ตอนที่ 39 ค้างคาวเหมันต์แห่งความมืด
เมื่อได้ยินแบบนั้น เหลิ่งจื่อมู่ก็ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เขามองไปที่จ้าวเมิ่งซีด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
“นี่เพิ่งจะตี 4 เอง ตอนนี้ยังเป็นเวลากลางคืนอยู่ เราต้องระวังตัวกันเอาไว้ด้วย” ครูประจำชั้นยกมีดพร้อมกับตะเกียงขึ้นมา ก่อนจะแกว่งไปรอบตัวเพื่อไล่แมลง
หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีได้แต่เดินตามครูไปติด ๆ
ตอนนั้นเองกลับมีเสียงดังขึ้นตรงหน้าพวกเขา เสียงนี้เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ มันราวกับเสียงกรีดร้องที่ทำให้ทุกคนเริ่มหนักใจขึ้นมา
“ท่าไม่ดีแล้ว สัตว์อสูรประเภทค้างคาว” ครูประจำชั้นหยุดเดินและยกมีดขึ้นมา ส่วนนักเรียนคนอื่น ๆ ก็พากันหยุดเดินและรวมกลุ่มกันเอาไว้
ไม่ถึงครึ่งนาทีทุกคนก็ได้เห็นสัตว์อสูรตัวสีดำขนาดใหญ่บินเข้ามา หวังเย่ารีบตรวจสอบสถานะของมันทันที
****
สายพันธุ์ : ค้างคาวเหมันต์แห่งความมืด
ระดับ : เงินขั้นกลาง
เลเวล : 21-30
ความสามารถ : คลื่นเสียงกระแทก, สูบเลือด, ส่งผ่านคลื่นความเย็น
จุดอ่อน : อ่อนแอกับแสง ไม่อาจจะมองแสงโดยตรงได้, กลัวไฟและความร้อน
****
เหลิ่งจื่อมู่ขมวดคิ้ว “พวกนายรู้สึกหนาวกันไหม ? ”
นักเรียนคนอื่น ๆ พากันกอดตัวเองเอาไว้แน่น “นี่มันคงไม่ใช่ค้างคาวเหมันต์แห่งความมืดหรอกนะ”
ครูประจำชั้นพูดขึ้น “ใช่ มันมากันเป็นฝูงด้วย เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม มันอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว เราคงหนีไปไหนไม่ได้ และได้แต่รอให้ครูคนอื่น ๆ พาทีมสนับสนุนมาที่นี่”
ทุกคนพากันกังวลขึ้นมา ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็พากันเรียกสัตว์อสูรของตัวเองออกมา
ฝูงค้างคาวเหมันต์แห่งความมืดนี้อยู่ห่างไม่มากนักและมีจำนวนมาก หัวหน้าฝูงนั้นเลเวล 30 และมีขนาดลำตัวเท่ากับวัว
หวังเย่าเรียกการ์ฟีลด์ออกมา จ้าวเมิ่งซีเองก็เรียกสัตว์อสูรไฟของเธอออกมาและยิงลูกไฟออกไป เพื่อทำให้พวกค้างคาวถอยกลับ
“พวกมันกลัวไฟ ทุกคนอยู่ใกล้กับจ้าวเมิ่งซีเอาไว้” ครูประจำชั้นสั่งการออกมา
หวังเย่าดึงเอาธนูออกมาและมองไปที่ค้างคาวเลเวล 23 ก่อนจะใช้สกิลของหงอคงกับตัวเอง
หงอคงนั้นเลเวลแค่ 10 แต่เนื่องจากพรสวรรค์ที่สูง ดังนั้นจึงมีพละกำลังมหาศาลซึ่งทำให้หวังเย่าใช้ธนูได้ง่ายขึ้นไปด้วย
ฟรืด !
ลูกธนูถูกยิงออกไป พร้อมกับพุ่งไปปักที่ปีกของค้างคาวตัวหนึ่งจนทำให้มันตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด
“คิดไม่ถึงเลยว่านายจะยิงธนูเป็นด้วย ” จ้าวเมิ่งซีหัวเราะออกมา “คนอย่างนายนี้ทำให้คนอื่นแปลกใจได้ตลอดจริง ๆ ”
หวังเย่าไม่ได้สนใจเธอมากนัก เขายังทำการยิงธนูต่อไป แม้ว่าจะไม่ได้ถูกจุดสำคัญของพวกค้างคาวแต่ก็สร้างความเสียหายได้บ้าง
เมื่อยิงธนูออกไปครบ 10 ดอก เขาก็ยกมีดขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา “ฉันเป็นแค่คนจน ฉันไม่ค่อยได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ฉันเพิ่งเรียนมันมาแค่ 3 วันเอง”
“3 วัน ใครจะไปเชื่อ ? ” เหลิ่งจื่อมู่อดไม่ได้ที่จะทำเสียงฮึดฮัดออกมา
“ใช่ 3 วัน นายยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องใช้ธนูยังไง การยิงธนูน่ะไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้แรงเยอะ แขนนายคงต้องปวดมากแน่ ๆ นอกซะจากว่านายจะมีฮีลเลอร์หรือยารักษา ไม่งั้นนายก็ไม่อาจจะฝึกต่อได้”
จ้าวซื่อพูดขึ้น “แต่แกน่ะเป็นแค่คนจน แกคงไม่มีปัญญาหาหมอมานวดให้แกได้ด้วยซ้ำ”
หวังเย่าขมวดคิ้ว ไอ้ไร้สมองนี่โดนสั่งสอนไปไม่กี่วันแต่ก็ยังไม่สำนึกอีกงั้นหรือ ?
เขาใส่ชุดระดับ B ที่มีราคาอย่างน้อย 2,000,000 เครดิต มีคลับไหนบ้างที่เขาไม่มีปัญญาเข้าไปเรียน ?
แน่นอนว่าก็พอมีคนเข้าข้างเขาอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ยินที่ทั้งสามคนพูดขึ้นมา ทุกคนก็ได้แต่เงียบไป
ตอนนั้นเองหัวหน้าฝูงค้างคาวกลับกรีดร้องออกมาจนทำให้ทุกคนขนลุก
เมื่อได้ยินแบบนั้นค้างคาวทุกตัวก็หยุดโจมตีพร้อมกับพ่นคลื่นอากาศเย็นออกมาจนทำให้อุณหภูมิลดลง มันถึงกับมีไอขึ้นและเริ่มมีการจับตัวเป็นน้ำแข็ง
พวกค้างคาวพากันยิงคลื่นความเย็นเข้าใส่พวกเขาทันที
เมื่อเป็นแบบนี้ สีหน้าของหวังเย่าก็เปลี่ยนไปทันที ค้างคาวพวกนี้ฉลาดเป็นกรด พวกมันต้องการแยกทุกคนออกจากกันแล้วค่อย ๆ จัดการทีละคน ๆอย่างนี้สินะ
“รีบถอยก่อน” ครูประจำชั้นตะโกนขึ้นมา
นักเรียนทุกคนพากันแยกตัวออกจากกัน ถ้าโดนคลื่นพวกนี้อัดเข้า งั้นพวกเขาก็คงกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งอย่างแน่นอน
จ้าวเมิ่งซีใช้สกิลของสัตว์อสูร เธอรีบพุ่งออกไปทันที หวังเย่าเองก็ใช้สกิลกระโดดสูงเพื่อกระโดดหนีออกมา
ผลก็คือทุกคนหนีออกมาจากคลื่นความเย็นได้ แต่ก็พากันแตกกลุ่มไปกันหมด
หวังเย่ายังไม่ทันได้ตกถึงพื้นก็พบกับค้างคาว 3 ตัวที่พุ่งเข้าใส่ มันกางกรงเล็บที่ราวกับจะตัดเหล็กได้โจมตีใส่เขา
หวังเย่าเหวี่ยงมีดพร้อมกับใช้ทักษะที่เรียนรู้มาอย่างลมหายใจมังกรเพื่อฟันใส่หัวค้างคาวตัวหนึ่ง แล้วตัดมันออกจากกันเป็น 2 ส่วน
เลือดของค้างคาวพร้อมกับหัวของมันที่โดนตัดจนขาดกระเด็นออกไป
“สมกับเป็นมีดระดับ B” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะชมออกมา
ตอนที่เขาพูดอยู่นั้นเขาก็ได้ฆ่าค้างคาวอีก 2 ตัวทิ้งไป
“ดูเหมือนว่าค้างคาวพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวแบบที่เห็น” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ แต่ก็พบเพื่อนร่วมชั้นที่พากันลนลานวิ่งหนีหน้าตั้ง ทุกคนต่างก็มองมาที่เขาด้วยความตะลึงและแปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้ใจกล้าแบบนี้
เพื่อนร่วมชั้นของเขาไม่ได้มีสกิลแบบการ์ฟีลด์ และไม่ใช่ทุกคนที่มีมีดระดับ B ดังนั้นการโจมตีของพวกเขาจึงไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมากนัก
ตอนนั้นพวกค้างคาวเหมือนกับรู้ว่าจ้าวเมิ่งซีได้สร้างปัญหาให้กับพวกมันเพราะสัตว์อสูรไฟของเธอ ต่อมาพวกมันกว่าสิบตัวก็ได้พุ่งเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าไม่เกรงกลัว
หวังเย่าไม่มัวคิด เขากระโดดขึ้นพร้อมกับฟันค้างคาวตัวหนึ่งทิ้งไป แล้วไปยืนอยู่ข้าง ๆ จ้าวเมิ่งซีเพื่อช่วยเธอ
“ตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ เธอจะไม่เสียผมไปแม้แต่เส้นเดียว ” หวังเย่าพูดขึ้นมา
“จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ” จ้าวเมิ่งซีกลอกตาใส่และสั่งการให้สัตว์อสูรของเธอยิงลูกไฟต่อไป
ค้างคาวกว่าสิบตัวพากันพุ่งเข้ามาพร้อมกับกรงเล็บที่คมกริบโดยหวังว่าจะฉีกจ้าวเมิ่งซีให้เป็นชิ้น ๆ
หวังเย่าให้การ์ฟีลด์คอยดูแลเธอ ส่วนเขาจะคอยใช้มีดเพื่อทำการโจมตีค้างคาวที่พุ่งเข้ามา
การ์ฟีลด์ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ในฐานะสัตว์อสูรระดับทองแล้ว ความแข็งแกร่งของมันใช่ว่าจะประมาทได้
มันใช้กรงเล็บที่คมกริบของมันกรีดผ่านการป้องกันของค้างคาวไปได้อย่างง่ายดาย จนทำให้เลือดพุ่งกระจายออกมาดั่งเม็ดฝน