บทที่ 44 ขวางทาง
พ่อค้าซุนไม่อยากหลอกเด็กสาวที่มาซื้อเนื้อบ่อยอย่างจางซิ่วเอ๋อ จึงพูดไปตามตรง
แต่จางซิ่วเอ๋อตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะซื้อพวกเครื่องในหมู
นางมองพ่อค้าซุนและเอ่ย “ท่านลุงซุน ข้าเอานี่แหละ พรุ่งนี้ท่านช่วยเก็บเลือดหมูจากการเชือดหมูไว้ให้ข้าได้ไหมเจ้าคะ?”
พ่อค้าซุนกำลังรู้สึกไม่ดี พอได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดแบบนี้จะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร จึงรีบเอ่ยขึ้น “ได้สิ”
รอยยิ้มผุดบนใบหน้าของจางซิ่วเอ๋อ นางเก็บของและเดินไปยังทิศทางหมู่บ้านชิงสือ
ด้วยความที่ไม่ได้เอาของมีค่าอะไรมาด้วย ขากลับจางซิ่วเอ๋อจึงไม่กลัว จากนั้นนางก็ไปเจอเกวียนลากของเฒ่าหลี่พอดี ซึ่งบนเกวียนก็ไม่มีคนน่ารังเกียจแบบแม่หลินด้วย เนื่องจากเมื่อวานมีคนไปตลาดค่อนข้างมาก ทำให้วันนี้บนเกวียนไม่ค่อยมีคน จางซิ่วเอ๋อจึงเลือกนั่งเกวียน
เฒ่าหลี่ยังยืนยันว่าไม่คิดเงิน แต่จางซิ่วเอ๋อจะเอาเปรียบเฒ่าหลี่ไปตลอดได้อย่างไร? นางจึงให้ชายชราไป 2 เหรียญทองแดง
เกวียนของเฒ่าหลี่จอดใต้ต้นหวายฉู่เหมือนปกติ
วันนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ซื้ออะไรเลยนอกจากเครื่องในหมู จึงไม่ต้องคอยหลบคนอื่น นางลงจากเกวียนอย่างสง่าผ่าเผย
นางกวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นแม่เฒ่าจางจึงอารมณ์ดีขึ้น
ไม่กลัวนาง ไม่ได้แปลว่าไม่เกลียดนาง
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกดีใจนักที่ตนเองยังหลีกเลี่ยงการเจอแม่เฒ่าจางได้
แต่ไม่นานนักหลังจากเห็นคนที่เดินเข้ามาหา นางก็เข้าใจในทันทีว่าตัวเองมองโลกในแง่ดีเกินไป
แม่เฒ่าจาง จางอวี่หมิน แล้วก็แม่เถาได้เดินเรียงหน้ากระดานเข้ามา และขวางทางเอาไว้
ที่แท้แม่เฒ่าจางก็ส่งสือโถวไว้คอยเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ พอเห็นจางซิ่วเอ๋อเขาก็รีบแจ้นกลับไปแจ้งข่าว
เมื่อครู่นี้สือโถวปะปนอยู่ในกลุ่มเด็ก ๆ จางซิ่วเอ๋อจึงไม่ทันสังเกต และยิ่งคิดไม่ถึงว่าเด็กคนหนึ่งจะถูกหลอกใช้ได้
“ต๊าย ซิ่วเอ๋อ เจ้าไปที่ตัวเมืองมาอีกแล้วเหรอ ทำไมช่วงนี้เจ้าเข้าเมืองบ่อยจังเลยล่ะ” จางอวี่หมินจ้องจางซิ่วเอ๋อพลางเอ่ยขึ้น
วันนี้จางซิ่วเอ๋อใส่ชุดใหม่ของตัวเอง เพราะถ้าแต่งตัวแย่เกินไปขณะออกไปข้างนอก จะทำให้คนอื่นไม่อยากค้าขายด้วย มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ที่วันนี้จางซิ่วเอ๋อขายปลาได้ราบรื่นเพียงนี้ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่นางเปลี่ยนชุด
มีโรงเตี๊ยมไหนบ้างต้อนรับผู้คนที่แต่งตัวซอมซ่อเข้าร้านตัวเอง?
ตอนนี้สายตาจางอวี่หมินได้มากวาดวนอยู่บนเสื้อผ้าของจางซิ่วเอ๋อ
จางซิ่วเอ๋อถึงเพิ่งรู้ตัวว่าต่อให้วันนี้นางจะคิดว่าไม่เป็นที่สนใจของใครเพียงเพราะมีเครื่องในหมูอยู่ในตะกร้า แต่นางกลับลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้ตนเองสวมเสื้อผ้าดี ๆ ออกจากบ้าน
อืม ถึงจะพูดว่าเป็นเสื้อผ้าดี ๆ แต่ที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นที่สะดุดตาอะไร มีใครในหมู่บ้านไม่เคยใส่เสื้อผ้าใหม่ที่ทำจากผ้าหยาบบ้าง?
ดังนั้นขณะที่จางซิ่วเอ๋ออยู่บนเกวียน ก็ไม่มีผู้ใดสังเกตได้
แต่จางอวี่หมินกลับมองเห็นเสื้อผ้าของจางซิ่วเอ๋อในปราดเดียว
ก็แค่ตัวขาดทุนคนหนึ่งจะมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ได้อย่างไร? อีกอย่างเจ้าตัวขาดทุนนี่เอาเงินมาจากไหน? ถึงซื้อเสื้อใหม่ได้!
ตอนนี้เองจางซิ่วเอ๋อก็นึกเสียใจทีหลังอย่างสุดซึ้ง อุตส่าห์รอบคอบเป็นอย่างดี กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีคนเล็งเสื้อผ้าชุดนี้
แต่ไม่นานนักจางซิ่วเอ๋อก็คิดตก
นางจะใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ แบบนี้ไปตลอดไม่ได้ อีกหน่อยนางอาจจะมีเงินยิ่งกว่านี้ หรือว่าเวลาจะซื้ออะไรกินอะไรใช้ต้องหลบซ่อนจากตระกูลจางไปตลอดเลยงั้นหรือ? จะเดินยืดอกอย่างสง่าผ่าเผยหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?
พอคิดได้แบบนี้สีหน้าจางซิ่วเอ๋อก็เย็นชาขึ้น นางยืดอกมองจางอวี่หมิน ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าจะเข้าเมืองหรือไม่ ไม่น่าจะเกี่ยวกับเจ้านะ?”
“จางซิ่วเอ๋อ! เจ้ากล้าพูดจาแบบนี้กับอาเล็กเจ้าเหรอ?” แม่เฒ่าจางมีสีหน้ามืดครึ้ม ตวาดด่าในทันที
จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางอย่างไม่แยแส “ข้าพูดเรื่องจริง หรือว่าหญิงสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วอย่างข้าจะเข้าเมืองทีต้องรายงานอาเล็กของตัวเองด้วยอย่างนั้นหรือ?”
นางรู้สึกว่าแม่เฒ่าจางกับจางอวี่หมินนี่ช่างน่าขันจริง ๆ หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก
จางอวี่หมินมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสายตาเย็นชา “ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า กลัวว่าเจ้าจะไปในทิศทางที่ไม่ดี จะทำให้ตระกูลจางอับอายขายหน้าเอาต่างหาก”
จางซิ่วเอ๋อสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “เรื่องนี้ไม่ต้องให้เจ้าคอยเป็นห่วง! ข้าแต่งงานออกเรือนไปแล้ว เป็นคนตระกูลเนี่ย ตระกูลจางอับอายขายหน้าไม่ได้หรอก”
จางอวี่หมินเห็นจางซิ่วเอ๋อบังอาจเถียงตัวเองก็ฉุนขึ้นมา นังนี่ เมื่อก่อนเห็นนางแต่ละทีก็มีท่าทางอย่างกับหนูเห็นแมว! ตอนนี้กล้าขึ้นเยอะนี่!
อย่าคิดว่าออกจากตระกูลจางไปแล้วจะปีกกล้าขาแข็ง คิดว่านางทำอะไรไม่ได้นะ!
“เจ้านี่เห็นขนนกเป็นลูกธนูจริง ๆ เลยนะ แต่งงานออกเรือนเหรอ? เหอะ! เจ้าก็แต่งงานออกเรือนไม่ใช่หรืออย่างไร? ยังไม่ทันอยู่บ้านนั้นข้ามคืนเลยก็กลายเป็นแม่ม่ายน้อยเสียแล้ว! ยังมีหน้าเอามาพูดอีก! ถ้าไม่ใช่เพราะดวงเจ้ากินสามี คุณชายเนี่ยอาจจะไม่ตายไวขนาดนี้ก็ได้!” จางอวี่หมินแค่นเสียง
จางซิ่วเอ๋อมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าตอนนี้มีคนชะโงกหน้ามาดูแล้ว จากนั้นนางก็ยิ้มหวาน “อาเล็ก ข้าเตือนด้วยความหวังดี นี่ข้างนอกบ้านนะ ไม่ใช่ในบ้านตระกูลจาง เจ้าเป็นบ้าแบบนี้ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าจะไม่ค่อยจะดีกับชื่อเสียงเจ้าเท่าไหร่ อีกหน่อยคงยากจะหาคู่แต่งงาน……”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็ชะงัก “ข้าน่ะเป็นแม่ม่ายไปแล้ว แต่ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะมีคนแต่งไม่ออก แม้แต่แม่ม่ายก็ไม่ได้เป็น!”
ถ้าบอกว่าการเป็นแม่ม่ายมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ฉะนั้นหญิงแก่ที่ไม่ได้แต่งงานก็ไม่ใช่ชื่อเสียงที่น่าฟังเท่าใดหรอก!
บางครั้งเกรงว่าจะแย่ยิ่งกว่าแม่ม่ายเสียอีก!
สีหน้าจางอวี่หมินบิดเบี้ยวขึ้นมา “ถ้าเจ้ากล้าพูดเหลวไหลอีก! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายเลย!”
จางซิ่วเอ๋อชำเลืองจางอวี่หมิน “แน่จริงเจ้าก็มาฆ่าข้าสิ!”
จางอวี่หมินโดนยุแยงดังนั้นก็เข้ามากระชากจางซิ่วเอ๋อโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น
ในตอนนี้เองจางซิ่วเอ๋อก็ร้องออกมาทันที “อาเล็ก ท่านอย่าตีข้า! ข้าผิดไปแล้ว ท่านอย่าตีข้าเลย!”
จางอวี่หมินผงะ ไม่รู้ว่าทำไมจางซิ่วเอ๋อที่เมื่อครู่นี้ยังกวนประสาทตัวเองอยู่จู่ ๆ ก็มีท่าทางเปลี่ยนไป
ในตอนนั้นเองก็มีคนแบกจอบสองคนเดินผ่านพวกนาง พลางมองจางอวี่หมินอย่างมีความหมาย
จางอวี่หมินถึงบางอ้อในทันที นางเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าหลอกลวงข้า!”
“หากเจ้าไม่กลัวขายหน้า ก็มาตบข้าแรง ๆ เลย!” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงแผ่ว
จางอวี่หมินโมโหจนสีหน้าเป็นสีเดียวกับตับหมู แค้นเสียจนอยากจะพุ่งเข้าไปบดขยี้จางซิ่วเอ๋อให้แหลกเป็นมันฝรั่งบด
แต่เมื่อนึกถึงชื่อเสียงตัวเอง สุดท้ายจางอวี่หมินจึงได้อดทนไว้ กระทืบเท้าและมองแม่เฒ่าจาง “ท่านแม่ จางซิ่วเอ๋อรังแกข้า!”
“เหลียนชุ่ย เจ้าเข้าไปจับตัวนังนี่ไว้ วันนี้ข้าจะต้องสั่งสอนนังคนที่ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ให้ได้!” แม่เฒ่าจางสั่ง
เหลียนชุ่ยก็คือชื่อของแม่เถา
แม่เถาอายุมากกว่าแม่โจวนิดหน่อย แต่ยังไม่ถึงสี่สิบ โหนกแก้มโปนเล็กน้อย หน้าตอบ ท่าทางฉลาดและก๋ากั๋น
………………………………………………