การทรมานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทัณฑ์เปลี่ยนแส้ไปหลายเส้นเพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่
หลงเทียนอวี้กลับออกไปแล้ว ภายในคุกจึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและองครักษ์เหล่านั้น
“ดูท่าท่านผู้ว่าการผู้ยิ่งใหญ่จะยังไม่ยอมสารภาพ ข้านับถือในความเป็นลูกผู้ชายของท่านเหลือเกิน พ่อบ้านเติ้ง จงไปตามหมอหลวงประจำจวนของเรามา” หลินเมิ้งหยาแทะเมล็ดทานตะวันจนปากแห้งแล้วลุกขึ้น สายตาพลันมองทางนักโทษที่อยู่ตรงหน้า มุมปากเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
ไม้ก๊อกถูกเปลี่ยนไปสามอันแล้ว แต่ละอันเปียกชื้นไปด้วยเลือดสีแดงสด
หากไม่ใช่เพราะหลินเมิ้งหยานำซุปโสมมาให้เขากิน ป่านนี้ชีวิตของเขาคงดับสูญไปนานแล้ว
“อยากด่าข้าใช่หรือไม่?” นางยิ้มตาหยีพลางจ้องมองผู้ว่าการที่ถูกตีจนไร้สภาพของความเป็นมนุษย์ รอยยิ้มของหลินเมิ้งหยาเปี่ยมไปด้วยความอำมหิต
“เจ้ากำลังคิดว่าข้ารังแกเจ้าอยู่หรือไม่ ทุกครั้งที่ข้าบอกให้เจ้าสารภาพ แต่ข้ากลับไม่ให้แม้แต่เวลาในการพูดและสั่งให้พวกเขาตีเจ้าต่อไป?” ตีไปได้สักพักหนึ่ง หลินเมิ้งหยาจึงสั่งให้นำไม้ก๊อกออกจากปาก
จากนั้นไม่ว่าเขาจะสารภาพหรือไม่ การตีครั้งต่อไปก็เริ่มขึ้นในทันที
เพราะเหตุนี้แววตาของผู้ว่าการที่มองมาทางหลินเมิ้งหยาจึงเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
คิดไม่ถึงเลยว่า ใบหน้างดงามใสซื่อเช่นนี้จะเก็บซ่อนหัวใจอาบยาพิษที่รุนแรงยิ่งกว่าพิษงูหรือแมงป่องเอาไว้
“เมื่อครู่ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วนี่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของข้ามิใช่เพื่อถามหาความจริงจากเจ้า แต่ข้าทำเพื่อแก้แค้น เจ้ากล้าคิดทำร้ายข้า ข้าก็จะทำให้เจ้าได้รู้ว่าสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในปฐพีนี้คือการอยู่ไม่ได้หรือแม้แต่จะตายก็ยังไม่ได้!”
หลินเมิ้งหยาที่กำลังเอ่ยเสียงเบาหยักยิ้มอย่างสวยงามและใจดี
ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นชา แม้แต่ผู้ชายยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้ม
จู่ๆ ผู้ว่าการก็นึกเสียใจทีหลัง เหตุใดเขาที่เคยมีชีวิตอย่างผาสุกจะต้องเจอเรื่องราวเช่นนี้
“พระชายา หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเติ้งยืนถวายคำนับอยู่หน้าประตู หมอหลวงผู้นี้เป็นหมอมีชื่อของเมืองหลวง ทว่าเมื่อสามปีก่อนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าเขาถูกหลงเทียนอวี้ซ่อนตัวเอาไว้ เหตุเพราะต้องการให้เขาไปทำเรื่องบางอย่างที่เป็นความลับแทนเขา
“อืม เชิญ” หลินเมิ้งหยากลับไปนั่งยังเก้าอี้ของตนเอง นางได้เห็นชายหนุ่มสวมใส่ชุดผ้าคลุมตัวยาวสีขาวเดินตามหลังพ่อบ้านเติ้งเข้ามาภายในห้องขัง
“ถวายคำนับพระชายา” น้ำเสียงของชายหนุ่มคนนั้นอ่อนโยน เพียงได้ยินก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงขององค์ชายเชี่ยนเชี่ยน1
เงยหน้าขึ้น แต่เขาคือชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาเกินไปจนหลินเมิ้งหยาอดสงสัยไม่ได้
มิใช่ว่าเป็นหมอหรอกหรือ? แต่เพราะเหตุใดจึงดูอ่อนเยาว์ถึงเพียงนี้?
“อาจารย์เจียงเป็นอาจารย์ของกระหม่อม พระชายาเรียกกระหม่อมว่าเจียงเฉิงก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” เจียงเฉิงอธิบายด้วยท่าทางเข้าอกเข้าใจ สายตาเหลือบมองใบหน้าของหลินเมิ้งหยาเพียงครู่เดียว ก่อนจะหลุบตาต่ำ
เพราะเหตุนี้ท่านอ๋องจึงปฏิบัติกับพระชายาเป็นอย่างดีจนผิดปกติ ที่แท้พระนางก็เป็นคนสวยงามราวนางฟ้า
“สวัสดีหมอเจียง อันที่จริงมิได้มีเรื่องใหญ่อันใดหรอก ข้าแค่รบกวนท่านมาเพื่ออบรมสั่งสอนนักโทษที่ดื้อดึงผู้นี้ ได้ยินมาว่าร่างกายของมนุษย์มีทั้งหมดแปดจุด หากคนธรรมดาโดนกดเข้าจะทำให้จุกเจียนตาย ประสาทสัมผัสทั้งห้าถูกเปิดออก แต่ข้ามิรู้ว่าหากคนที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้โดนเข้าจะเป็นเช่นไร?”
เจียงเฉิงเหลือบมองไปทางนักโทษที่ถูกทรมานจนหมดสภาพความเป็นมนุษย์ นัยน์ตาแฝงไว้ซึ่งความสงสาร
แม้เขาจะติดตามอาจารย์และเป็นหมอหลวงประจำจวนแห่งนี้ แต่เพราะความเป็นหมอ พวกเขายังอดที่จะละทิ้งความสงสารไปมิได้
“ทูลพระชายา หากนักโทษถูกกดเข้าแล้วละก็ เขาจะมิได้หมดสติ เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับจะมีมากมายหลายเท่า แต่หากใช้พลังชีวิตมากจนเกินไป ไม่นานไฟแห่งชีวิตก็จะดับลง”
ทว่า ท่าทางของหลินเมิ้งหยากลับดูพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรหรอก เขามีวิทยายุทธ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อีกทั้งข้ายังให้เขาได้ดื่มกินซุปโสม เจ้าจงช่วยข้ากดจุดทั้งแปดของเขา พ่อบ้านเติ้งจงไปหาหนูมาให้ข้าสักห้าหกตัว ยิ่งใหญ่ยิ่งดี”
หลินเมิ้งหยาหันไปมองสายตาของผู้ว่าการ ทว่านางกลับได้เห็นแววตาที่กำลังเยาะเย้ยตนเอง
นางสัมผัสได้เลยว่าความมุ่งมั่นของผู้ว่าการกำลังจะหมดไป ขอเพียงนางวางอุบายให้แยบยล เขาไม่มีทางที่จะไม่คายความลับออกมา
เจียงเฉิงหยิบเข็มออกตนเองออกมา จากนั้นแทงลงไปบนร่างกายของผู้ว่าการ
ต่อมา เลือดของเขาไม่เพียงไม่หยุดไหล แต่ผู้ว่าการที่กำลังสะลึมสะลือกลับตื่นตัวขึ้น
“พระชายา ตามจับหนูมาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านต้องการให้ทำอะไรหรือ?”
หลินเมิ้งหยาเหลือบมองผู้ว่าการ แววตาขี้เล่นฉายแววเย็นชา
“เอาหนูไปใส่ไว้ในกางเกงของเขา จากนั้นพวกเจ้าทุบตีตัวหนูและโรยผงจี๋เล่อลงบนตัวพวกมัน ท่านผู้ว่าการ นี่คือของขวัญที่ข้ามอบให้กับท่าน…ไฟน้ำแข็งบรรลัยกัลป์!”
ทุกคน รวมถึงเจียงเฉิงล้วนสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอด
พระชายามิได้ทำการล้วงความลับเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่านางกำลังคิดจะเอาชีวิตของผู้อื่น
แต่องครักษ์เหล่านั้นไม่สนใจเรื่องนี้ เหล่าผู้คนที่ต้องตายไปล้วนเป็นเสมือนพี่น้องของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางเก็บคนที่ทำร้ายพี่น้องของพวกตนเองเอาไว้อย่างแน่นอน
“พระชายา การลงโทษเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” เพียงได้ยิน ขนบนร่างของเจียงเฉิงลุกชัน คิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะกระซิบถามหลินเมิ้งหยา
“ก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมนี่ เขาต้องการเผาข้าให้ตายในคุกแห่งนั้น สิ่งที่ข้ากำลังมอบให้เขาคือดอกเบี้ยที่สมควรจะได้รับเท่านั้น”
เจียงเฉิงเป็นหมอ แน่นอนว่าเขาไม่อาจทำใจฆ่าสัตว์ตัดชีวิตได้อย่างหลินเมิ้งหยา อีกอย่าง พระชายาพระองค์นี้ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน
ผงจี๋เล่อคือผงยาวิเศษชนิดหนึ่ง ถ้าคนธรรมดาโดนเข้าจะไม่เจ็บหรือคัน
แต่หากคนที่มีบาดแผลโดนเข้า ความเจ็บปวดและความคันจะซึมลึกถึงกระดูก
นี่คือผลงานชิ้นโบแดงของหลินเมิ้งหยา ทว่าองครักษ์เหล่านั้นกลับไม่เข้าใจ อีกทั้งยังพยายามสาดเข้าไปที่ร่างของผู้ว่าการ
“โอ้ โอ้ โอ้ พอแล้ว ข้าต้องใช้เงินซื้อมานะ ใช้น้อยๆ หน่อย!” นี่เป็นยาที่เจ้าของร้านว่านเหย้าเก๋อต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจในการหามาได้แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม หากถูกใช้จนหมดบนร่างของเจ้ากุ้งแห้งนี้จะเสียของหมด
หลังจากยาถูกโรยลงบนตัวของผู้ว่าการได้ไม่นาน ร่างกายของเขาก็เริ่มโค้งงอ
หลินเมิ้งหยานั่งมองเงียบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นมิอาจตอบได้ นางจำเป็นต้องสังเกตให้ดี
ไม่นาน ยาก็ออกฤทธิ์เต็มที่
สิ่งที่ได้เห็นคือร่างกายที่แข็งทื่อดั่งเหล็กกล้าของผู้ว่าการอ่อนยวบประหนึ่งขนมปังนุ่มนิ่ม น้ำมูกน้ำตารินไหลไม่ขาดสาย เขาร้องไห้อย่างน่าสงสาร
บนโลกใบนี้มิได้มีเพียงความเจ็บปวดที่จะทำให้คนเราพ่ายแพ้
นางอ้าปากยิ้มกว้าง หยิบขวดที่เหลือยาเพียงครึ่งเดียวเข้ามาเก็บไว้ในอ้อมกอด ทว่ากลับได้เห็นสายตาไม่เห็นด้วยจากเจียงเฉิง
“เจ้ากำลังคิดว่าข้าโหดเหี้ยมเกินไปใช่หรือไม่?”
เจียงเฉิงชะงัก จากนั้นส่ายหน้า
ภายในความทรงจำของเขา หญิงสาวล้วนมีอุปนิสัยอ่อนโยน แม้แต่มือลอบสังหารหญิงของท่านอ๋องก็เช่นกัน เมื่อพวกนางมิได้ออกปฏิบัติภารกิจ ท่าทางของพวกนางมักจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
มิมีผู้ใดที่จะงดงามแต่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้
เหตุใดผู้หญิงแบบนี้จึงได้ขึ้นเป็นนายหญิงของพวกเขากันนะ?
“หมอเจียง บนโลกใบนี้มีคนประเภทชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น แต่อีกคนกลับหวังเพียงเนื้อปลาอยู่มากมาย ความเมตตามักจะนำมาเพียงความยุ่งยาก”
อันที่จริง ความรู้สึกที่หลินเมิ้งหยามีต่อหมอรูปหล่อคนนี้นั้นไม่เลวเลย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีจิตใจอ่อนไหวเหมือนสตรีเช่นนี้
“กระหม่อมไม่อาจเห็นด้วยกับคำพูดของพระชายา นักบุญเคยกล่าวว่าความกตัญญูคือหลักปกปักคุ้มครองในใต้หล้า ความเมตตาคือหลักพื้นฐานในการสร้างประเทศ”
ดูไม่ออกเลยว่าเขาจะเป็นหมอที่น่าสงสารถึงเพียงนี้
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ จากนั้นตอบกลับเสียงเบา “มิใช่ปลา แล้วจะรู้ถึงความสุขของปลาได้อย่างไร นักบุญที่เจ้าอ้างเคยปกป้องดูแลประเทศชาติบ้านเมืองเช่นนั้นหรือ? ล้วนเป็นเพียงคำพูดไร้ประโยชน์ที่สักจะพูดออกมาก็เพียงเท่านั้น หากมีความสามารถเช่นนั้นจริง ป่านนี้เขาคงกลายเป็นฮ่องเต้ไปนานแล้ว อีกทั้งยังมิต้องร่อนเร่สั่งสอนผู้อื่นเช่นนี้”
ประโยคเดียว ทำให้เจียงเฉิงเกือบสำลัก
หลินเมิ้งหยามิได้ดูหมิ่นเหล่าบรรพบุรุษ แต่เพราะคำพูดของหมอหลวงผู้นี้แค่ไปจี้จุดที่นางเกลียดชังเข้าเท่านั้น
เจียงเฉิงโกรธจนหน้าแดงก่ำ แต่ถึงอย่างไรหลินเมิ้งหยาก็เป็นนายหญิง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสะกดกลั้นความไม่พึงพอใจเอาไว้ ทว่าภายในใจกลับคิดว่าผู้หญิงคนนี้หยิ่งยโสยิ่งนัก ปากคอเราะราย มิเหมาะสมจะเป็นนายหญิงของจวนอวี้
อีกด้าน ผู้ว่าการเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป เพียงได้เห็นหนูเหล่านั้น แข้งขาของเขาสั่นเทิ้ม
“จงฟัง ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากเจ้ายังไม่พูด หนูพวกนี้จะเข้าไปใกล้ของรักของหวงของเจ้า!”
หลินเมิ้งหยายื่นคำขาด ทว่าน้ำเสียงของนางกลับดูไม่เต็มใจเท่าไรนัก
ปากที่คาบไม้ก๊อกอยู่ของผู้ว่าการเริ่มส่งเสียงอู้อี้
“เถาฮวาอู๋! พวกเราคือนักฆ่าของเถาฮวาอู๋! ข้าบอกแล้ว ข้าจะบอกทั้งหมด!”
ดูท่าผงจี๋เล่อจะใช้ได้ผลดีกว่าแมลงหมื่นพิษ
เมื่อต้องตกอยู่ในสภาพเจ็บปวดและแสบคัน ไม่ว่าใครต่างก็มิอาจทานทน
“ดี ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงคายความลับออกมา หากเจ้ากล้าโป้ปด ข้าจะให้ผงจี๋เล่อเข้าไปกัดเซาะร่างกายของเจ้าอีก”
“มิบังอาจ! ข้าน้อยมิกล้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาได้โปรดถอนพิษผงจี๋เล่อให้ข้าน้อยด้วย!” สายตาของผู้ว่าการสะท้อนให้เห็นถึงสติที่ใกล้จะสูญสิ้นเต็มที ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย
“พ่อบ้านเติ้ง เจ้าจงจดเอาไว้ให้ดี พูดจบเมื่อไรค่อยถอนพิษบนร่างเขา จะถอนพิษได้หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเขาแล้ว”
หลินเมิ้งหยากลับไปนั่งยังที่นั่งของตนเอง ผู้ว่าการคนนั้นรีบคายความลับออกมาทั้งหมด
ที่แท้พวกเขาคือกลุ่มนักลอบสังหารเถาฮวาอู๋แห่งเจียงหู
อันดับแรก ชายที่ถูกเรียกว่านายน้อยผู้นั้น แม้ใบหน้าของเขาจะยังดูอ่อนเยาว์ แต่อันที่จริงอายุอานามของเขามากถึงห้าสิบกว่าปีแล้ว อีกทั้งยังมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตและชำนาญในการต่อสู้
คนที่สามารถว่าจ้างกลุ่มเถาฮวาอู๋ได้ จะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างงาม หรือไม่ก็ต้องนำสมบัติหายากมาแลก
นอกจากจะมีชื่อเสียงในแถบเจียงหูแล้ว พวกเขายังมีขั้วอำนาจอยู่ในราชสำนัก
ทว่า นอกจากนายน้อยคนนั้นแล้ว มิมีใครรู้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร
ส่วนเรื่องที่หลินเมิ้งหยาถูกลอบสังหารในคราวนี้เป็นคำสั่งมาจากภายใน ผู้ว่าการได้รับคำสั่งโดยตรง โดยเขาต้องสกัดทางผ่านที่นางจะต้องไป แต่บังเอิญเหลือเกินที่วันนั้นมีการประลองยุทธ์หาคู่พอดี
แต่เมื่อถามว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ต้องการปลิดชีวิตนาง เขากลับปฏิเสธว่าไม่รู้
อีกอย่าง ที่บัญชาการใหญ่ของกลุ่มเถาฮวาอู๋ยังอยู่ในท่าเรือแห่งหนึ่ง
ไม่มีใครรู้ว่าที่แห่งนั้นคือที่ใดกันแน่ แต่พวกเขารู้ว่าเมื่อจะออกปฏิบัติภารกิจ จะมีป้ายอาญาสิทธิ์ดอกท้อส่งมา!
บนป้ายอาญาสิทธิ์ดอกท้อนั้นจะมีเนื้อหาของภารกิจเขียนอยู่
***********************
1 องค์ชายเชี่ยนเชี่ยน เปรียบเปรยผู้ที่มีวาจากิริยานอบน้อมอ่อนหวาน