ตอนที่ 39 ท่าทีตอนโมโหขั้นสุด

เดิมพันเสน่หา

ความโมโหขั้นสุดของหนานกงเยี่ยเหมือนสายสปริงที่ยืดอย่างเต็มที่ ซึ่งวินาทีต่อไปก็คงจะยืดจนสายขาด เขาพยายามอดกลั้นความใจร้อนที่อยากจะแขวนตัวเธอไว้บนที่สูง จากนั้นเขาก็กัดฟันกรอด แล้วแสยะยิ้มออกมา “ได้ เหลิ่งรั่วปิง คุณทำดีมาก!” 

 

 

ถึงแม้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่แกะตัวน้อยที่ว่าง่าย ทว่ากลับนึกไม่ถึงว่าเธอกล้าต่อต้านเขาขนาดนี้ เขายอมรับว่า เมื่อกี้เขาตั้งใจให้ลู่หวาหนงมาคลอเคลียกับเขา ก็แค่อยากจะลองดูปฏิกิริยาของเธอ แต่ปฏิกิริยาของเธอทำให้เขารู้สึกผิดหวังจริงๆ เธอไม่แคร์เขาเลยสักนิด! 

 

 

ผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจอย่างเธอ เขาจะใส่ใจและรักเธอไปทำไม! 

 

 

หนานกงเยี่ยกระตุกมุมปากเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา และยิ้มนั้นก็ดูเย็นชาจนสามารถทำให้คนรู้สึกเหน็บหนาวจนปากสั่น บรรยากาศรอบๆ ตัวเขาเหมือนจะก่อเป็นน้ำแข็งขึ้นมาทันที 

 

 

จู่ๆ มือใหญ่ๆ ของเขาก็จับคางของเธอไว้ และค่อยๆ จับให้แน่นขึ้น สุดท้ายก็จับแน่นจนทำให้ใบหน้าที่ขาวผุดผ่องของเธอดูเจ็บปวดขึ้นมาในทันที 

 

 

เจ็บ เจ็บมากๆ นี่เป็นความรู้สึกแรกของเหลิ่งรั่วปิง ทว่าเธอกลับกัดฟันไว้แล้วไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา สายตาอันดื้อรั้นของเธอจับจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหนานกงเยี่ย ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดใจจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ 

 

 

หนานกงเยี่ยเกลียดท่าทางแบบนี้ของเธอมากๆ เกลียดจนทำให้บีบกระดูกของเธอให้เละ เพื่อที่จะทำให้ความเย่อหยิ่งที่แผ่ออกมาจากตัวของเธอหายไป ถึงแม้เขาจะเกลียดผู้หญิงพวกที่มีมารยาร้อยเล่ม และพยายามเสแสร้งทำดีเพื่อเลียแข้งเลียขาเขา ทว่าตอนที่เหลิ่งรั่วปิงแสดงท่าทางที่ต่อต้านเขา ทำให้เขารู้สึกโมโหเป็นไฟกว่าเดิม เขาอยากจะให้ผู้หญิงคนนี้เชื่อฟังคำสั่งของเขา และอยากจะให้เธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความเต็มใจ 

 

 

หนานกงเยี่ยกระตุกมุมปากขึ้น แล้วคลายยิ้มอันเลือดเย็นและโหดเหี้ยมออกมา “เหลิ่งรั่วปิง คุณคิดอยากจะออกจากชีวิตผมอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม หรือว่าคุณลืมไปแล้ว ตอนแรกใครเป็นคนที่วางแผนเพื่อที่จะได้เข้าหาผม สุดท้ายก็ไต่เต้าขึ้นเตียงของผม ห๊ะ? คุณไม่อยากเป็นนักสถาปนิกของหนานกงแล้วหรอ” 

 

 

คำๆ นี้พยายามตอกย้ำเหลิ่งรั่วปิง เธอเกือบจะลืมเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของเธอ เพราะว่าความรู้สึกโกรธของเธอไปแล้ว ตอนนี้เธอยังไม่สามารถมีเรื่องผิดใจกับหนานกงเยี่ยได้ เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกเสียใจที่เมื่อกี้เธอได้ต่อล้อต่อเถียงกับเขา ทว่าเธอก็เป็นคนที่ดื้อรั้นอยู่แล้ว ต่อให้เธออยากจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหนานกงเยี่ยมากขนาดไหน แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถแสดงท่าทางที่ประจบประแจงเขาได้ เพราะมันดูไร้ศักดิ์ศรี 

 

 

ทันใดนั้น เหลิ่งรั่วปิงกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความเคยชิน และกำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงเพื่อเอาอกเอาใจเขาให้มีความสุขโดยที่ตัวเองก็ไม่ต้องเสียศักดิ์ศรี เธอไม่เคยเอาใจผู้ชาย จึงไม่มีประสบการณ์มาก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องยากสำหรับเธอจริงๆ ทันใดนั้นเอง ริมฝีปากล่างของเธอถูกกัดจนซีดขาวและมีรอยฟันประทับอยู่บนริมฝีปาก 

 

 

เพราะเห็นเธอทำท่าทางแบบนี้ หนานกงเยี่ยรู้สึกโมโหและใจร้อนกว่าเดิม ใครอนุญาตให้เธอกัดริมฝีปากตัวเองแบบนั้น ริมฝีปากของเธอเป็นของเขา! ตั้งแต่ที่ได้ลิ้มรสริมฝีปากอันอวบอิ่มของเธอ เขาก็ได้เห็นว่านั่นเป็นของรักของหวงของเขาไปแล้ว 

 

 

ทว่าหนานกงเยี่ยทำตัวเย็นชาจนเคยชินไปแล้ว เขาไม่ยอมพูดไม่ยอมจาแม้แต่สักคำ ดังนั้น เขาจึงใช้ท่าทีของตัวเองในการแสดงอารมณ์ จู่ๆ เขาก็ประกบจูบบนริมฝีปากของเธอ ริมฝีปากของเธอถูกปล่อยออกจากฟันที่กำลังกัดอยู่ จากนั้นก็จูบเธออย่างดูดดื่มจนต้องพลิกตัวเธอไปมา 

 

 

เหลิ่งรั่วปิงนึกไม่ถึง ผู้ชายที่โมโหสุดๆ แบบเขา กลับจูบเธอขึ้นอย่างกระทันหัน จนทำให้เธอแทบจะรับมือไม่ทัน เธอถูกเขาดันไปแนบชิดกับผนัง แน่นอนว่า ทีแรกเธอกำลังจะคิดหาวิธีเพื่อที่จะคืนดีกับเขา นี่ถือเป็นโอกาสสำคัญ ดังนั้นเธอจึงต้องให้ความร่วมมือกับเขาหน่อย แขนสองข้างที่ขาวผ่องดั่งหยกก็ไปคล้องคอของเขาไว้ 

 

 

ก่วนอวี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หันหลังไปด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ ในใจจึงอุทานขึ้นไม่หยุด คุณชายเยี่ยของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งถูกคุณเหลิ่งกระตุ้นอารมณ์จนขึ้นๆ ลงๆ แต่ก่อนเขาไม่เคยมีอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนอย่างรุนแรงในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้ อีกอย่างเขาไม่เคยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แบบนี้ น่าเสียดายที่คุณชายเยี่ยกลับไม่รู้ตัว 

 

 

พวกเขาสองคนจูบกันอย่างดูดดื่มจนยากที่จะผละออกจากกันได้ และก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าอวี้ไป่หันและมู่เฉิงซีกำลังออกจากห้องเหมาวีไอพี และในเวลานี้เองทั้งคู่ก็มองดูพวกเขาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง 

 

 

หลังจากที่มู่เฉิงซีตกตะลึงเพียงชั่ววูบ ก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม 

 

 

อวี้ไป่หันผิวปากแซวพวกเขาที่กำลังคลอเคลียกัน