม่เข้าใจนิดหน่อย “ค่ายาจินชวงนั่นน่ะเหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า “ข้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณเขา”
“พี่ แต่พี่สวี่เขาอยากทำดีกับพี่แบบนี้ เขาย่อมอยากให้พี่เป็นเจ้าสาวเขาอยู่แล้ว!” จู่ ๆ จางชุนเถาก็พูดขึ้น
จางซิ่วเอ๋อมีสีหน้าจริงจังขึ้น “ชุนเถา! ต่อไปนี้ห้ามเจ้าพูดแบบนี้อีกนะ! ตอนนี้พี่อยู่ในฐานะอะไร? ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าไม่รู้ว่าจะนินทาข้าอย่างไรบ้าง!”
“แต่….โอ๊ย พี่ ทำไมพี่คิดแบบนี้ล่ะ? พี่สวี่เป็นคนดีขนาดนั้น ไม่สนเรื่องฐานะพี่อยู่แล้ว! อีกอย่างพี่ไม่ได้เป็นสามีภรรยากับเจ้าคนขี้โรคตระกูลเนี่ยจริงๆ สักหน่อย! ขอแค่พี่สวี่ไม่คิดมากก็ไม่เป็นไรหรอก!” จางชุนเถารู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อคิดมากเกินไป
“ชุนเถา เจ้าคิดอะไรง่ายเกินไป!” จางซิ่วเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ เป็นเพราะข้าใช่ไหมพี่ถึงไม่อยากแต่งงาน? ไม่เป็นไรหรอก ข้าโตแล้ว อยู่คนเดียวได้!” จางชุนเถารับประกันอย่างมั่นใจ
จางซิ่วเอ๋อจึงพูดอย่างตั้งใจ “พี่รู้ว่าเจ้าหวังดีกับพี่ แต่ต่อให้พี่สวี่ยอม ในบ้านพี่สวี่ก็ยังมีหลีฮวา มีป้าหลิน…..ป้าหลินจะยอมให้แม่ม่ายดวงกินสามีอย่างข้าเข้าบ้านได้อย่างไร?”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเสริมอีก “ที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้าไม่ได้ชอบพี่สวี่”
จางชุนเถาฟังจบก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ พูดขึ้นอย่างกลุ้มใจ “ป้าหลินกับหลีฮวาน่าเบื่อจริง ๆ นั่นแหละ”
“วันนี้ตอนข้าออกไปนั่งรถเกวียนรอบเดียวกับป้าหลิน ป้าหลินก็เตือนข้าว่าเลิกคิดจะเข้าบ้านสวี่ได้เลย” จางซิ่วเอ๋อลองเล่าดู
จริง ๆ เรื่องแบบนี้นางไม่อยากพูดให้จางชุนเถาฟังเลย แต่เพื่อป้องกันไม่ให้จางชุนเถาจับคู่นางกับสวี่อวิ๋นซานอีกจนเป็นเรื่องเป็นราว จางซิ่วเอ๋อจึงตั้งใจแน่วแน่ให้จางชุนเถาได้เห็นความเป็นจริง
ต่อให้สวี่อวิ๋นซานจะดีแค่ไหน ก็ไม่เกี่ยวกับนางจางซิ่วเอ๋อ!
จางชุนเถาลุกพรวดขึ้นนั่งจากเตียง สีหน้าเย็นยะเยือก “พี่ นางพูดอะไรไม่ดีใช่ไหม?”
จางชุนเถาพูดมาถึงตรงนี้ก็ถูมือถูหมัด ท่าทางเหมือนอยากไปแก้แค้นให้จางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อรีบดึงจางชุนเถาไว้และเอ่ย “นางก็โดนไปเหมือนกัน เจ้าก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้ข้าไม่ยอมโดนรังแกง่าย ๆ”
สีหน้าจางชุนเถาดีขึ้น นางแค่นเสียง “นางไม่อยากให้พี่แต่งเข้าบ้าน ใช่ว่าพวกเราจะพิศวาสตระกูลสวี่นักนี่! ถ้าอีกหน่อยต้องมีแม่สามีแบบนี้ เราอาจจะใช้ชีวิตลำบากกว่าท่านแม่เราอีก!”
พอเห็นจางชุนเถาเข้าใจแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็บอกยิ้ม ๆ “ใช่แล้ว อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ชอบสวี่อวิ๋นซาน เขาจะแต่งกับใครก็ให้เขาแต่งไป ข้าคืนตำลึงนี่ให้เขาก็ถือว่าไม่ติดค้างอะไรกันแล้ว”
จางชุนเถาเอ่ยเสียงแผ่ว “พี่ พวกเรายังติด…..”
พูดมาถึงตรงนี้ จางชุนเถาหน้าตาเลิกลั่ก
จางซิ่วเอ๋อมีสีหน้าตะลึง “ยังติดอะไร?”
“คือว่าเมื่อก่อน พี่สวี่มักจะแอบเอาของกินมาให้พวกเราสามพี่น้อง หลายครั้งหลายหน…..” จางชุนเถาเกิดความรู้สึกว่า เมื่อก่อนตัวเองไม่น่าตะกละเลย ถ้าไม่กินของของสวี่อวิ๋นซาน ตอนนี้คงแข็งกร้าวได้มากกว่านี้
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังก็เอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร เราคืนก้อนใหญ่ไปก่อน อีกหน่อยพี่หาเงินได้ค่อยให้เขาเพิ่ม ของพวกนั้นถือว่าเราซื้อ!”
จางชุนเถาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้ว เราไม่ชอบเขา ก็จะไม่รับของของเขาแม้แต่ชิ้นเดียว!”
จางซิ่วเอ๋อมีรอยยิ้มบนใบหน้า คิดไม่ถึงว่าจางชุนเถาอายุแค่นี้ก็มีศักดิ์ศรีขนาดนี้
สองพี่น้องคุยเข้าใจกันแล้วก็พากันหลับ
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองตื่นแต่เช้าไปเก็บแหครอบ
เนื่องจากฝนไม่ตก ปลาที่จับได้ครั้งนี้จึงไม่เยอะ แต่ก็ได้มา 10 กว่าตัว
ที่ขายได้ก็มากถึง 10 ตัว!
แต่จางซิ่วเอ๋อไม่คิดว่าจะเจอเรื่องดี ๆ อย่างซาลาเปาตกจากฟ้าอีก ปลาพวกนี้อย่างมากก็ขายได้แค่ 300 เหรียญทองแดงเท่านั้นแหละ
แต่ 300 เหรียญทองแดงก็นับว่าเป็นเงิน จะเก็บปลาพวกนี้ไว้กินก็ทำไม่ได้ อย่างไรเสียต้องขายอยู่ดี
ครั้งนี้นางเองก็ไม่ได้อยากนั่งเกวียนเข้าเมืองเท่าไหร่นัก
แต่เมื่อวานบาดเจ็บที่เอวมา จางซิ่วเอ๋อจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนักตอนเดิน
คราวนี้จางซิ่วเอ๋อไม่มีทางกลับไปขายปลาที่โรงเตี๊ยมนั่นอีกแน่ นางไปอีกโรงเตี๊ยมหนึ่งแทน อาจเพราะครั้งที่แล้วซวยเกินไป ครั้งนี้การขายปลาของจางซิ่วเอ๋อจึงราบรื่นมาก ไม่เจอเสี่ยวเอ้อที่ชอบดูถูกคน แถมเจอเถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่ค่อนข้างใจดี
เพียงแค่กดราคาหนักไปหน่อย จางซิ่วเอ๋อจึงขายได้แค่ 280 เหรียญทองแดงเท่านั้น
แต่นั่นก็ลดความยุ่งยากให้จางซิ่วเอ๋อไปเยอะ นางตกลงทันทีโดยไม่รีรอ
ขากลับจางซิ่วเอ๋อแวะไปร้านขายเนื้อ ซื้อไส้หมูกลับมานิดหน่อย นางเล็งของพวกนี้ไว้นานแล้ว เมื่อก่อนเสียดายไม่อยากใช้เกลือกับน้ำส้มปรุงของพวกนี้ แต่ตอนนี้นางอยากกินจริง ๆ
นอกจากไส้แล้วยังมีพวกหัวใจกับปอดหมู ซึ่งจางซิ่วเอ๋อใช้ไป 30 เหรียญทองแดง นางรู้สึกว่าตัวเองเจอของถูกสุด ๆ
แต่พ่อค้าซุนเห็นจางซิ่วเอ๋อซื้อแบบนี้ก็เอ่ยเตือน “ของพวกนี้ไม่ค่อยอร่อยหรอก ข้าเปลี่ยนเป็นเนื้อ 3 ชั่งให้เจ้าดีกว่า”
………………………………………………