บทที่ 29

“ปล่อยพวกเราไปก่อน แล้วเราจะปล่อยน้องชายเจ้า” อู่เหมยยื่นคำขาดด้วยดวงตามุ่งมั่น

หยูฉางคือไพ่ตายใบเดียวของนาง และจะไม่ยอมปล่อยไปโดยเด็ดขาด

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะเจรจากันไม่สำเร็จสินะ” หยูเจียเบ้ปากลง

หญิงสาวพูดอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าฝ่าบาทไม่เชื่อเราละก็ เราขอเอาเกียรติของตระกูลอู่เป็นเดิมพันเลย ถ้าท่านปล่อยเรา พวกเราก็จะไม่คืนคำหรอก”

“หึ! ปล่อยเขามาก่อน แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป นี่ท่านแม่ทัพอู่ไม่เชื่อข้าเหรอ?”

ตอนนี้ทุกคนกำลังอยู่ในจุดสูงสุดของการโต้แย้ง ไม่มีใครในเวลานี้ถอยกลับได้อีกแล้ว หากพลาดกันแม้แต่เพียงก้าวเดียวย่อมหมายถึงความตาย อู่เหมยมองหยูเจียแล้วพูดอย่างสิ้นหวัง “เอาง่าย ๆ ยังไงพวกเราก็ไม่มีทางปล่อยเขาก่อนหรอก”

หยูเจียหัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้างั้นก็ดูเหมือนว่าเราจะต้องอยู่กันแบบนี้ต่อไปแล้วล่ะ”

หัวใจของอู่เหมยแทบจะระเบิดออกมา แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้

ถังหยินที่อยู่ด้านหลังกำหมัดแน่นและควบม้ามาข้าง ๆ หญิงสาว “ท่านแม่ทัพอู่คุยกับเขาด้วยเรื่องอะไรหรือ?”

ตอนนี้คือพวกเขาอยู่ต่อหน้าค่ายศัตรูที่อันตรายมาก ช้าไปเพียงวินาทีเดียวก็สามารถพลิกสถานการณ์ทั้งหมดได้เลย และตั้งแต่อู่เหมยโดนล้อมไว้ขนาดนี้ ถังหยินเองก็ตื่นตระหนกไม่ต่างกัน

เมื่อเผชิญหน้ากันด้วยความแตกต่างอย่างหยูเจีย หญิงสาวก็พยายามทำตัวให้สงบที่สุดถึงแม้ในใจกลับกระวนกระวายมากก็ตาม นางถามด้วยเสียงเบา ๆ “ถ้างั้น เราควรทำยังไงดี?”

ชายหนุ่มเองก็มองนางด้วยความสงสัย การมีเชลยในมือเช่นนี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบ เรื่องเช่นนี้ทำไมนางถึงไม่รู้กัน ?

เขาสูดหายใจแล้วพูด “ให้ข้าคุยกับเขาเอง!” จากนั้นก็หันไปพูดกับหยูเจีย “หยูเจีย ข้ามาเพื่อเจรจากับเจ้า ตอนนี้ข้าอยากจะให้พวกเราผ่านประตูตงไปก่อน แน่นอนว่าคงไม่มีใครจะทำข้อตกลงนี้ได้นอกจากเจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าต้องพึงระลึกไว้ด้วยว่าชีวิตของน้องชายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเจ้าเอง”

องค์ชายรองเมื่อได้ฟังก็โต้กลับไปว่า “แล้วเจ้าจะทำยังไงหากข้าไม่ปล่อยเจ้าไป?”

“ถ้างั้นข้าก็จะทำอะไรกับน้องชายของเจ้าคนนี้สักเล็กน้อย”

“ข้าจะบอกอะไรให้ หากเข้าทำอะไรน้องชายข้า ข้าจะจัดการเจ้าทันที…”

ก่อนที่จะพูดจบ ถังหยินก็หัวเราะอย่างดังเพื่อขัดจังหวะอีกฝ่าย และโดยไม่ทันแจ้งเตือน เขาก็ได้ตัดหูซ้ายของหยูฉางออกมาทันที

ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าราวกับว่าไม่เกิดอะไรขึ้น เขาโยนมันไปให้หยูเจียแล้วพูดอย่างไร้อารมณ์ “นี่แค่เริ่มต้นนะ ถ้าให้ข้าทำมากกว่านี้อาจจะไม่จบแค่หูที่ขาดก็เป็นได้”

“หา?”

ถังหยินทำให้อีกฝ่ายตะลึงจนไปไม่เป็น แม้แต่พี่น้องอู่เองก็ยังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกนางไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเป็นคนที่เหี้ยมโหดได้ถึงปานนี้

ชายหนุ่มเคยเป็นมือสังหาร ชาวแก๊ง และนักเลงมาก่อน เขารู้ว่าจิตใจของมนุษย์เป็นยังไง และเขารู้ด้วยว่าจะต้องทำยังไงกับตัวประกันเพื่อให้อีกฝ่ายหวาดกลัวไปถึงจิตใจ

แน่นอนว่าเมื่อเห็นหูของน้องชายตัวเองถูกตัดออก หัวใจของหยูเจียก็แทบจะแตกสลาย เขาแทบจะเป็นบ้าเมื่อเห็นเลือดที่พุ่งออกมาจนแทบจะร้อง เขาชักดาบออกมาทันที

ถ้าทั้งสองยังอยู่ในการพักรบกันอยู่ มันก็คงจะเป็นวินาทีสุดท้ายแล้ว อู่เหมยยิ้มออกมานิดหน่อยแล้วมองไปยังถังหยิน “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”

ชายหนุ่มเมินนางและมองไปยังอีกฝ่าย นิ้วของเขาเต็มไปด้วยเลือดแล้วชี้ไปยังดวงตาของหยูฉาง “หยูเจีย เจ้าอยากรู้ไหมว่าภายในลูกตาของน้องเจ้าเป็นยังไง ? ”

หูของเขาถูกตัดออก หยูฉางจึงเจ็บปวดจนแทบสลบ ตอนนี้เขาได้ยินว่ากำลังจะถูกควักลูกตาอีกก็ยิ่งหวาดกลัวเข้าไปใหญ่แล้วกรีดร้องไม่หยุด ไม่นานนักก็กลายเป็นแค่เสียงร้องไห้

ดาบเหล็กถูกวางลงทันที เมื่อมองไปยังงหยูฉางด้วยสายตาเย็นชาและไร้อารมณ์ ถังหยินเองก็หวาดกลัวจากใจจริงแต่เขาก็ต้องเก๊กท่าเอาไว้

เขากลืนน้ำลายและรีบบอก “อย่า อย่าทำเขาเลย…”

“แน่นอน! แต่ปล่อยพวกเราไปสักทีสิ!”

“ไม่มีปัญหา! ข้าปล่อยเจ้าไปได้แต่ก็ต้องปล่อยเขากลับมาก่อนโดยที่ไม่ทำร้ายอะไรเพิ่มเติม”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับ เขาหันมามองอู่เหมย คนที่ต้องตัดสินใจไม่ใช่เขาอยู่แล้ว แต่เป็นนางต่างหาก

หลังจากถูกจ้องอยู่นาน อู่เหมยก็ได้สติและพูดกับเขา “เรา… ตราบเท่าที่ฝ่าบาทให้พวกเราผ่านประตูตงไปได้อย่างปลอดภัย เราจะปล่อยตัวเขาแน่นอน”

หยูเจียดีใจลึก ๆ แต่แล้วเขาก็เริ่มลังเลและพยักหน้าให้ “เอาล่ะ ข้าเชื่อใจเจ้า” จากนั้นก็ตะโกน “ให้พวกเขาผ่านไปซะ!”

“ฝ่าบาท!”

แม่ทัพหนิงพยายามจะแย้ง แต่เขาก็จ้องมองมาทันที “เจ้ามีปัญหากับการตัดสินใจของข้า?”

ภายใต้สายตาอันกดดัน ทุกคนได้แต่ก้มหัวไม่มีใครกล้าเถียงองค์ชายหยูเจีย แม่ทัพแห่งกองทัพหนิงมีคำสั่งที่หนักแน่นดั่งภูเขา ทหารระดับล่างจึงไม่กล้าขัดแน่ ๆ พวกเขารีบหลีกทางให้ทันที

ถังหยินมองไปทางหญิงสาว “ไปกันเถอะ!”

“ไปกันได้แล้ว!” อู่เหมยกับอู่อิงมองหน้ากันแล้วเดินประกบคู่ไปกับถังหยินกลัวว่าจะมีใครมาทำร้ายพวกขาระหว่างทางเดิน ปกติแล้วพี่น้องอู่จะเป็นแม่ทัพ แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าถังหยินเป็นแม่ทัพหลักอยู่ยังไงยังงั้น

ค่ายกองทัพหนิง

จากด้านนอก ค่ายนี้ก็ไม่ได้เล็กมากนัก แต่หลังจากที่เข้ามาแล้วมันกลับใหญ่โตมาก ดั่งที่พูดไปว่ามันมีขนาดที่จุคนได้ถึงหลายแสนคน ถึงจะดูโล่งแต่พอมีคนทั้งหมดมารวมตัวกันมันก็เหมือนกับคลื่นมนุษย์ที่ไกลสุดสายตา มีธงมากมายโบกสะบัด กระโจมทหารมากมาย และมีฝูงทหารที่เยอะราวกับมด

เมื่อเข้ามาแล้วก็จะพบกับคอกม้ามากมาย แต่นี่ก็เหมือนกับแค่ปลายยอดน้ำแข็งเท่านั้น อู่เหมยระวังภัยรอบตัวเป็นอย่างดี นางกระซิบ “ถังหยิน เจ้ารู้ได้ยังไงว่าหยูเจียจะปล่อยเราไปก่อนที่เขาจะระเบิดความโกรธออกมา?”

“มันคือสายสัมพันธ์ มันคือธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าท่านแม่ทัพอู่ถูกจับกุมไปและพวกมันใช้ข้ออ้างเดียวกันกับข้า ถ้างั้นข้าก็เกรงว่าพวกท่านก็คงจะทำอะไรไม่ถูกจริงหรือไม่”

เขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีครอบครัว และไม่รู้ว่าสายสัมพันธ์คืออะไร มุมมองที่เขามีต่อสิ่งนั้นแทบจะไร้ความหมาย และไม่เคยคิดจะโหยหามันเลย

มุมมองของถังหยินทำให้อู่เหมยสงสัย แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับว่ามันเป็นความจริง ถ้าเกิดว่า อู่อิงถูกจับตัวไป นางก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม นางก็คงสงสัยอยู่ดีว่าทำไมถังหยินถึงได้เป็นคนเย็นชาแบบนี้

นางถามกลับ “แล้วครอบครัวของเจ้าล่ะ? พวกเขาอยู่ที่ไหน?”

ถังหยินมองนางอย่างประหลาดแล้วชี้ไปไกลๆ “ตรงนู้นน่ะ!”

หญิงสาวมองตามขึ้นไป “บนฟ้าเหรอ?”

เขาหวังว่าให้ครอบครัวของเขาตายไปแล้ว เพราะนี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขายอมรับได้มากกว่าการที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ การที่ต้องมากำพร้าเพราะถูกทอดทิ้งนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกันการที่พวกเขาได้ตายไปแล้วหรอก ตายไปจากใจของถังหยิน

มันยากที่จะเข้าใจคำพูด และความคิดของชายหนุ่ม อู่เหมยมองเขาด้วยความงุนงงและคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชายที่ช่างแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน

การผ่านค่ายหนิงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย ระหว่างทางจะต้องผ่านสายตาแห่งความเกลียดชังของทหารนับแสน ไม่มีใครรู้สึกสบายตัวกันหรอก

“เจ้าทำอะไรก่อนที่จะมาเป็นทหาร?” อู่เหมยถามอีกเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ไม่งั้นนางคงอึดอัดตายเป็นแน่

กลับกัน เมื่อได้ยินคำถาม ถังหยินก็ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังเมินทหารศัตรูอีกด้วย นางรู้สึกประหลาด และไม่รู้ว่าสภาวะแวดล้อมแบบใดกันที่หล่อหลอมให้ถังหยินโตมาเป็นแบบนี้

“มือสังหาร” ถังหยินพูดความจริง

“มือสังหาร?” อู่เหมยไม่เข้าใจ

“นักฆ่า ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเปลี่ยนคำให้

“ฮ่า!” อู่เหมยหัวเราะออกมา

“ทำไมล่ะ? ไม่เหมือนเหรอ?”

“ได้ยินแบบนี้มันก็ยิ่งเหมือนเลยล่ะ” นางพูดแล้วเอียงตัวไปกระซิบ “ถ้าเจ้าเป็นนักฆ่าละก็ เจ้าฆ่าคนไปเท่าไหร่แล้วล่ะ?”

“นับไม่ถ้วน”

ถึงจะเป็นแค่ไม่กี่คำแต่ก็ทำให้อู่เหมยตัวสั่นเทาแล้วจ้องถังหยินตาไม่กะพริบ โดนจ้องมองแบบนี้ทำให้ถังหยินรู้สึกไม่สบายเท่าไหร่ เขายิ้มออกมาแล้วถามกลับ “เจ้าสนใจข้าเหรอ?”

อู่เหมยถามกลับอีก “แล้วเจ้าสนใจในตัวเราไหม?”

ก่อนที่จะทันได้ตอบ อู่อิงก็พูดอย่างเย็นชา “พวกเจ้า นี่มันใช่เวลามาจีบกันงั้นหรือ ? ”

ถังหยินหัวเราะในลำคอ เขาไม่ตอบตามตรงแต่ก็พูดไป “เจ้าสวยมากเลยนะ”

มีคนมากมายชื่นชมนาง แต่คำชมของถังหยินมันทำให้นางดีใจแทบจะตัวลอยออกมา

นางรู้สึกได้เลยว่าการที่มีถังหยินอยู่กับนางมันทำให้นางผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตไปได้