ตอนที่ 40 การพนัน
“หวังเย่า นายทำได้ดีมาก” ครูประจำชั้นชมออกมา เขาเองก็มีสัตว์อสูรระดับลอร์ด แต่เขากลับไม่อาจจะจัดการกับค้างคาวได้มากนัก
ตอนนั้นเมื่อเห็นหวังเย่าทำได้ดี เขาก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
เอาจริง ๆ แล้ว หวังเย่าทำได้ดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ เป็นอย่างมาก
หวังเย่าโบกมือและถ่อมตัวทันที “เทียบกับครูแล้ว ผมยังแย่กว่า เป้าหมายของผมคือเมื่ออายุได้ 20 ปี ผมจะต้องแข็งแกร่งกว่าพวกครูให้ได้”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนแทบกระอักเลือด นี่คือคำพูดที่ดูหยิ่งทะนงและเต็มไปด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมากถึงจะพูดออกมาได้
“ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อยากจะเหนือกว่าครูภายในสองปี พูดให้ใครฟังเขาคงอยากหัวเราะให้ฟันหัก” เหลิ่งจื่อมู่เยาะเย้ยออกมา
จ้าวซื่อเองก็พูดขึ้น “ฮ่าฮ่า นี่คือเรื่องโง่ที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมา อยากเหนือกว่าครูภายในเวลาสองปี ? แกก็กล้าพูดจริง ๆ นะ ฉันพนันเลยว่าทั้งชีวิตแกก็ทำไม่ได้”
หวังเย่ามองไปยังทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น “เมื่อพวกแกสงสัยในตัวฉัน งั้นเรามาพนันกันไหม ? ”
“พนันหรือ ? ได้ แกอยากพนันอะไร ? คนอย่างฉัน เหลิ่งจื่อมู่ เคยกลัวใครที่ไหน ? ”
หวังเย่าพูดขึ้น “เท่าที่ฉันรู้มา แกสองคนมีสัตว์อสูรเลเวล 22 กับ 29 ส่วนของฉันแค่ 22 งั้นเรามาพนันกันว่าหากสัตว์อสูรของใครขึ้นไปถึงเลเวล 30 ได้ก่อน คนคนนั้นก็จะเป็นหัวหน้า พวกแกกล้ารึเปล่า ? ”
“ฮ่าฮ่า…รนหาที่ตาย ฉันไม่รู้ว่าจ้าวเมิ่งซีมองเห็นอะไรในตัวแก ทั้ง ๆ ที่แกก็โง่ขนาดนี้ ถึงกับกล้าพนันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อแกกล้าท้า แล้วทำไมฉันจะไม่กล้ารับคำท้ากันล่ะ ? ” เหลิ่งจื่อมู่ฟันค้างคาวขาดออกเป็นสองส่วนแล้วพูดขึ้นมา
จ้าวเมิ่งซีได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเบะปาก “ฉันสนใจหวังเย่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ”
จ้าวซื่อพูดขึ้น “หวังเย่า เอาจริง ๆ แล้วฉันไม่เคยเห็นใครโง่เหมือนแกมาก่อน แกกล้าพนันเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ เราคงไม่สนใจหรอก”
“อันที่จริงฉันก็ไม่สนใจรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอก มันต้องเป็นรางวัลใหญ่ ๆ หน่อย ฉันถึงจะตกลง” เหลิ่งจื่อมู่เห็นด้วย
“งั้นพวกแกก็คิดมาว่าจะใช้อะไรเป็นเดิมพัน” หวังเย่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ฉันคิดว่าแมวของแกก็แข็งแกร่งดี แต่โชคร้ายที่สัตว์อสูรจะทำสัญญาได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต งั้นเอาเป็นชุดระดับ B ของแกนั่นแหละมาเดิมพัน แกกล้าไหมล่ะ ? ” เหลิ่งจื่อมู่พูดขึ้น
จ้าวซื่อขมวดคิ้ว “มันมีชุดแค่ชุดเดียว กับเราสองคน ถ้ามันชนะมันจะได้ของจากเราสองคนไป ส่วนเราชนะเราจะได้จากมันแค่คนเดียว นี่ดูไม่ค่อยเข้าท่าเลย นอกซะจากว่ามันจะมีของดีอย่างอื่นกับตัวอยู่”
หวังเย่ามองไปที่จ้าวซื่อด้วยสีหน้าแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าไอ้บ้านี่จะมีสมองอยู่ด้วย ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายก็ไม่คิดที่จะเสียเปรียบให้ใคร สมกับที่เป็นลูกพ่อค้าจริงๆ
“ก็ได้ ถ้าฉันแพ้ ฉันจะให้เงินแก 2,000,000 เครดิต ไม่งั้นฉันจะทำงานให้แกก็ได้ แบบนี้เป็นยังไง ? ”
“ได้ ฉันตกลง” จ้าวซื่อหัวเราะออกมา
จ้าวเมิ่งซีและคนอื่น ๆ พากันขมวดคิ้ว พวกเขาพากันรับมือกับค้างคาวด้วยความยากลำบาก บางคนถึงกับบาดเจ็บ แต่สามคนนี้กลับมัวแต่พนันกันอยู่
หวังเย่าตะโกนขึ้นมา “เรื่องนี้ขอให้ครูเป็นพยานให้ทีนะครับ”
ครูประจำชั้นส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับหรือคัดค้านอะไร
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้น “ตระกูลของฉันจน ในการพนันนี้ฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพื่อความยุติธรรม ฉันควรจะได้มากกว่าพวกแกอย่างน้อย 10 เท่า เมื่อพวกแกกล้าพนัน งั้นก็บอกมาว่าพวกแกจะวางเดิมพันเท่าไหร่”
เหลิ่งจื่อมู่และจ้าวซื่อโกรธขึ้นมา พวกเขาคิดจะหลอกหวังเย่า แต่ไม่คิดเลยว่าเป็นพวกเขาที่หลงกลซะเอง
แต่คำพูดของหวังเย่าก็ฟังดูมีเหตุผล พวกเขาไม่อาจจะเถียงอะไรได้ มันจริงที่ว่าการพนันนี้ทั้งสองคนมีโอกาสชนะมากกว่า
“หวังเย่า แกคงฝันอยู่สินะ” จ้าวซื่อพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แกกล้าเสี่ยงแบบนี้แกไม่กลัวว่าทั้งชีวิตก็ใช้หนี้ให้พวกฉันไม่หมดรึไง ? ”
“ทุกคนที่นี่เป็นพยาน ฉันไม่มีทางผิดคำพูดแน่” หวังเย่าพูดออกมาด้วยท่าทีหนักแน่นโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ฮึ่ม…อย่ามาท้าทายฉันน่ะ ก็ได้ เป็นแกเองที่รนหาที่ตาย เมื่อถึงเวลานั้นจริง ๆ ก็อย่าได้ตำหนิใคร ฉัน จ้าวซื่อ ยินดีจะรับคำท้านี้ไว้ ส่วนเงินเดิมพันก็คือ 4,000,000 เครดิต”
“สมกับเป็นแก” หวังเย่าพอใจเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่ได้แสดงมันออกมา
เมื่อได้ยินจ้าวซื่อพูดแบบนั้น เหลิ่งจื่อมู่ก็ไม่อาจจะน้อยหน้าได้
“ถ้าฉันแพ้ ฉันจะให้ชุดอุปกรณ์ระดับ A กับแกไป” แม้ว่าเขาจะพูดออกมาเสียงดัง แต่ก็รู้สึกได้ถึงความลังเลในคำพูดของเขาอยู่
เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็พูดขึ้นมาทันที “เท่าที่ฉันรู้มาชุดอุปกรณ์ระดับ A มีขั้นสูง, กลางและต้น ขั้นต้นราคา 3 ล้าน, ขั้นกลางราคา 4 ล้านและขั้นสูงราคา 5 ล้านเครดิต ด้วยฐานะของแกแล้ว ฉันเดาว่าคงจะเป็นชุดอุปกรณ์ระดับ A ขั้นสูงสินะ”
เหลิ่งจื่อมู่ชะงักไป เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกต้อนให้จนมุมแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อาจจะเสียหน้าได้ “ใช่ ตระกูลของฉันมีฐานะที่สูงส่ง เป็นธรรมดาที่ฉันจะไม่เอาเปรียบคนจน ๆ อย่างแกหรอก”
เขาคิดว่าหวังเย่านั้นจนและคงได้แต่ใช้ชีวิตในสลัม
หวังเย่าขมวดคิ้วแต่เขาไม่ได้โกรธ เขาพยักหน้าอย่างพอใจและพูดขึ้น “งั้นเราสามคนตกลงตามนี้ ถ้าใครผิดสัญญา งั้นขอให้ทั้งตระกูลต้องไม่ตายดี”
เขาได้ประกาศคำสาบานออกมาต่อหน้าทุกคน เมื่อทุกคนรู้แล้วว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า แต่การที่เขากล้าสาบานแบบนี้ออกมา กลับทำให้เหลิ่งจื่อมู่และจ้าวซื่อถึงกับใจสั่น
ทั้งสองคนอยากจะขอให้หวังเย่าเปลี่ยนคำสาบาน แต่ตอนนั้นกลับมีทีมสนับสนุนเดินทางเข้ามาทันที
เมื่อทีมสนับสนุนมาถึงก็ทำให้จัดการกับค้างคาวได้อย่างง่ายดาย และคลายความกดดันลงอย่างมาก พวกค้างคาวหันหลังกลับเพื่อที่จะหนี แม้แต่หัวหน้าฝูงค้างคาวก็เป็นตัวแรกที่คิดจะหนีไปเช่นกัน
แต่มันจะไป ๆ มา ๆ ได้ตามใจรึไง ?
ครูประจำชั้นพร้อมกับครูคนอื่น ๆ ได้ไล่ตามหลังมันไปและไล่ฆ่ามันทันที
สุดท้ายค้างคาวเหมันต์แห่งความมืดกว่า 200 ตัวในตอนแรก ก็เหลือรอดแค่ไม่กี่สิบตัวที่มีชีวิตกลับไป
และเพราะรักษาได้ทันท่วงทีจึงทำให้พวกนักเรียนไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
แต่เพราะค้างคาวเหมันต์แห่งความมืดนั้นมีเชื้อโรคอยู่กับตัว มันอาจจะทำให้พวกเขาติดเชื้อจากแผลเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องล้างแผล และทายาพร้อมกับพันแผลเอาไว้ให้มิดชิด